กระทู้นี้จะมาบ่นให้ฟังค่ะ
...ขอเท้าความก่อนนะคะ คือ เรากำลังจะเรียนจบมหาลัย อยากจะต่อป.โท แต่ฐานะทางบ้านไไม่ค่อยโอเค ทีนี้ก็กะว่าจะทำงานหาเงินก่อน ด้วยความบังเอิญ เราก็ไปเจอโครงการหนึ่ง เขาเปิดรับสมัครนักศึกษาไปเรียนและทำงาน เป็นมหาลัยสายอาชีพ เหมือนอาชีวะ คือเรียนจบก็ได้วุฒิ ปวส. มา เอาง่าย ๆ เหมือนกลับไปเริ่มเรียนใหม่อีกรอบ ใช้วุฒิม.6 สมัคร แต่ทุนนี้เราได้ทำงานด้วย ได้วุฒิ ปวส. ด้วย มีเงินเดือนให้ระหว่างทำงาน มีค่าหอให้ 6 เดือนหรือ 1 ปี และค่าเทอมฟรี เราสมัครไปก็ได้เลย เราก็เลือกแบบทำงานและเรียนไปด้วย 2 ปี เพราะจะได้ถือโอกาสทำงานไปในตัวเลยหลังเรียนจบ
...ระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนของการเลือกสถานที่ทำงาน ทางบริษัทที่มีหน้าที่หาเด็กเข้าร่วมโครงการก็แจ้งมาว่า การอยู่หอพัก ให้พยายามอยู่กับเพื่อนคนอื่น ๆ หลาย ๆ คน เพื่อที่จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ เราก็เลยถามทางบริษัทไปว่า "สามารถอยู่คนเดียวและหาหอพักเองได้ไหม" เขาก็แจ้งมาว่าหาได้ แต่ทางบริษัทไม่รับผิดชอบความเสียหายต่าง ๆ จากการที่เราหาหอพักเอง เราก็โอเคไม่มีปัญหา
...ต่อมาก็มีผู้ใหญ่ 2 คน เข้ามาพูดว่า "ฝากไว้ให้คิด คนที่จะมาเรียนและทำงานด้วย ถ้าอยู่หอคนเดียวก็จะขาดทักษะในการอยู่ร่วมกับคนอื่นไป ทางที่ดีควรอยู่กับเพื่อน ไม่ควรอยู่คนเดียว เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาจจะรับผิดชอบไม่ไหว ที่สำคัญจะทำให้การปรับตัวเข้ากับคนอื่นในที่ทำงานยากตามไปด้วย ให้อยู่กับเพื่อนไปก่อน 6 เดือน ในอนาคตถ้าวางแผนชีวิตลงตัวแล้ว ค่อยออกไปอยู่คนเดียว ที่สำคัญมาทำงาน อย่าเริ่มต้นด้วยการมีข้อแม้เยอะ ๆ เพราะจะทำให้ทำงานลำบาก หอที่ทางบริษัทหาให้ ดีที่สุด ใกล้ที่ทำงานที่สุด"
...ในประเด็นเรื่องประหยัดค่าใช้จ่าย เราเข้าใจ เพราะในกทม. ถ้าหากไม่หารกับเพื่อน ก็หาหอดี ๆ ใกล้ ๆ ที่ทำงานได้ยาก และแน่นอนว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ด้วย แต่เราไม่ได้ติดว่าต้องอยู่ใกล้แบบเดินไปทำงานขนาดนั้น หรือต้องอยู่หอที่มีแอร์ มีน้ำอุ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เราเลยคิดว่า เราอยู่หอที่มีแค่ตู้เสื้อผ้า เตียง ที่นอน พัดลม และห้องน้ำส่วนตัว กล้องวงจรปิด ที่จอดมอเตอร์ไซต์ นี่คือเราโอเคแล้ว ใกล้จากที่ทำงานสัก 5-6 กิโลเราโอเคนะ ถ้าแลกกับหอที่ราคาถูกลงมาแล้วได้อยู่คนเดียวด้วย
...ในประเด็นเรื่องการปรับตัว เราเคยทำงานร่วมกับคนอื่นมามากมาย ทั้งงานประจำ ฝึกงาน ทำงานใช้ทุน งานพาร์ททาร์ม อีเว้นท์ต่าง ๆ เราก็เลยรู้สึกว่า "ที่เขาพูดมานั้น มันไม่เป็นความจริงเลย เพราะเราก็อยู่หอคนเดียวมาตั้งแต่ปี 1 จนจะเรียนจบ เราก็ยังไปทำงานร่วมกับคนอื่นได้ตามปกติ ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเลย" ดังนั้น ตัดประเด็นที่ว่า อยู่คนเดียวแล้วจะปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นไม่ได้ไปเลยค่ะ
...ในประเด็นเรื่องการไปทำงาน แล้วพยายามอย่ามีข้อแม้เยอะ อันนี้เราคิดในแง่ดีว่า เขาอาจจะหมายถึงอย่าตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเพื่อนร่วมงาน เพราะแต่ละองค์กรมักมีวัฒนธรรมการทำงานที่ต่างกันออกไป คนมาทีหลังให้ฟังคนมาก่อน หรือเปล่า? เราเข้าใจในจุดนี้ เพราะเคยทำงานมาก่อน แต่ด้วยความที่เขามาพูดโยงถึงเรื่องการอยู่หอนี่เราว่ามันแปลกไปหน่อย เพราะเรามีสิทธิเลือกเองได้ แล้วการเลือกเองนี่มันเป็นข้อแม้ในการทำงานไม่ได้เหรอ อันนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่
...และด้วยความบังเอิญ เราก็ได้เจอกับพี่ที่ทำงานหาเด็กไปเรียน คือ พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ถ้าหาเด็กไปเรียนได้เยอะก็เหมือนได้ค่าหัว แล้วการที่เขาหาหอให้ ก็คือได้ค่าหัวอีก เราก็เลยรู้สึกว่า มันก็น่าคิดนะ ว่าทำไมเขาถึงอยากให้เราอยู่หอที่เขาหาให้ขนาดนั้น โดยมีเหตุผลคือ ปลอดภัย ใกล้ที่ทำงาน ได้รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้
...แล้วเพื่อน ๆ มีความคิดเห็นว่ายังไงกันบ้างคะ
เมื่อมีคนมาบอกว่า "คนที่ชอบอยู่คนเดียวมักจะปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นไม่ได้"
...ขอเท้าความก่อนนะคะ คือ เรากำลังจะเรียนจบมหาลัย อยากจะต่อป.โท แต่ฐานะทางบ้านไไม่ค่อยโอเค ทีนี้ก็กะว่าจะทำงานหาเงินก่อน ด้วยความบังเอิญ เราก็ไปเจอโครงการหนึ่ง เขาเปิดรับสมัครนักศึกษาไปเรียนและทำงาน เป็นมหาลัยสายอาชีพ เหมือนอาชีวะ คือเรียนจบก็ได้วุฒิ ปวส. มา เอาง่าย ๆ เหมือนกลับไปเริ่มเรียนใหม่อีกรอบ ใช้วุฒิม.6 สมัคร แต่ทุนนี้เราได้ทำงานด้วย ได้วุฒิ ปวส. ด้วย มีเงินเดือนให้ระหว่างทำงาน มีค่าหอให้ 6 เดือนหรือ 1 ปี และค่าเทอมฟรี เราสมัครไปก็ได้เลย เราก็เลือกแบบทำงานและเรียนไปด้วย 2 ปี เพราะจะได้ถือโอกาสทำงานไปในตัวเลยหลังเรียนจบ
...ระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนของการเลือกสถานที่ทำงาน ทางบริษัทที่มีหน้าที่หาเด็กเข้าร่วมโครงการก็แจ้งมาว่า การอยู่หอพัก ให้พยายามอยู่กับเพื่อนคนอื่น ๆ หลาย ๆ คน เพื่อที่จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ เราก็เลยถามทางบริษัทไปว่า "สามารถอยู่คนเดียวและหาหอพักเองได้ไหม" เขาก็แจ้งมาว่าหาได้ แต่ทางบริษัทไม่รับผิดชอบความเสียหายต่าง ๆ จากการที่เราหาหอพักเอง เราก็โอเคไม่มีปัญหา
...ต่อมาก็มีผู้ใหญ่ 2 คน เข้ามาพูดว่า "ฝากไว้ให้คิด คนที่จะมาเรียนและทำงานด้วย ถ้าอยู่หอคนเดียวก็จะขาดทักษะในการอยู่ร่วมกับคนอื่นไป ทางที่ดีควรอยู่กับเพื่อน ไม่ควรอยู่คนเดียว เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาจจะรับผิดชอบไม่ไหว ที่สำคัญจะทำให้การปรับตัวเข้ากับคนอื่นในที่ทำงานยากตามไปด้วย ให้อยู่กับเพื่อนไปก่อน 6 เดือน ในอนาคตถ้าวางแผนชีวิตลงตัวแล้ว ค่อยออกไปอยู่คนเดียว ที่สำคัญมาทำงาน อย่าเริ่มต้นด้วยการมีข้อแม้เยอะ ๆ เพราะจะทำให้ทำงานลำบาก หอที่ทางบริษัทหาให้ ดีที่สุด ใกล้ที่ทำงานที่สุด"
...ในประเด็นเรื่องประหยัดค่าใช้จ่าย เราเข้าใจ เพราะในกทม. ถ้าหากไม่หารกับเพื่อน ก็หาหอดี ๆ ใกล้ ๆ ที่ทำงานได้ยาก และแน่นอนว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ด้วย แต่เราไม่ได้ติดว่าต้องอยู่ใกล้แบบเดินไปทำงานขนาดนั้น หรือต้องอยู่หอที่มีแอร์ มีน้ำอุ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เราเลยคิดว่า เราอยู่หอที่มีแค่ตู้เสื้อผ้า เตียง ที่นอน พัดลม และห้องน้ำส่วนตัว กล้องวงจรปิด ที่จอดมอเตอร์ไซต์ นี่คือเราโอเคแล้ว ใกล้จากที่ทำงานสัก 5-6 กิโลเราโอเคนะ ถ้าแลกกับหอที่ราคาถูกลงมาแล้วได้อยู่คนเดียวด้วย
...ในประเด็นเรื่องการปรับตัว เราเคยทำงานร่วมกับคนอื่นมามากมาย ทั้งงานประจำ ฝึกงาน ทำงานใช้ทุน งานพาร์ททาร์ม อีเว้นท์ต่าง ๆ เราก็เลยรู้สึกว่า "ที่เขาพูดมานั้น มันไม่เป็นความจริงเลย เพราะเราก็อยู่หอคนเดียวมาตั้งแต่ปี 1 จนจะเรียนจบ เราก็ยังไปทำงานร่วมกับคนอื่นได้ตามปกติ ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเลย" ดังนั้น ตัดประเด็นที่ว่า อยู่คนเดียวแล้วจะปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นไม่ได้ไปเลยค่ะ
...ในประเด็นเรื่องการไปทำงาน แล้วพยายามอย่ามีข้อแม้เยอะ อันนี้เราคิดในแง่ดีว่า เขาอาจจะหมายถึงอย่าตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเพื่อนร่วมงาน เพราะแต่ละองค์กรมักมีวัฒนธรรมการทำงานที่ต่างกันออกไป คนมาทีหลังให้ฟังคนมาก่อน หรือเปล่า? เราเข้าใจในจุดนี้ เพราะเคยทำงานมาก่อน แต่ด้วยความที่เขามาพูดโยงถึงเรื่องการอยู่หอนี่เราว่ามันแปลกไปหน่อย เพราะเรามีสิทธิเลือกเองได้ แล้วการเลือกเองนี่มันเป็นข้อแม้ในการทำงานไม่ได้เหรอ อันนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่
...และด้วยความบังเอิญ เราก็ได้เจอกับพี่ที่ทำงานหาเด็กไปเรียน คือ พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ถ้าหาเด็กไปเรียนได้เยอะก็เหมือนได้ค่าหัว แล้วการที่เขาหาหอให้ ก็คือได้ค่าหัวอีก เราก็เลยรู้สึกว่า มันก็น่าคิดนะ ว่าทำไมเขาถึงอยากให้เราอยู่หอที่เขาหาให้ขนาดนั้น โดยมีเหตุผลคือ ปลอดภัย ใกล้ที่ทำงาน ได้รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้
...แล้วเพื่อน ๆ มีความคิดเห็นว่ายังไงกันบ้างคะ