การตลาดของ M-pass เข้ามาอ่านก่อนตัดสินใจสมัคร

เราเป็นคนนึงนะบอกเลยที่ใช้ Mpass มาตั้งแต่มีมาช่วงใหม่ๆแล้ว และหลังจากโควิดที่โรงหนังต้องหยุดไม่ให้เข้าชมจนเปิดและสมัครอีกที ตอนนั้นก็ได้พักไม่ต้องชำระ (จำไม่ได้ว่ากี่เดือนน่าจะสัก3-6เดือนราวๆนี้) เราเป็นนักเรียนนะ โปรเลย200฿ต่อเดือนเท่านั้น บัตรมีอายุ1เดือนนับจากวันที่สมัคร จ่ายวิลเลทได้ ธนาคารได้ จะมีการแจ้งเตือนผ่านเมลที่เราสมัคร และหลังจากบัตรหมดอายุภายใน1สัปดาห์ถ้าเราไปต่อบัตรก็สามารถดูได้เหมือนเดิม แต่ถ้าเกิน1สัปดาห์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมทำบัตร 100฿+รายเดือน200฿ รวม=300฿ แนะนำให้สมัครตอนช่วงฟรีค่าธรรมเนียมช่วงนี้โปรออกบ่อย ถ้าจ่ายเงินสดเหมือนจะมี+เพิ่มประมาณ 20฿มั้ง ถ้าจำไม่ผิด ถ้าโอนไม่เสียสักบาทนะ (เสียแค่ค่าธรรมเนียมบัตรเท่านั้น)

-ขอเริ่มจากการสมัครก่อนเลย เราไปสมัครใหม่ๆตอนแรกคิดว่าข่าวปลอมรึเปล่า อะไรคือจะถูกขนาดนี้ 200฿ต่อเดือนต่างๆนาๆ ตั้งคำถาม จนไปดูเว็บหลัก ตอนแรกคิดว่าข่าวปลอมแน่ๆ เพราะต้องสมัครในเว็บก่อน (ประมาณว่าขอข้อมูลเราก่อน) จากนั้นไปจ่ายตังที่หน้าเคาน์เตอร์ของสาขาที่เราเลือกและรับบัตรที่นั่นเลย ก็คือรอ 5-15 นาทีก็เข้าดูหนังได้เลย ปกติเราดูหนังก็ปาไปต่อครั้ง 120-160 แล้วแต่วันอีกที บางทีเจอโปรก็ดีไป (รู้สึกนี่คือจุดแข็งของเมเจอร์คือทำโปรออกมาได้เยอะมากๆ ทั้งวันครบรอบ วันนั่นนี่ต่างๆ เลยทำให้เป็นจุดเด่นคหส่วนตัวนะ) แต่มาครั้งนี้คือจ่าย200฿ ต่อเดือนจริง แรกคือไปดูแทบทุกวัน ทุกเรื่อง จนไม่มีอะไรดู บางทีคือซื้อตั๋วไว้แต่ไม่ได้เข้า เพราะมีธุระด่วนก็มี
ปล.เราไม่สามารถจองเว็บได้นะ จองได้ล่วงหน้าต้องหน้าโรงเท่านั้น และหนังต้องเว้นระยะห่างช่วงหนังคือ 2ชม. ถึงจะจองได้อีกเรื่อง คือประมาณว่าต้องจองล่วงหน้าหนังไปอีก2ชมจะอะไรก็ได้ แต่จะจองหนังที่เวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันในระยะห่าง2ชมไม่ได้  ดูได้ทุกเรื่อง ทุกโรง ไม่ว่าจะจังหวัดในก็ตาม ยกเว้นในพารากอน ถ้าไม่สมัครตามที่เงื่อนไขกำหนด (ถ้าบ้านไม่อยู่กทม.ก็สมัครแบบธรรมดาเหอะ คุ้มที่สุดละ)
เพิ่มเติม:ตอนสมัครถ้าหาโรงเรียนหรือมหาลัยไม่ได้ ก็ใส่ไปเลยอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นที่ต้องเรียนอยู่ เพราะเหมือนเมเจอร์จะดูที่อายุของเราด้วยเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา

-ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละ ใช่แหละถูกต้องเลยที่ว่าดูทุกเรื่อง ทุกรอบ ฟรี ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม (ตามที่เมจอร์โฆษณาไว้) แต่ แต่ แต่…. จำกัดแค่ 120฿ (แล้วแต่โรง) หมายความว่าถ้าสมมติหนังที่คุณจะดูมีราคา 160 คุณก็ต้องจ่ายส่วนต่างเองคือ 40฿ ประมาณว่าเมเจอร์ออกให้120฿แล้ว จะเป็นปัญหาคือตอนหนังออกใหม่ และหนังพวกแบบที่ดังๆ ฮอลลีวูด หรือหนังที่ได้รับความนิยม หนังพวกนี้ส่วนมากคือเราต้องเสียส่วนต่าง เช่นล่าสุดเลย spider man เชื่อมั้ยว่าอยู่โรงเป็นเดือนแต่ราคายังแบบสูงกว่าที่ mpassจะฟรีก็คือ 120฿ (ต้องออกส่วนต่างเอง) แต่ถ้าใครแบบไม่ได้ซีหรือว่าส่วนต่างแค่นี้ออกได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ส่วนตัวเรานะเราคิดว่ามันไม่ควรต้องมาออกอีกควรจะฟรีก็แบบฟรีไปเลย จะมีเงื่อนไขส่วนต่างอีกทำไม เพราะเราเป็นคนที่ไปโรงหนังคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ป๊อปคอนกับเป๊ปซี่อยู่แล้ว คือดูหนังทุกครั้งต้องได้กิน (ปากว่างไม่ได้+กับอร่อยด้วยชอบ) เสียค่าป๊อปและน้ำก็ปาไป200ละ เลยไม่อยากจะมาเสียอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้อีก เราเลยคิดว่านี้แหละคือปัญหาหลัก

-ปัญหาต่อมาเลยคือไปเกินเวลาคือดูไม่ได้นะ หมายความว่าสมมติหนังฉาย 13:00+โฆษณา20นาที หนังฉายจริง 13:20 แต่เผลอดันไปไม่ทันหรือว่าไปช่วงโฆษณา บางที่คือปิดไม่รับออกตั๋วให้เลยนะ เหมือนกับว่าเราไปสายก็ต้องดูรอบต่อไป เพราะไม่มีระบบจองผ่านแอพ (ไม่เหมือนกับการที่เราซื้อกับพนักงานโดยตรงเลยคือพนง.สามารถจองให้เราและเราเข้าไปได่เลย ไม่ว่าหนังจะฉายไปแล้ว5นาทีก็ตาม) เลยแนะนำว่าควรไปให้ก่อนเวลาสัก5-10นาที ควรเผื่อเวลาอย่าสับเพล่าแบบเรา

-ปัญหาสุดท้ายคือไม่มีคนไปดูด้วย มันไม่ใช่ทุกคนนะที่จะชอบดูหนังหรือว่าจะไปดูมันทุกเรื่อง และยิ่งเราเป็นคนที่แบบไม่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวนะ คือมันเคว้งคว้างมากแบบว่าเราอยากดูเรื่องนี้นะ ชวนเพื่อนไป แต่เพื่อนไม่ได้สมัครกับเรา เราเองดูฟรีก็เหอะแต่ก็บางทีก็ต้องออกช่วยเพื่อนนิดหน่อย หรือเลี้ยงมันเพื่อแบบไปนะเดียวก็ออกช่วยครึ่งหนึ่งอะไรประมาณนี้5555 เราเลยคิดว่านี่คือปัญหาสุดท้าย ส่วนใครที่แบบมีเพื่อนสายคอหนังทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องไหนไปดูหมด คือคุณโชคดีมากๆ เพราะคุณจะไม่เหงาอีกต่อไป

ทั้งนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสาขาอีกที ไม่ใช่ทุกโรง ย้ำว่าไม่ใช่ทุกโรง อย่างโรงหนังที่เป็นศูนย์กลางหรือที่อยู่ใกล้ความเจริญมากๆ อย่างเชียงใหม่ หรือแบบในกทม. ราคาก็จะสูงไปเลย แต่ถ้าอย่างตจว.ก็จะแอบถูกกว่าในกทม.มากๆ ย้ำเลยว่ามากๆเลยแหละ จากใจคนที่แฟนหนังและดูมาแล้วทุกที่ในกทม.และตจว.(บ้านเกิด) ตัวอย่างเช่นเราเช็คหนังในโรงกทมเรื่องที่อยากดูวันนี้ราคา 180฿ แต่ตจว.ราคา120฿ อะไรทำนองนี้ ซึ่งแน่นอนว่าตจว.ก็ดูฟรีไปเลยสิ แต่ในกทมเองก็ต้องจ่ายส่วนต่าง ส่วนตัวตอนนี้ยกเลิกไปตั้งแต่โควิดละลอกใหม่มาละ และก็คงคิดว่าถ้าอยากดูเรื่องไหนก็คงจ่ายเงินเองหรือไม่ก็หาพวกแอพส่วนลด 50% เช่นshopee pay หรือตั๋วลดตามใบปลิวดีกว่าและอีกมากมายมหาศาล คงไม่กลับไปสมัครละแหละ ตามที่เขียนไปข้างบน

สรุปเลยคือ mpass เหมาะกับใคร
-เหมาะสำหรับคนที่ว่าง ไม่มีอะไรทำ ไม่เร่งรีบ แบบรอเรื่องนี้ออกไปสักสัปดาห์หนึ่งค่อยไปดู (เพื่อจะได้ไม่ออกส่วนต่างเอง)
-คนที่บ้านอยู่ใกล้โรง เดินทางไม่ไกลมาก (ส่วนตัวบ้านอยู่ไกลเลยคิดว่าค่าน้ำมันไปดลับก็1-2ร้อยละ เลยคิดว่าไม่ค่อยคุ้ม ยิ่งช่วงนี้น้ำมันแพงด้วยนะ)
-สายดูไม่กินอะไรทั้งนั้น บอกเลยว่าอันนี้สำคัญ ถ้าคุณดูหนังทุกเรื่องและต้องซื้อป๊อปและน้ำนั่นหมายความว่าคุณถูกหว่านแหโดยการตลาดของเมเจอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (แบบเรานี่แหละ555)

หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนก่อนคิดจะสมัคร mpass เพราะมีข้อดีข้อเสียในตัว ตกหล่นอะไรขออภัยด้วย มีอะไรเพิ่มเติมสอบถามได้ถ้าว่างจะมาตอบ (จากใจคนใช้จริง) ถามว่าคุ้มมั้ยสรุปส่วนตัวว่าคุ้มนะ ถ้ามีเวลาว่างไปดูทุกเรื่องทุกรอบ แต่ถ้าเดือนไหนดูแค่ 1-2 เรื่อง หรือเรื่องที่ชอบก็นะ ซื้อหน้าโรงเหอะ5555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่