ถ้าเรายังไม่หมดกรรม ต่อให้เราหนีเรื่องๆนั้นรูปแบบเดิมๆก็ยังต้องเกิดในชีวิตเรา บุคคลคนนั้นก็ยังต้องมีผลต่อชีวิตเรา มีความจำเป็นที่จะต้องได้เจอ ได้อยู่ไม่ไกลจากกันเสียทีใช่มั้ย?
ถ้าเราโกรธแค้นในใจ ร้อนรนกับคัวเองรู้สึกไม่ดีกับบุคคล การกระทำ เหตุการณ์ที่ได้รับ แต่เราอดทนกายที่จะไม่ทำแบบนี้ถือว่าเราใช้กรรมอล้วชาติหน้าเราต้องติดกรรมกลายเป็นคนแบบนั้นที่มีการกระทำแบบที่เราได้รับจากบุคคลแบบนั้นมั้ย?
เกลียดอะไรได้แบบนั้น ยิ่งหนีถ้ายังไม่หมดกรรม ยังไงก็ต้องเจอ (หรือว่าด้วยกฎแห่งแรงดึงดูด ถ้าคิดหลอกหลอนบุคคล เหตุการณ์ การกระทำ เราจะต้องเจอ ต้องเป็น(กลายเป็นเอง) แบบเหล่านั้นถูกต้องมั้ย?)
ยิ่งเราไม่อยากเจอ บุคคล เหตุการณ์ รูปแบบชีวิต (ที่ไม่อยากเลย รังเกียจตัวเองไปแล้ว70%ของชีวิตจาก100%เต็ม) มันก็ต้องมีเหตุให้เราอยู่แบบนั้น จมอยู่แบบไหน ตรงนั้น ไม่ไปไหนสักที เนื่องจากกรรมเก่า ชีวิตที่ต่อต้านแบบรังเกียจ (คิดในหัว แค้นในใจ คิดว่าชีวิตกูมันต้องเป็นแบบนี้หรอวะ ต้องเจอ ต้องได้รับกับการกระทำ บุคคล เหตุการณ์ แบบนี้หรอวะ)อึดอัดมาก ยิ่งคิดว่าเมื่อไหร่ๆ ยิ่งอยู่ตรงนั้น ถึงไม่อยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมเลย .
ถ้าเรายังไม่หมดกรรม ต่อให้เราหนีเรื่องๆนั้นรูปแบบเดิมๆก็ยังต้องเกิดในชีวิตเรา
ถ้าเราโกรธแค้นในใจ ร้อนรนกับคัวเองรู้สึกไม่ดีกับบุคคล การกระทำ เหตุการณ์ที่ได้รับ แต่เราอดทนกายที่จะไม่ทำแบบนี้ถือว่าเราใช้กรรมอล้วชาติหน้าเราต้องติดกรรมกลายเป็นคนแบบนั้นที่มีการกระทำแบบที่เราได้รับจากบุคคลแบบนั้นมั้ย?
เกลียดอะไรได้แบบนั้น ยิ่งหนีถ้ายังไม่หมดกรรม ยังไงก็ต้องเจอ (หรือว่าด้วยกฎแห่งแรงดึงดูด ถ้าคิดหลอกหลอนบุคคล เหตุการณ์ การกระทำ เราจะต้องเจอ ต้องเป็น(กลายเป็นเอง) แบบเหล่านั้นถูกต้องมั้ย?)
ยิ่งเราไม่อยากเจอ บุคคล เหตุการณ์ รูปแบบชีวิต (ที่ไม่อยากเลย รังเกียจตัวเองไปแล้ว70%ของชีวิตจาก100%เต็ม) มันก็ต้องมีเหตุให้เราอยู่แบบนั้น จมอยู่แบบไหน ตรงนั้น ไม่ไปไหนสักที เนื่องจากกรรมเก่า ชีวิตที่ต่อต้านแบบรังเกียจ (คิดในหัว แค้นในใจ คิดว่าชีวิตกูมันต้องเป็นแบบนี้หรอวะ ต้องเจอ ต้องได้รับกับการกระทำ บุคคล เหตุการณ์ แบบนี้หรอวะ)อึดอัดมาก ยิ่งคิดว่าเมื่อไหร่ๆ ยิ่งอยู่ตรงนั้น ถึงไม่อยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมเลย .