สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องเล่า เพื่อปรึกษาเพื่อน ๆ สักนิดนึงครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ว่าผมชอบผู้ชายครับ เป็นช่วงที่เรียนจบแล้วครับเรื่องมีอยู่ว่า
ผมแอบชอบเขาคนนั้นมาประมาณ 3 ปีได้ครับ ส่วนตัวผมเป็นคนที่เวลาแอบชอบใครแล้วเก็บความรู้สึกไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ครับ เพราะ โดยรวมแล้วผมเป็นโรคส่วนตัวสูงครับ ครับอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าแอบชอบเขามาได้ 3 ปี จนวันหนึ่งผมตัดสินใจทักไปหาเขาครับ ทำความรู้จักกันตามมารยาททั่วไป คุยกันไปเรื่อย ๆ ประมาณ 3 วัน ถึงช่วงเวลาในตอนนั้นมันจะน้อย แต่ตัวผมก็มีความสุขมาก แบบบอกไม่ถูกเลย (นั่งยิ้มอ่อนไปก่อน 3 วัน) ในช่วงที่คุยกันมีแต่ผมที่ทักไปหาเขาเพียงฝ่ายเดียวตลอด ตัวเขาเป็นคนไม่ค่อยได้จับโทรศัพท์เท่าไหร่ เลยอาจจะตอบช้า ถึงช้ามากครับ แต่อันตรงนั้นมันไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับผม ที่สำคัญที่สุดคือวันที่ 3 ครับ เข้าเทรนยอดนิยมครับ ตัวเขาก็เริ่มตอบช้าลงเรื่อย ๆ ทั้งที่สถานะขึ้นว่ากำลังใช้งานอยู่ ข้อความสุดท้ายที่ผมส่งไปให้เขาคือ soundtrack ครับ เพราะเขาบอกว่าเขาเหนื่อย ตอนนั้นผมรู้สึกว่า ผมเหนื่อยกับความสัมพันธ์แบบนี้มากเลยครับ ผมเลยลองใจเขาครับว่าถ้าผมไม่ทักไปบ้าง เขาจะทักกลับมาหาผมไหม (ทั้งที่รู้ดีแก่ใจแล้วครับว่าไม่ทักกลับมาแน่ๆ) และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ครับบ ไม่ผิดคาดเลย เพราะสถานการณ์ผมเข้าหาเขาฝ่ายเดียวตลอด ตัวผมก็เลยว่านั่งคิดว่าทำไมเพราะอะไร (คงเป็นเพราะเราคาดหวังเกินไป ความรักของเรามันมีมากเกินไป เขาเลยอาจะรำคาญเราก็ได้ เราเห็นแก่ตัวที่จะครอบครองมากเกินไปก็ได้) ผมเลยไม่ได้ทักไปหาเขาอีก
พอผ่านไปประมาณ 3 วัน (ต้องนั่งนับเป็นวันกันเลยทีเดียวครับ55) ผมได้ไปวิทยาลัยเพื่อส่งโปรเจคครับ ช่วงกลางวันก่อนขึ้นไปบนแผนก ผมกับเพื่อนนั่งเล่นอยู่ตรงศาลาหน้าแผนกเขา ในตอนนั้นก็ไม่คิดหรอกครับจะเจอเขาอีก ตอนเจอเขาแล้วก็มองมาที่ผมแล้วยิ้ม ๆ (ยิ้มในแมสอะครับ) พอสักพักผมกับเพื่อนเลยขึ้นแผนกไป วันนั้นช่วงกลางวันก็กลับมารู้สึกว่าเจอเขาอีกแล้ว คิดไปคิดมาก็ตอนเกือยจะค่ำแล้ว สรุปคือ เขาทักมาครับ ทักมาถามว่า คนที่นั่งอยูตรงศาลาหน้าแผนกผมคือ ผมใช่ไหม ผมเลยตอบกลับไปว่า ใช่ครับ แล้วผมก็เลยถามไปว่า ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ก็ถามไปตามมารยาทแหละครับ คุยกันไปกันมา ผมเลยตัดสินใจบอกเขาว่า เราแอบชอบแกมาตั้ง 3 ปีแล้ว เพราะผมไม่รู้ว่าจะโอกาสได้พูดเรื่องนี้กับเขาอีกไหม เขาก็บอกว่าเขารู้
ไม่ใช่ว่าผมจะดูสถานการณ์ไม่ออกสักหน่อย ด้วยความเจ็บแล้วไม่จำ ผมเห็นว่ามีโอกาสอีกครั้งแล้ว ขอคุยกับเขาต่อได้หรือเปล่า เขาก็ตอบตกลงครับ ผมก็เลยคุยกับเขาต่อ สุดท้ายผลลัพธ์เหมือนเดิม คืออ่านแล้วไม่ตอบ ล่องลอยหายไปในอากาศเหมือนเดิม และผมก็ต้องมานั่งเสียใจกับตัวเองที่ถลำตัวเข้าไปหาเขาเป็นครั้งที่สอง มารู้ตัวอีกทีผมกลับกลายเป็นสิ่งของที่เขาจะหยิบขึ้นมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ผมเจ็บมากเลยครับ เจ็บแบบบอกไม่ถูก ตัวผมเป็นคนที่ไม่ได้เปิดใจให้ใครง่าย ๆ พอมาเจอแบบนี้เข้ามันเจ็บ
ก็นั้นแหละครับ เพื่อนพอจะมีวิธีแนะนำหรือทำยังไงให้ตัวเองมูฟออนจากความรู้สึกบ้างไหมครับ เพราะตอนนี้ตัวผมเองกับยังรักเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากมานั่งเจ็บอยู่แบบนี้เหมือนกันครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
คนๆ นั้น เขาเข้ามาทำเหมือนกับเราเป็นสิ่งของ
พอผ่านไปประมาณ 3 วัน (ต้องนั่งนับเป็นวันกันเลยทีเดียวครับ55) ผมได้ไปวิทยาลัยเพื่อส่งโปรเจคครับ ช่วงกลางวันก่อนขึ้นไปบนแผนก ผมกับเพื่อนนั่งเล่นอยู่ตรงศาลาหน้าแผนกเขา ในตอนนั้นก็ไม่คิดหรอกครับจะเจอเขาอีก ตอนเจอเขาแล้วก็มองมาที่ผมแล้วยิ้ม ๆ (ยิ้มในแมสอะครับ) พอสักพักผมกับเพื่อนเลยขึ้นแผนกไป วันนั้นช่วงกลางวันก็กลับมารู้สึกว่าเจอเขาอีกแล้ว คิดไปคิดมาก็ตอนเกือยจะค่ำแล้ว สรุปคือ เขาทักมาครับ ทักมาถามว่า คนที่นั่งอยูตรงศาลาหน้าแผนกผมคือ ผมใช่ไหม ผมเลยตอบกลับไปว่า ใช่ครับ แล้วผมก็เลยถามไปว่า ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ก็ถามไปตามมารยาทแหละครับ คุยกันไปกันมา ผมเลยตัดสินใจบอกเขาว่า เราแอบชอบแกมาตั้ง 3 ปีแล้ว เพราะผมไม่รู้ว่าจะโอกาสได้พูดเรื่องนี้กับเขาอีกไหม เขาก็บอกว่าเขารู้ ไม่ใช่ว่าผมจะดูสถานการณ์ไม่ออกสักหน่อย ด้วยความเจ็บแล้วไม่จำ ผมเห็นว่ามีโอกาสอีกครั้งแล้ว ขอคุยกับเขาต่อได้หรือเปล่า เขาก็ตอบตกลงครับ ผมก็เลยคุยกับเขาต่อ สุดท้ายผลลัพธ์เหมือนเดิม คืออ่านแล้วไม่ตอบ ล่องลอยหายไปในอากาศเหมือนเดิม และผมก็ต้องมานั่งเสียใจกับตัวเองที่ถลำตัวเข้าไปหาเขาเป็นครั้งที่สอง มารู้ตัวอีกทีผมกลับกลายเป็นสิ่งของที่เขาจะหยิบขึ้นมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ผมเจ็บมากเลยครับ เจ็บแบบบอกไม่ถูก ตัวผมเป็นคนที่ไม่ได้เปิดใจให้ใครง่าย ๆ พอมาเจอแบบนี้เข้ามันเจ็บ
ก็นั้นแหละครับ เพื่อนพอจะมีวิธีแนะนำหรือทำยังไงให้ตัวเองมูฟออนจากความรู้สึกบ้างไหมครับ เพราะตอนนี้ตัวผมเองกับยังรักเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากมานั่งเจ็บอยู่แบบนี้เหมือนกันครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ