สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ตอนเห็นข่าววันแรก คิดแค่ว่าอุบัติเหตุ อาจจะเมา พลัดตกเอง
พอเห็นข่าวว่าเพื่อนบนเรือหายตัวไปหมดหลังเกิดเหตุ เริ่มแปลกๆ ผิดวิสัยที่คนปกติจะทำกัน
พอมีข่าวว่าเพื่อนหาทนาย ยิ่งตอกย้ำว่าทำอะไรผิดมาแน่ๆ
พอเพื่อนเริ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อ ยิ่งดูไม่น่าเชื่อไปอีก
ทีนี้จะพูดอะไร ก็เหมือนโกหกทั้งนั้นแหละ
พอเห็นข่าวว่าเพื่อนบนเรือหายตัวไปหมดหลังเกิดเหตุ เริ่มแปลกๆ ผิดวิสัยที่คนปกติจะทำกัน
พอมีข่าวว่าเพื่อนหาทนาย ยิ่งตอกย้ำว่าทำอะไรผิดมาแน่ๆ
พอเพื่อนเริ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อ ยิ่งดูไม่น่าเชื่อไปอีก
ทีนี้จะพูดอะไร ก็เหมือนโกหกทั้งนั้นแหละ
ความคิดเห็นที่ 26
เราต้องเอาความมโนออกจากสมองก่อน คนบนเรือไม่ได้ทำอะไรผิดปกติไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นหรอก นั่นก็คือ การพยายามหาทางรอดให้ตัวเองผิดน้อยที่สุด
หลังเกิดเหตุ แน่ใจแล้วล่ะว่าแตงโมไม่รอด (ซึ่งก็ปกติ ตกแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อตามหามาเป็นชั่วโมงแล้ว ลึก ๆ ในใจรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าไม่รอดหรอก ไม่ต้องหลอกตัวเอง แทบไม่มีความหวัง)
พอต้องแจ้งกู้ภัย จะรู้ละว่ามันต้องเป็นข่าวใหญ่โต ต้องหนีก่อนเพราะดื่มแอลกอฮอลล์ละหนึ่ง คนขับไม่มีใบอนุญาตละหนึ่ง ต้องไปคุยกันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นยังไง จะแก้ตัวยังไง เอาตัวรอดยังไง ทุกอย่างมีผลต่อรูปคดี พวกนี้รู้หมดแหละ ไม่ใช่ตาสีตาสาหรอกที่จะพูดไปตามความจริงหรือโกหกแบบไม่มีจุดหมาย
คนบนเรือก็ไม่ได้รู้ร่วมกันทั้งหมดหรอก คนนึงหันหน้าไปมองไฟ คนนึงขับเรือไมไ่ด้เห็นตอนตก ก็ต้องมาคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่หลังเรือ อะไรที่พูดแล้วจะซวยก็ต้องเตี๊ยมกัน พอมีการเตี๊ยมมันก็จะไม่ปกติแล้ว เพราะมันจะเป็นการเล่าที่ไม่ธรรมชาติ แต่หลัก ๆ ก็เพื่อให้ตรงกัน โดยปัด ๆ ไปให้เป็นความประมาทของผู้เสียชีวิต ให้ตัวเองและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ผิดน้อยที่สุด
หลังเกิดเหตุ แน่ใจแล้วล่ะว่าแตงโมไม่รอด (ซึ่งก็ปกติ ตกแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อตามหามาเป็นชั่วโมงแล้ว ลึก ๆ ในใจรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าไม่รอดหรอก ไม่ต้องหลอกตัวเอง แทบไม่มีความหวัง)
พอต้องแจ้งกู้ภัย จะรู้ละว่ามันต้องเป็นข่าวใหญ่โต ต้องหนีก่อนเพราะดื่มแอลกอฮอลล์ละหนึ่ง คนขับไม่มีใบอนุญาตละหนึ่ง ต้องไปคุยกันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นยังไง จะแก้ตัวยังไง เอาตัวรอดยังไง ทุกอย่างมีผลต่อรูปคดี พวกนี้รู้หมดแหละ ไม่ใช่ตาสีตาสาหรอกที่จะพูดไปตามความจริงหรือโกหกแบบไม่มีจุดหมาย
คนบนเรือก็ไม่ได้รู้ร่วมกันทั้งหมดหรอก คนนึงหันหน้าไปมองไฟ คนนึงขับเรือไมไ่ด้เห็นตอนตก ก็ต้องมาคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่หลังเรือ อะไรที่พูดแล้วจะซวยก็ต้องเตี๊ยมกัน พอมีการเตี๊ยมมันก็จะไม่ปกติแล้ว เพราะมันจะเป็นการเล่าที่ไม่ธรรมชาติ แต่หลัก ๆ ก็เพื่อให้ตรงกัน โดยปัด ๆ ไปให้เป็นความประมาทของผู้เสียชีวิต ให้ตัวเองและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ผิดน้อยที่สุด
ความคิดเห็นที่ 5
คนบนเรือพูดจาไม่น่าเชื่อถือ : แล้วแต่วิจารณญาณ แต่ละท่านเลย อันนี้ สำหรับผม มันเรียกพิลึกกึกกือมากกว่า เช่น บอกว่า ที่กลับบ้านไปก่อน นี่ อาจเพราะ เพื่อนคือคุณแตงโม อาจไปนอนรอที่บ้านอยู่แล้ว ....แบบว่า นี่มันตรรกะอัลไล มุกตลกผิดกาลเทศะหรือไง ไรแว้
ที่น่าสงสัยมากกว่านั้นคือ พฤติกรรมมากกว่า มีอย่างที่ไหน คนที่ไปด้วยตกน้ำหายกลางแม่น้ำงี้ ยังกลับบ้านไปก่อนได้ ถึงไม่ใช่เพื่อน เป็นแค่คนที่จ้างวานมา ก็ต้องอยู่รอให้ปากคำเจ้าหน้าที่ อันนี้เป็นสามัญสำนึกขั้นพื้นฐาน ทั้ง 5 คน ไม่มีใครคิดได้เลย มันแปลกเกิ๊น
ส่วนอคติชาวเน็ต ร้อยพ่อพันแม่ ต้องมีอยู่แล้ว ไม่เห็นแปลกครับ ก็เสพอย่างเป็นกลาง แต่ตอนนี้สังคมเอียงไปทางนี้ มันก็มีเหตุผลของมันละครับ
ที่น่าสงสัยมากกว่านั้นคือ พฤติกรรมมากกว่า มีอย่างที่ไหน คนที่ไปด้วยตกน้ำหายกลางแม่น้ำงี้ ยังกลับบ้านไปก่อนได้ ถึงไม่ใช่เพื่อน เป็นแค่คนที่จ้างวานมา ก็ต้องอยู่รอให้ปากคำเจ้าหน้าที่ อันนี้เป็นสามัญสำนึกขั้นพื้นฐาน ทั้ง 5 คน ไม่มีใครคิดได้เลย มันแปลกเกิ๊น
ส่วนอคติชาวเน็ต ร้อยพ่อพันแม่ ต้องมีอยู่แล้ว ไม่เห็นแปลกครับ ก็เสพอย่างเป็นกลาง แต่ตอนนี้สังคมเอียงไปทางนี้ มันก็มีเหตุผลของมันละครับ
แสดงความคิดเห็น
คนบนเรือพูดจาไม่น่าเชื่อถือ หรือชาวเน็ตกันแน่ที่อคติกันเกินไป