
ต้องทำใจ ราคาน้ำมันเบนซินขึ้นอีก 80 สตางค์/ลิตร มีผลพรุ่งนี้

9 มี.ค. 2565 – บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ได้มีการประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 80 สตางค์/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลราคาคงเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2565 เวลา 05.00 น.
ส่งผลให้มีราคาดังนี้ เบนซิน ราคา 47.56 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 40.15 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 39.88 บาท/ลิตร E20 ราคา 39.04 บาท/ลิตร E85 ราคา 32.24 บาท/ลิตร ดีเซล(บี7) ราคา 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล(บี10) ราคา 29.94 บาท/ลิตร B20 ราคา 29.94 บาท/ลิตร ดีเซลพรีเมี่ยม 35.96 บาท/ลิตร (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด
https://www.thaipost.net/economy-news/100802/

พล.อ.ประยุทธ์” ตอบประเด็นราคาน้ำมัน ย้ำ ตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้ เร่งหามาตรการลดผลกระทบประชาชนให้น้อยที่สุด รับ มีปัญหางบประมาณจำกัด ตัดพ้อไม่อยากพูดมาก ถูกเอาไปบิดเบือน
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 9 มี.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ว่า วันนี้มีการประชุมทั้งวันและหลายเรื่องที่เป็นปัญหา รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการในการแก้ไข ลดความเดือดร้อนของประชาชน คงไม่ใช่แค่เรื่องพลังงาน เรื่องน้ำมัน
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีทั้งสิ้น 7 วาระ มีการรับทราบสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกว่าวันนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เพียงดีเซล แต่รวมถึงเบนซิน LPG NGV ต้องหามาตรการในการบริหารว่าจะทำอย่างไรที่จะเกิดผลกระทบประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ ทั้งมาตรการทางด้านภาษี เงินที่จัดหามาทดแทนกองทุนพลังงานที่มีน้อยลงและจำกัด
ทั้งนี้ มีสมมติฐานไว้หลายประการ คือ ถ้าราคาอยู่ในปัจจุบันเราจะ Subsidize (อุดหนุน) ได้ถึงเมื่อไหร่ ถ้าสูงกว่านี้จะทำอย่างไร และถ้าสูงขึ้นไปอีกจะทำอย่างไร ถ้าท้ายที่สุดสูงขึ้นไปอีกก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะหลายประเทศก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน ราคาน้ำมันหรือแก๊สของเราอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับอาเซียน แต่ไม่ได้ต่ำที่สุด เพราะบางประเทศมีแหล่งพลังงาน ต้องเข้าใจด้วย
“นายกฯ ไม่อยากพูดไรมาก พูดไปก็ถูกเอาไปบิดเบือนหมด พูดไปบางทีก็ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เพราะไปจับแต่ประเด็นที่จะเป็นปัญหาออกไป”
สิ่งสำคัญวันนี้ทำอย่างไรประเทศชาติถึงจะเดินหน้าไปได้ในสถานการณ์ที่มีสงครามอยู่ในปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่ามันอยู่ไกลกันก็คงไม่ใช่ เพราะห่วงโซ่การประกอบธุรกิจต่างๆ การค้าการส่งออก มันเชื่อมโยงกันทั้งหมด ประเทศไทยก็เป็นสมาชิกอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน ค้าขายด้วยกัน มีทั้งการเจรจาตามข้อตกลง FTA, RCEP, อินโด-แปซิฟิก แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ตรงจุดที่สมดุลที่สุดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการกับทุกประเทศ ให้เกิดความสมดุลมากที่สุดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนคนไทยโดยตรง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้มีดำริโดยเรียกคณะกรรมการเกี่ยวกับแร่มาหารือว่าไทยมีแร่อะไรอยู่ที่ไหนบ้าง จะทำอย่างไรในการแก้ปัญหาเรื่องปุ๋ยต่างๆ ดีขึ้นในอนาคต ต้องศึกษาว่าทำอย่างไร สามารถจัดหาวัสดุต้นทุนได้บ้างหรือไม่ และต้องไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หากเรามีแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ต้องสั่งซื้อปุ๋ยราคาแพงจากต่างประเทศ จะโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เราต้องช่วยตัวเองกันได้บ้าง นอกจากการซื้อจากต่างประเทศอย่างเดียว อาจจะต้องใช้เวลาศึกษาในเรื่องนี้ และต้องบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องอาหารสัตว์ ปุ๋ย ซึ่งบางส่วนผลิตมาจากพลังงานด้วย ซึ่งแต่ละปีเราสั่งเข้ามามาก
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงการตรึงราคาน้ำมันต้องมีการตรึงเพิ่มเติมเพื่อช่วยประชาชนหรือไม่อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้ เข้าใจไหม ตอนนี้ยังตรึงไปก่อน 30 บาท จนกว่าไม่สามารถจะรับได้ ถ้ามันเกิน 130 (ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) ถ้าเกิน 150 จะทำอย่างไร ถ้าถึง 180 จะทำอย่างไร วันนี้ถ้าเราเปรียบเทียบระยะเวลาก่อนหน้านั้นในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ก็สูงอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการสูงระยะสั้นไม่ใช่สูงแบบนี้ ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเลย เพราะคนละสถานการณ์กัน แล้ววันนี้กับวันนั้นมันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาก็มีวิธีการที่แตกต่างกัน เพราะวันนี้ประเทศไทยก็เจริญเติบโตขึ้นมาเยอะ เทคโนโลยีก็เยอะ การใช้รถใช้พลังงานก็เยอะขึ้นมากขึ้น ผลกระทบต้องมากขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่ปัญหาของเราก็คืองบประมาณที่เรามีอยู่มันก็จำกัด ท่านก็ทราบดีอยู่แล้วเนื่องจากสถานการณ์เราก็ใช้ในเรื่องสุขภาพไปเยอะพอสมควร การช่วยเหลือต่างๆ หลายมาตรการออกไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แล้วในหลายๆ มิติ ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดแล้วกัน”
ในช่วงท้ายเมื่อถูกถามเรื่องน้ำมันเบนซิน นายกรัฐมนตรี มีการตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า บอกไปเมื่อวานนี้เขากำลังหามาตรการพิจารณาที่เหมาะสม เฉพาะดีเซลยังอาการหนักอยู่เลย เบนซินก็ต้องไปหาวิธีการจะเฉพาะกลุ่มอย่างไรหรือไม่ ก่อนถามทิ้งท้ายว่าเข้าใจไหม แล้วเดินออกจากโพเดียมในจุดแถลงข่าวทันที.
https://www.thairath.co.th/news/politic/2336982
http://www.eppo.go.th/index.php/th/component/k2/item/17872-news-070365-01

น้ำมันแพงเพราะเกิดจากการขัดแย้งของประเทศที่ส่งออกน้ำมันเป็นสาเหตุที่รัฐบาลต้องพยายามตรึงราคาให้นานที่สุด
ประเทศทั่วโลกประสบปัญหาเช่นกันค่ะ
ต้องทำใจและใช้น้ำมันให้คุ้มค่า ใช้วิธีประหยัดน้ำมันเท่าที่จะทำได้นะคะ
💚มาลาริน/ต้องทำใจ..พรุ่งนี้น้ำมันเบนซินขึ้นอีก80สต./นายกฯตอบประเด็นราคาน้ำมัน/เปรียบเทียบราคาน้ำมันประเทศอาเซียน
9 มี.ค. 2565 – บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ได้มีการประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 80 สตางค์/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลราคาคงเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2565 เวลา 05.00 น.
ส่งผลให้มีราคาดังนี้ เบนซิน ราคา 47.56 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 40.15 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 39.88 บาท/ลิตร E20 ราคา 39.04 บาท/ลิตร E85 ราคา 32.24 บาท/ลิตร ดีเซล(บี7) ราคา 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล(บี10) ราคา 29.94 บาท/ลิตร B20 ราคา 29.94 บาท/ลิตร ดีเซลพรีเมี่ยม 35.96 บาท/ลิตร (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด
https://www.thaipost.net/economy-news/100802/
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 9 มี.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ว่า วันนี้มีการประชุมทั้งวันและหลายเรื่องที่เป็นปัญหา รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการในการแก้ไข ลดความเดือดร้อนของประชาชน คงไม่ใช่แค่เรื่องพลังงาน เรื่องน้ำมัน
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีทั้งสิ้น 7 วาระ มีการรับทราบสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกว่าวันนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เพียงดีเซล แต่รวมถึงเบนซิน LPG NGV ต้องหามาตรการในการบริหารว่าจะทำอย่างไรที่จะเกิดผลกระทบประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ ทั้งมาตรการทางด้านภาษี เงินที่จัดหามาทดแทนกองทุนพลังงานที่มีน้อยลงและจำกัด
ทั้งนี้ มีสมมติฐานไว้หลายประการ คือ ถ้าราคาอยู่ในปัจจุบันเราจะ Subsidize (อุดหนุน) ได้ถึงเมื่อไหร่ ถ้าสูงกว่านี้จะทำอย่างไร และถ้าสูงขึ้นไปอีกจะทำอย่างไร ถ้าท้ายที่สุดสูงขึ้นไปอีกก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะหลายประเทศก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน ราคาน้ำมันหรือแก๊สของเราอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับอาเซียน แต่ไม่ได้ต่ำที่สุด เพราะบางประเทศมีแหล่งพลังงาน ต้องเข้าใจด้วย
“นายกฯ ไม่อยากพูดไรมาก พูดไปก็ถูกเอาไปบิดเบือนหมด พูดไปบางทีก็ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เพราะไปจับแต่ประเด็นที่จะเป็นปัญหาออกไป”
สิ่งสำคัญวันนี้ทำอย่างไรประเทศชาติถึงจะเดินหน้าไปได้ในสถานการณ์ที่มีสงครามอยู่ในปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่ามันอยู่ไกลกันก็คงไม่ใช่ เพราะห่วงโซ่การประกอบธุรกิจต่างๆ การค้าการส่งออก มันเชื่อมโยงกันทั้งหมด ประเทศไทยก็เป็นสมาชิกอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน ค้าขายด้วยกัน มีทั้งการเจรจาตามข้อตกลง FTA, RCEP, อินโด-แปซิฟิก แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ตรงจุดที่สมดุลที่สุดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการกับทุกประเทศ ให้เกิดความสมดุลมากที่สุดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนคนไทยโดยตรง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้มีดำริโดยเรียกคณะกรรมการเกี่ยวกับแร่มาหารือว่าไทยมีแร่อะไรอยู่ที่ไหนบ้าง จะทำอย่างไรในการแก้ปัญหาเรื่องปุ๋ยต่างๆ ดีขึ้นในอนาคต ต้องศึกษาว่าทำอย่างไร สามารถจัดหาวัสดุต้นทุนได้บ้างหรือไม่ และต้องไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หากเรามีแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ต้องสั่งซื้อปุ๋ยราคาแพงจากต่างประเทศ จะโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เราต้องช่วยตัวเองกันได้บ้าง นอกจากการซื้อจากต่างประเทศอย่างเดียว อาจจะต้องใช้เวลาศึกษาในเรื่องนี้ และต้องบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องอาหารสัตว์ ปุ๋ย ซึ่งบางส่วนผลิตมาจากพลังงานด้วย ซึ่งแต่ละปีเราสั่งเข้ามามาก
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงการตรึงราคาน้ำมันต้องมีการตรึงเพิ่มเติมเพื่อช่วยประชาชนหรือไม่อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้ เข้าใจไหม ตอนนี้ยังตรึงไปก่อน 30 บาท จนกว่าไม่สามารถจะรับได้ ถ้ามันเกิน 130 (ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) ถ้าเกิน 150 จะทำอย่างไร ถ้าถึง 180 จะทำอย่างไร วันนี้ถ้าเราเปรียบเทียบระยะเวลาก่อนหน้านั้นในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ก็สูงอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการสูงระยะสั้นไม่ใช่สูงแบบนี้ ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเลย เพราะคนละสถานการณ์กัน แล้ววันนี้กับวันนั้นมันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาก็มีวิธีการที่แตกต่างกัน เพราะวันนี้ประเทศไทยก็เจริญเติบโตขึ้นมาเยอะ เทคโนโลยีก็เยอะ การใช้รถใช้พลังงานก็เยอะขึ้นมากขึ้น ผลกระทบต้องมากขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่ปัญหาของเราก็คืองบประมาณที่เรามีอยู่มันก็จำกัด ท่านก็ทราบดีอยู่แล้วเนื่องจากสถานการณ์เราก็ใช้ในเรื่องสุขภาพไปเยอะพอสมควร การช่วยเหลือต่างๆ หลายมาตรการออกไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แล้วในหลายๆ มิติ ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดแล้วกัน”
ในช่วงท้ายเมื่อถูกถามเรื่องน้ำมันเบนซิน นายกรัฐมนตรี มีการตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า บอกไปเมื่อวานนี้เขากำลังหามาตรการพิจารณาที่เหมาะสม เฉพาะดีเซลยังอาการหนักอยู่เลย เบนซินก็ต้องไปหาวิธีการจะเฉพาะกลุ่มอย่างไรหรือไม่ ก่อนถามทิ้งท้ายว่าเข้าใจไหม แล้วเดินออกจากโพเดียมในจุดแถลงข่าวทันที.
https://www.thairath.co.th/news/politic/2336982
http://www.eppo.go.th/index.php/th/component/k2/item/17872-news-070365-01
ประเทศทั่วโลกประสบปัญหาเช่นกันค่ะ
ต้องทำใจและใช้น้ำมันให้คุ้มค่า ใช้วิธีประหยัดน้ำมันเท่าที่จะทำได้นะคะ