พิมพ์ไปก็สงสัยไป กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เอาตรงๆเราไม่เชื่อ50 % นะ แต่มันกลัวผีไปเองอัตโนมัติ อาจเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กละมั้ง จากสื่อบ้าง ละครบ้าง ภาพยนตร์บ้าง อีกอย่างเราเลือกศาสนาเกิดไม่ได้ ดังนั้นเราก็ถูกปลูกฝังให้เข้าวัดทำบุญ ให้เชื่อเรื่องนู้นเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายจนบางทีมีเวลามีใครมาพูดหลักความเป็นไปได้กับเราว่ามันไม่มีจริง เราก็แอบลำเอียงไม่โอเคกะแนวคิดเขาไปเองอัตโนมัติ
ส่วนที่เชื่ออีก 50 % เพราะมีน้า(อยู่บ้านเดียวกัน ใกล้ตัวมาก ไม่ใช่ญาติห่างๆด้วย เลยเชื่อ) นางทรงเสด็จแม่กวนอิม(พระโพธิสัตว์ , องค์โชโตะ (บริวารเสด็จแม่กวนอิมได้) ซึ่งเวลาท่านมาแต่ละทีจะพูดไทยแต่ไม่ค่อยชัด อารมณ์คนจีนพูดไทย แล้วก็บางทีกระซิบเป็นภาษาอะไรไม่รู้กับเทวดา(ถามเทวดา) น่าจะภาษาจีนมั้ง จำไม่ได้ เพราะช่วงหลังๆเราไม่ได้เห็นแล้ว เพราะเวลาพระองค์เข้ามาทรง ครอบครัวไม่ได้ให้เราเข้าไปดูแล้ว เรานอนอยู่ในห้อง ตลอดอะ เจอท่านไม่กี่ครั้ง เจอแต่ตอนเด็กๆ ถ้ามาตอนนี้บางทีเราอาจแยกออกว่าพูดภาษาจีนมั้ยเพราะตอนนี้เราได้เรียนภาษาจีนแล้ว เมื่อก่อนไม่ได้เรียน นั่นแหละ แล้วทีนี้เราอยากรู้ว่าทำไมน้าทรงพระองค์ได้ ทั้งที่ก็ไม่ได้คนดีอะไรขนาดนั้น ทีนี้ยายเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆน้าเวลาเดินผ่านตลาดร้องไห้ตลอด สงสารสัตว์ที่จะโดนเชือด เป็นคนจิตใจดีนู่นนี่ ตอนยายท้องน้า ยายก็ตักบาตรทุกวัน อธิษฐานว่าขอให้นางฟ้ามาเกิด ทีนี้น้าก็ได้เกิดมา แล้วอยู่ๆตอนน้าเด็กๆเสด็จแม่/หรือองค์โชโตะนี่แหละมาเข้า แล้วก็เข้ามาตลอดจนทุกวันนี้ (น้าต้องหลับตาสักพักแล้วจะมา ไม่ใช่เข้าปุบเปลี่ยนเป็นองค์เจ้าเข้าปับ ไม่ใช่)
แล้วคือน้าเป็นดอกเตอร์อยู่มหาลัยหนึ่ง เป็นรองคณะบดี รวยก็รวย อีกอย่างทรงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเค้าสักหน่อย เราเลยคิดว่าเค้าไม่น่าโกหก ไม่น่าแกล้งทรง เพราะเป็นตั้งแต่เด็กตามที่เราบอกว่ายายเล่าให้ฟัง เราเลยคิดว่าชีวิตหลังความตายน่าจะมีจริง เพราะเทพมีจริง(เสด็จแม่กวนอิมก็เกิดเป็นมนุษย์มาก่อน)
คือถ้าเป็นลูกหลานบ้านอื่นคงปักใจเชื่อไปแล้วแบบหมดหน้าตัก แต่เรากลับไม่ใช่ ทุกวันนี้เกิดมาไม่เคยเห็นผี ไม่เคยเจออะไรเลย ไม่เคยสัมผัสถึงอะไรเลย และเราก็รู้สึกว่านี่แหละชีวิตของคน! เราคือคนปกติ ทำไมต้องไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งลี้ลับ เราเคยบอกกับตัวเองว่าถ้ามนุษย์ส่วนใหญ่สัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เราก็ขอเป็นเหมือนพวกเขา ไม่ต้องรับรู้ และเราก็จะไม่อนุญาตหรือยอมให้ใครมายุ่งกับเรา แต่เราไม่จะทำลายเค้า (นี่คือสิ่งที่เราอธิษฐานต่อตัวอองเสมอ ไม่ได้อธิฐานต่อเทพองค์ใด เรารู้สึกว่าพลังของตัวเองนี่แหละที่จะปกป้องเราได้อย่างแท้จริง) ถึงเรารู้ว่าเขาทรงเสด็จแม่กวนอิมท่านได้ แต่เราก็ไม่เชื่อ 100% เรารู้สึกว่าชีวิตหลังความตายทันไม่ค่อยเมกเซ้นต์ คือเราคิดไปถึงการกำเนิดของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ นึกไปถึงเอกภพ ดวงวิญญาณไม่มีทางยิ่งใหญ่กว่าเอกภพ (รึเราคิดผิด ก็ไม่รู้นะ) เราคิดไปถึงมนุษย์ยุคก่อนยุคหิน ยุคที่มนุษย์ยังเป็น pirate หรือสัตว์จำพวกกระรอกและวิวัฒนาการเป็นลิงขนาดเล็ก จนเป็นลิงชิมแปญชีขนาดใหญ่ สุดท้ายก็เกิดมนุษย์พันธุ์โฮโมอิเรกตัส ที่เป็นมนุษย์หลังตรงเผ่าพันธุ์แรก และเราก็คิดว่าพวกมันไม่รู้ถึงคำว่านรก สวรรค์เหมือนพวกเราที่เป็นพันธุ์โฮโมเซเปี่ยนส์ (เออ ใช่แล้วยุคไดโนเสาร์อีก ไดโนเสาร์ตกนรกสวรรค์บ้างปะ) พวกมันไม่มีภาษาด้วยซ้ำ แล้วการสวดมนต์มันจะศักดิ์สิทธิ์ได้ไง? ก็บอกเองว่าธรรมะชนะอธรรม (ธรรมะ = ธรรมชาติ) ในเมื่อภาษา “เขียน” “พูดของมนุษย์ที่พูดได้หลากหลายกว่าสัตว์” มันไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น คนสร้างมันขึ้นทั้งนั้น แล้วเรื่องคนตาย…คนตายแล้วหนอนก็ชอนก็ไชเหมือนกับผลไม้ เหมือนเศษอาหารที่ทิ้งไว้สัก 2 อาทิตย์ แล้วทำไมผลไม้พวกนั้นไม่มีวิญญาณบ้างล่ะ หรือว่าจริงๆแล้วมันไม่มีจริง ทั้งๆที่น้าจะทรงเสด็จแม่…แต่ทำไมเราไม่เชื่อไม่รู้นะ เวลาท่านมาเข้าแต่ละที ท่านคุยกับยายบ้าง พี่บ้าง แต่เราแบบเสียเวลา เราชอบหนีเข้านอนมั้ง ยายเลยไม่เรียกมาฟังท่านอีก คืองง สับสนไปหมด
แล้วเราศึกษาจักรวาลของทางพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่มีมหากัป อันตรกัป มนุษย์มีอายุขัยขึ้นลง ชมพูทวีปเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเอาจริง…มันจะเป็นศูนย์กลางได้ไงอะ ทวีปอื่นในพระพุทธศาสนามันอยู่ไหนกันแน่ มันเหลื่อมกันเลยทำให้มองไม่เห็นกัน?? ทางพุทธศาสนาบอกแบบนั้น โคตรแฟนตาซี…..ตอนแรกเราก็เห็นว่ามันก็สัมพันธ์กับจักรวาลของทางวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ แต่เราสับสนเรื่องวิญญาณอะ สรุปมีจริงมั้ย
ปล.พวกบรรลุโสดาบัน อรหันต์ตัวปลอมทั้งหลาย ไม่ต้องมาบอกให้หยุดคิดฟุ้งซ่านนะ ไม่ได้มาตั้งกระทู้สงบจิต มาตั้งกระทู้ถามหาความเป็นไปได้ ความจริง
เราคิดว่าคนเราไม่ผิดอะที่จะคิด หรือคิดมาก ถ้ามันไม่ทำร้ายใครแม้แต่ตัวเอง คนที่ไม่คิดต่างหากที่ถูกจูงจมูกได้ง่าย และเราก็คิดมาตลอด…คิดเองนะไม่รู้จริงละป่าว เราคิดว่า ประโยคที่บอกว่า “ทำบุญอย่าสงสัยในบุญนั้น” มันไม่ได้หมายความว่า “ห้ามสงสัย ทำๆไป ทำบุญด้วยใจที่สงบ ไม่ต้องวอกแวก” แต่มันหมายความว่า “ให้หาคำตอบจากการทำบุญนั้นว่า เกิดอะไร ทำทำไม ทำให้ได้ผลอย่างไร จนหมดข้อสงสัย ไร้ความเคลือบแคลงสงสัยในบุญนั้น” แบบนี้มากกว่าถึงเป็นผู้มีปัญญา แต่ก็นะ เราคิดไปเองคนเดียวว่ามันหมายความแบบนี้อะ
ชีวิตหลังความตายมีจริงมั้ย
ส่วนที่เชื่ออีก 50 % เพราะมีน้า(อยู่บ้านเดียวกัน ใกล้ตัวมาก ไม่ใช่ญาติห่างๆด้วย เลยเชื่อ) นางทรงเสด็จแม่กวนอิม(พระโพธิสัตว์ , องค์โชโตะ (บริวารเสด็จแม่กวนอิมได้) ซึ่งเวลาท่านมาแต่ละทีจะพูดไทยแต่ไม่ค่อยชัด อารมณ์คนจีนพูดไทย แล้วก็บางทีกระซิบเป็นภาษาอะไรไม่รู้กับเทวดา(ถามเทวดา) น่าจะภาษาจีนมั้ง จำไม่ได้ เพราะช่วงหลังๆเราไม่ได้เห็นแล้ว เพราะเวลาพระองค์เข้ามาทรง ครอบครัวไม่ได้ให้เราเข้าไปดูแล้ว เรานอนอยู่ในห้อง ตลอดอะ เจอท่านไม่กี่ครั้ง เจอแต่ตอนเด็กๆ ถ้ามาตอนนี้บางทีเราอาจแยกออกว่าพูดภาษาจีนมั้ยเพราะตอนนี้เราได้เรียนภาษาจีนแล้ว เมื่อก่อนไม่ได้เรียน นั่นแหละ แล้วทีนี้เราอยากรู้ว่าทำไมน้าทรงพระองค์ได้ ทั้งที่ก็ไม่ได้คนดีอะไรขนาดนั้น ทีนี้ยายเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆน้าเวลาเดินผ่านตลาดร้องไห้ตลอด สงสารสัตว์ที่จะโดนเชือด เป็นคนจิตใจดีนู่นนี่ ตอนยายท้องน้า ยายก็ตักบาตรทุกวัน อธิษฐานว่าขอให้นางฟ้ามาเกิด ทีนี้น้าก็ได้เกิดมา แล้วอยู่ๆตอนน้าเด็กๆเสด็จแม่/หรือองค์โชโตะนี่แหละมาเข้า แล้วก็เข้ามาตลอดจนทุกวันนี้ (น้าต้องหลับตาสักพักแล้วจะมา ไม่ใช่เข้าปุบเปลี่ยนเป็นองค์เจ้าเข้าปับ ไม่ใช่)
แล้วคือน้าเป็นดอกเตอร์อยู่มหาลัยหนึ่ง เป็นรองคณะบดี รวยก็รวย อีกอย่างทรงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเค้าสักหน่อย เราเลยคิดว่าเค้าไม่น่าโกหก ไม่น่าแกล้งทรง เพราะเป็นตั้งแต่เด็กตามที่เราบอกว่ายายเล่าให้ฟัง เราเลยคิดว่าชีวิตหลังความตายน่าจะมีจริง เพราะเทพมีจริง(เสด็จแม่กวนอิมก็เกิดเป็นมนุษย์มาก่อน)
คือถ้าเป็นลูกหลานบ้านอื่นคงปักใจเชื่อไปแล้วแบบหมดหน้าตัก แต่เรากลับไม่ใช่ ทุกวันนี้เกิดมาไม่เคยเห็นผี ไม่เคยเจออะไรเลย ไม่เคยสัมผัสถึงอะไรเลย และเราก็รู้สึกว่านี่แหละชีวิตของคน! เราคือคนปกติ ทำไมต้องไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งลี้ลับ เราเคยบอกกับตัวเองว่าถ้ามนุษย์ส่วนใหญ่สัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เราก็ขอเป็นเหมือนพวกเขา ไม่ต้องรับรู้ และเราก็จะไม่อนุญาตหรือยอมให้ใครมายุ่งกับเรา แต่เราไม่จะทำลายเค้า (นี่คือสิ่งที่เราอธิษฐานต่อตัวอองเสมอ ไม่ได้อธิฐานต่อเทพองค์ใด เรารู้สึกว่าพลังของตัวเองนี่แหละที่จะปกป้องเราได้อย่างแท้จริง) ถึงเรารู้ว่าเขาทรงเสด็จแม่กวนอิมท่านได้ แต่เราก็ไม่เชื่อ 100% เรารู้สึกว่าชีวิตหลังความตายทันไม่ค่อยเมกเซ้นต์ คือเราคิดไปถึงการกำเนิดของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ นึกไปถึงเอกภพ ดวงวิญญาณไม่มีทางยิ่งใหญ่กว่าเอกภพ (รึเราคิดผิด ก็ไม่รู้นะ) เราคิดไปถึงมนุษย์ยุคก่อนยุคหิน ยุคที่มนุษย์ยังเป็น pirate หรือสัตว์จำพวกกระรอกและวิวัฒนาการเป็นลิงขนาดเล็ก จนเป็นลิงชิมแปญชีขนาดใหญ่ สุดท้ายก็เกิดมนุษย์พันธุ์โฮโมอิเรกตัส ที่เป็นมนุษย์หลังตรงเผ่าพันธุ์แรก และเราก็คิดว่าพวกมันไม่รู้ถึงคำว่านรก สวรรค์เหมือนพวกเราที่เป็นพันธุ์โฮโมเซเปี่ยนส์ (เออ ใช่แล้วยุคไดโนเสาร์อีก ไดโนเสาร์ตกนรกสวรรค์บ้างปะ) พวกมันไม่มีภาษาด้วยซ้ำ แล้วการสวดมนต์มันจะศักดิ์สิทธิ์ได้ไง? ก็บอกเองว่าธรรมะชนะอธรรม (ธรรมะ = ธรรมชาติ) ในเมื่อภาษา “เขียน” “พูดของมนุษย์ที่พูดได้หลากหลายกว่าสัตว์” มันไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น คนสร้างมันขึ้นทั้งนั้น แล้วเรื่องคนตาย…คนตายแล้วหนอนก็ชอนก็ไชเหมือนกับผลไม้ เหมือนเศษอาหารที่ทิ้งไว้สัก 2 อาทิตย์ แล้วทำไมผลไม้พวกนั้นไม่มีวิญญาณบ้างล่ะ หรือว่าจริงๆแล้วมันไม่มีจริง ทั้งๆที่น้าจะทรงเสด็จแม่…แต่ทำไมเราไม่เชื่อไม่รู้นะ เวลาท่านมาเข้าแต่ละที ท่านคุยกับยายบ้าง พี่บ้าง แต่เราแบบเสียเวลา เราชอบหนีเข้านอนมั้ง ยายเลยไม่เรียกมาฟังท่านอีก คืองง สับสนไปหมด
แล้วเราศึกษาจักรวาลของทางพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่มีมหากัป อันตรกัป มนุษย์มีอายุขัยขึ้นลง ชมพูทวีปเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเอาจริง…มันจะเป็นศูนย์กลางได้ไงอะ ทวีปอื่นในพระพุทธศาสนามันอยู่ไหนกันแน่ มันเหลื่อมกันเลยทำให้มองไม่เห็นกัน?? ทางพุทธศาสนาบอกแบบนั้น โคตรแฟนตาซี…..ตอนแรกเราก็เห็นว่ามันก็สัมพันธ์กับจักรวาลของทางวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ แต่เราสับสนเรื่องวิญญาณอะ สรุปมีจริงมั้ย
ปล.พวกบรรลุโสดาบัน อรหันต์ตัวปลอมทั้งหลาย ไม่ต้องมาบอกให้หยุดคิดฟุ้งซ่านนะ ไม่ได้มาตั้งกระทู้สงบจิต มาตั้งกระทู้ถามหาความเป็นไปได้ ความจริง
เราคิดว่าคนเราไม่ผิดอะที่จะคิด หรือคิดมาก ถ้ามันไม่ทำร้ายใครแม้แต่ตัวเอง คนที่ไม่คิดต่างหากที่ถูกจูงจมูกได้ง่าย และเราก็คิดมาตลอด…คิดเองนะไม่รู้จริงละป่าว เราคิดว่า ประโยคที่บอกว่า “ทำบุญอย่าสงสัยในบุญนั้น” มันไม่ได้หมายความว่า “ห้ามสงสัย ทำๆไป ทำบุญด้วยใจที่สงบ ไม่ต้องวอกแวก” แต่มันหมายความว่า “ให้หาคำตอบจากการทำบุญนั้นว่า เกิดอะไร ทำทำไม ทำให้ได้ผลอย่างไร จนหมดข้อสงสัย ไร้ความเคลือบแคลงสงสัยในบุญนั้น” แบบนี้มากกว่าถึงเป็นผู้มีปัญญา แต่ก็นะ เราคิดไปเองคนเดียวว่ามันหมายความแบบนี้อะ