ขอคำแนะแนวนิทานหน่อยค่ะ จะมาแต่งเองแต่นึกไม่ค่อยออก
ขอบคุณล่วหน้าค่ะ
อ้างอิงมาจาก เฟซบุ๊คเพจ 𝗔 𝗥𝗲𝗮𝗹 𝗪𝗼𝗿𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗠𝗼𝗺
#นิทานเปลี่ยนชีวิตผ่านจิตวิญญาณของเด็ก
กุศโลบายง่ายๆ ในการสร้างพฤติกรรมใหม่ แก้นิสัยเก่าเพียงทำผ่านเรื่องเล่าและนิทานดีๆ เด็กดูดนิ้ว ติดหมอนเน่า ชอบแกล้งน้อง หรือกลัวความมืด
เดินไปบอกตรงๆ ใช้เหตุผลเข้าหา ได้ผลจริงไหมคะ?
อย่าดูดนิ้วนะลูก ไม่ดีนะ นิ้วกุดหมด
หมอนนี้เหม็นมาก มีแต่เชื้อโรค เดี๋ยวจะไม่สบาย
อย่าแกล้งน้อง น้องยังเล็ก เราเป็นพี่ มีต้องแบ่ง
ช่วยไหมคะ? เหตุผลตรงๆ แบบนี้ฝังเป็นแรงต้าน บางทีฝังไปจนโต
ในดินแดนแห่งหนึ่ง ยังมีห้าพี่น้องรักใครกลมเกลียว อยู่มาวันหนึ่งพี่คนโตตกลงไปในน้ำ ขึ้นมาทีไรก็ตัวฝ่อเล็กลงๆ.. พี่ๆ น้องๆ ต้องคอยมองหา พี่คนโตตัวเล็กลง จนต้องไปยืนต่อท้ายคนที่ห้า ร่วมกันจับอะไรก็ไม่ถนัด ดึงอะไรก็ไม่สำเร็จ ...แก้นิสัยเด็กดูดนิ้ว
วันหนึ่งนางฟ้าแสนสวย ส่งหมอนวิเศษใบหนึ่งมาให้เด็กชายน้อยๆ ที่น่ารักได้พักตา คราวนี้ถึงเวลาหมอนไม่สบายพี่นางฟ้าจะพาหมอนไปรักษาให้หายดีเสียก่อน.. แก้นิสัยเด็กติดหมอนเน่า
อะไรก็ว่าไป..
นิทานทำงานได้ดีกับเด็กทุกวัย โดยเฉพาะช่วงเด็กประถมที่เด็กอยู่ในภาวะกึ่งฝัน ในวัยนี้นิทานปรัมปรา แฟรรี่เทลหรือนิทานกริมม์ (ฉบับที่พ่อแม่คัดกรองแล้ว ) รวบรวมภูมิปัญญาจากคนในยุคเก่าก่อน ที่นอกจากช่วยกระตุ้นการสร้างจินตนาการในตัวเด็กแล้ว ยังช่วยบ่มเพาะคุณธรรมพื้นฐานต่างๆให้ประทับอยู่ในจิตวิญญาณซึ่งเด็ก ส่งผลต่อยอด wisdom จากสิ่งที่สั่งสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เด็กๆ จะสามารถใช้คุณธรรมเหล่านี้มาใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตเมื่อเวลาผ่านไป ดึงมาใช้ได้แม้ในเวลาคับขันหรือเมื่อเขาต้องการมัน
บางคนอาจจะมองว่า การไม่ให้เด็กเล็กๆ รับรู้ข่าวสารของโลก หรือไม่ให้เขารับสื่อสำเร็จรูปใดๆ จะทำให้เขาไม่ทันโลก แต่ความจริงแล้วเด็กๆ ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดสื่อสำเร็จรูปนั้น ล้วนสร้างภูมิปัญญาตามธรรมชาติได้ละเมียดละไมกว่าเพราะเขาได้แนวคิดและปรัชญาการใช้ชีวิตจากนิทาน อ่านภาพชีวิตการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในมุมกว้างออก สามารถจดจ่อรอคอย อดทนอดกลั้นได้นานกว่า เพราะการฟังหรืออ่านนิทานนั้นต้องใช้การคิดภาพลุ้นเรื่องราวจากตัวอักษรเองไปตามลำดับ
ในโรงเรียนวอลดอร์ฟ นิทานตำนานเรื่องเล่าอันทรงคุณค่าเช่นเรื่องมหาภารตะ หรือรามมายนะ ที่เด็กประถมปลายได้เริ่มเรียน โดยที่เราไม่ต้องรีบจำแนกมุมมองปลีกย่อยหรือใส่ทัศนคติเราผสมลงไป พอถึงวัยมัธยมปลาย ครูจะนำเรื่องนี้มาเล่าให้เด็กฟังอีกครั้ง คราวนี้เด็กๆ ก็จะเห็นแง่มุมที่เขาไม่เคยมอง การประทับของภูมิปัญญาบางอย่างก็ยิ่งให้ความคมคายลึกซึ้งขึ้นไปอีก
แม้เรื่องเล่าบางอย่างก็ไม่ได้ส่งผลแต่กับเด็กเท่านั้น
ชาติที่ได้รับการยกย่องว่ามีความลึกซึ้งในเรื่องเล่านิทานปรัมปรา เช่นชาติจีนและอินเดีย ต่างก็ใช้นิทานเป็นกุศโลบายในการสอนชีวิต ให้ข้อคิดในทุกมิติของการดำรงอยู่ร่วมกัน การทำงานกับคนหมู่มาก การเอาชนะอุปสรรคหรือความคับข้องในใจ
ขณะที่บางชาติฝั่งตะวันตกใช้วิธีลัดดึงนิทานดีๆ มาสร้างเป็นการ์ตูนดูดสตางค์ในกระเป๋าคนทั่วโลก เด็กที่เสพผลงานลัดสำเร็จรูปก็ได้ผลออกมาเป็นความรู้ก้อนๆ แบบที่ฝังทั้งภาพและเสียงลงไป ไม่เปิดช่องให้จินตนาการแตกหน่อ ตัดปีกของภูมิปัญญาตามธรรมชาติไปเสีย
สิ่งที่สำคัญที่ต้องย้ำคือ เราจะ "ไม่" กรอบทัศนคติของลูก ด้วยการขมวดคำสอนไว้ตอนจบ ทำนองว่า #นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.. เพราะนิทานดีๆ ทุกเรื่องนั้นมีประเด็นข้อคิดมากมายในนิทานสุดแต่วัยของเขาจะจับได้ การไม่ชี้นำหรือพยายามตีความนิทานที่เราเลือกสรรมาให้แล้วนั้น เปิดโอกาสให้กับคำถามในใจลูก ได้เดินทางต่อไปเชื่อมกับคำตอบที่เขาจะค่อยๆ ค้นพบต่อไปในภายภาคหน้าด้วยตนเอง เด็กที่ได้รับการบ่มเพาะมาดี มักจะมีความสามารถในการพินิจพิเคราะห์ได้ดี อาจจะดีกว่าความสามารถดังกล่าวของผู้เลี้ยงดูได้ในวัยเดียวกัน จึงควรจบนิทานแบบปลายเปิด ไม่ต้องอธิบายเสริมมากนัก ทิ้งประเด็นต่างๆ วางไว้ให้เขาได้ไปต่อจิ๊กซอลกับเรื่องอื่นๆ ในต่อไป
#ชีวิตมนุษย์ก็เช่นกัน เราไม่ควรตัดสินใครคนใดคนหนึ่งในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจากภาพด้านเดียว เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนกำลังเดินทางไปสู่การค้นพบตัวเองไปตามลำดับ ฉันใดก็ฉันนั้น
//////////
หรือใครมีคำแนะนำอื่นให้เลิกกัดเล็บก็ขอรบกวนด้วยนะคะ
ลูกชอบกัดเล็บมาก ไปหาหมอก็แล้ว ทาเล็บขม ทาเล็บเจล ก็ไม่เลิกกัด อยากแต่งนิทานที่มีกุศโลบายให้เลิกกัดเล็บ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณล่วหน้าค่ะ
อ้างอิงมาจาก เฟซบุ๊คเพจ 𝗔 𝗥𝗲𝗮𝗹 𝗪𝗼𝗿𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗠𝗼𝗺
#นิทานเปลี่ยนชีวิตผ่านจิตวิญญาณของเด็ก
กุศโลบายง่ายๆ ในการสร้างพฤติกรรมใหม่ แก้นิสัยเก่าเพียงทำผ่านเรื่องเล่าและนิทานดีๆ เด็กดูดนิ้ว ติดหมอนเน่า ชอบแกล้งน้อง หรือกลัวความมืด
เดินไปบอกตรงๆ ใช้เหตุผลเข้าหา ได้ผลจริงไหมคะ?
อย่าดูดนิ้วนะลูก ไม่ดีนะ นิ้วกุดหมด
หมอนนี้เหม็นมาก มีแต่เชื้อโรค เดี๋ยวจะไม่สบาย
อย่าแกล้งน้อง น้องยังเล็ก เราเป็นพี่ มีต้องแบ่ง
ช่วยไหมคะ? เหตุผลตรงๆ แบบนี้ฝังเป็นแรงต้าน บางทีฝังไปจนโต
ในดินแดนแห่งหนึ่ง ยังมีห้าพี่น้องรักใครกลมเกลียว อยู่มาวันหนึ่งพี่คนโตตกลงไปในน้ำ ขึ้นมาทีไรก็ตัวฝ่อเล็กลงๆ.. พี่ๆ น้องๆ ต้องคอยมองหา พี่คนโตตัวเล็กลง จนต้องไปยืนต่อท้ายคนที่ห้า ร่วมกันจับอะไรก็ไม่ถนัด ดึงอะไรก็ไม่สำเร็จ ...แก้นิสัยเด็กดูดนิ้ว
วันหนึ่งนางฟ้าแสนสวย ส่งหมอนวิเศษใบหนึ่งมาให้เด็กชายน้อยๆ ที่น่ารักได้พักตา คราวนี้ถึงเวลาหมอนไม่สบายพี่นางฟ้าจะพาหมอนไปรักษาให้หายดีเสียก่อน.. แก้นิสัยเด็กติดหมอนเน่า
อะไรก็ว่าไป..
นิทานทำงานได้ดีกับเด็กทุกวัย โดยเฉพาะช่วงเด็กประถมที่เด็กอยู่ในภาวะกึ่งฝัน ในวัยนี้นิทานปรัมปรา แฟรรี่เทลหรือนิทานกริมม์ (ฉบับที่พ่อแม่คัดกรองแล้ว ) รวบรวมภูมิปัญญาจากคนในยุคเก่าก่อน ที่นอกจากช่วยกระตุ้นการสร้างจินตนาการในตัวเด็กแล้ว ยังช่วยบ่มเพาะคุณธรรมพื้นฐานต่างๆให้ประทับอยู่ในจิตวิญญาณซึ่งเด็ก ส่งผลต่อยอด wisdom จากสิ่งที่สั่งสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เด็กๆ จะสามารถใช้คุณธรรมเหล่านี้มาใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตเมื่อเวลาผ่านไป ดึงมาใช้ได้แม้ในเวลาคับขันหรือเมื่อเขาต้องการมัน
บางคนอาจจะมองว่า การไม่ให้เด็กเล็กๆ รับรู้ข่าวสารของโลก หรือไม่ให้เขารับสื่อสำเร็จรูปใดๆ จะทำให้เขาไม่ทันโลก แต่ความจริงแล้วเด็กๆ ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดสื่อสำเร็จรูปนั้น ล้วนสร้างภูมิปัญญาตามธรรมชาติได้ละเมียดละไมกว่าเพราะเขาได้แนวคิดและปรัชญาการใช้ชีวิตจากนิทาน อ่านภาพชีวิตการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในมุมกว้างออก สามารถจดจ่อรอคอย อดทนอดกลั้นได้นานกว่า เพราะการฟังหรืออ่านนิทานนั้นต้องใช้การคิดภาพลุ้นเรื่องราวจากตัวอักษรเองไปตามลำดับ
ในโรงเรียนวอลดอร์ฟ นิทานตำนานเรื่องเล่าอันทรงคุณค่าเช่นเรื่องมหาภารตะ หรือรามมายนะ ที่เด็กประถมปลายได้เริ่มเรียน โดยที่เราไม่ต้องรีบจำแนกมุมมองปลีกย่อยหรือใส่ทัศนคติเราผสมลงไป พอถึงวัยมัธยมปลาย ครูจะนำเรื่องนี้มาเล่าให้เด็กฟังอีกครั้ง คราวนี้เด็กๆ ก็จะเห็นแง่มุมที่เขาไม่เคยมอง การประทับของภูมิปัญญาบางอย่างก็ยิ่งให้ความคมคายลึกซึ้งขึ้นไปอีก
แม้เรื่องเล่าบางอย่างก็ไม่ได้ส่งผลแต่กับเด็กเท่านั้น
ชาติที่ได้รับการยกย่องว่ามีความลึกซึ้งในเรื่องเล่านิทานปรัมปรา เช่นชาติจีนและอินเดีย ต่างก็ใช้นิทานเป็นกุศโลบายในการสอนชีวิต ให้ข้อคิดในทุกมิติของการดำรงอยู่ร่วมกัน การทำงานกับคนหมู่มาก การเอาชนะอุปสรรคหรือความคับข้องในใจ
ขณะที่บางชาติฝั่งตะวันตกใช้วิธีลัดดึงนิทานดีๆ มาสร้างเป็นการ์ตูนดูดสตางค์ในกระเป๋าคนทั่วโลก เด็กที่เสพผลงานลัดสำเร็จรูปก็ได้ผลออกมาเป็นความรู้ก้อนๆ แบบที่ฝังทั้งภาพและเสียงลงไป ไม่เปิดช่องให้จินตนาการแตกหน่อ ตัดปีกของภูมิปัญญาตามธรรมชาติไปเสีย
สิ่งที่สำคัญที่ต้องย้ำคือ เราจะ "ไม่" กรอบทัศนคติของลูก ด้วยการขมวดคำสอนไว้ตอนจบ ทำนองว่า #นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.. เพราะนิทานดีๆ ทุกเรื่องนั้นมีประเด็นข้อคิดมากมายในนิทานสุดแต่วัยของเขาจะจับได้ การไม่ชี้นำหรือพยายามตีความนิทานที่เราเลือกสรรมาให้แล้วนั้น เปิดโอกาสให้กับคำถามในใจลูก ได้เดินทางต่อไปเชื่อมกับคำตอบที่เขาจะค่อยๆ ค้นพบต่อไปในภายภาคหน้าด้วยตนเอง เด็กที่ได้รับการบ่มเพาะมาดี มักจะมีความสามารถในการพินิจพิเคราะห์ได้ดี อาจจะดีกว่าความสามารถดังกล่าวของผู้เลี้ยงดูได้ในวัยเดียวกัน จึงควรจบนิทานแบบปลายเปิด ไม่ต้องอธิบายเสริมมากนัก ทิ้งประเด็นต่างๆ วางไว้ให้เขาได้ไปต่อจิ๊กซอลกับเรื่องอื่นๆ ในต่อไป
#ชีวิตมนุษย์ก็เช่นกัน เราไม่ควรตัดสินใครคนใดคนหนึ่งในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจากภาพด้านเดียว เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนกำลังเดินทางไปสู่การค้นพบตัวเองไปตามลำดับ ฉันใดก็ฉันนั้น
//////////
หรือใครมีคำแนะนำอื่นให้เลิกกัดเล็บก็ขอรบกวนด้วยนะคะ