วิกฤติ “รัสเซีย-ยูเครน” ผลกระทบขยับใกล้ “ไทย”
https://www.bangkokbiznews.com/business/991179
“จับตาผลกระทบภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการขนส่งของไทย หลัง อียู สหรัฐ อังกฤษและพันธมิตร ตกลงกันว่าจะตัดธนาคาร “รัสเซีย” จำนวนหนึ่งออกจาก “ระบบสวิฟต์” ที่ถือเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่สถาบันการเงินทั่วโลกใช้งาน”
ความขัดแย้งระหว่าง
"รัสเซีย" และ
"ยูเครน" ที่ทวีความรุนแรงขึ้นมาเมื่อนาย
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 สั่งปฏิบัติการทางการทหารโจมตียูเครนอย่างเป็นทางการ โดยอ้างเหตุผลที่สหรัฐและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ละเมิดคำมั่นสัญญาเรื่องยูเครน รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครน ฉบับใหม่ ซึ่งทำให้รัสเซียอ้างเหตุผลถึงความจำเป็นต้องปกป้องสิทธิของตนและนำมสู่การบุกเข้าโจมตีหลายเมืองในยูเครน
หลังจากนั้นสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐ อังกฤษและพันธมิตร ตกลงกันว่าจะตัดธนาคารรัสเซียจำนวนหนึ่งออกจาก
"ระบบสวิฟต์" โดยถือเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่สถาบันการเงินทั่วโลกใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ ถึงแม้ไทยจะส่งออกไปรัสเซียในปี 2564 มูลค่า 1,028 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการส่งออกรวม แต่ตลาดรัสเซียถือเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสขยายตัวสูง เพราะเศรษฐกิจกำลังขยายตัวและมีจำนวนประชากรมาก
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องวางแผนรับมือในกรณีที่ทำธุรกรรมทงการเงินกับผู้นำเข้ารัสเซียโดยตรงไม่ได้โดยเตรียมแผนเจรจาเพื่อเปิดแอล/ซีผ่านประเทศที่ 3 รวมทั้งทำธุรกรรมทางการเงินและการขนส่งสินค้าผ่านประเทศที่ 3 ที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เช่น เบลารุส จีน ซึ่งแม้จะดำเนินการส่งออกได้ แต่จะทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าและต้นทุนทางการเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ผู้ส่งออกต้องวางแผนบริหารธุรกิจที่รัดกุมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งหาทางลดต้นทุนส่วนอื่น
การขนส่งสินค้าจากท่าเรือในประเทศไทยไปยังรัสเซียอาจดำเนินการไม่ได้จึงทำให้ผู้ส่งออกมองการขนส่งสินค้าในเส้นทางอื่น โดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ขอให้กระทรวงพาณิชย์เจรจากับประเทศจีน เพื่อให้จีนสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรางเข้าไปสู่เอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ซึ่งการขนส่งทางรางมีต้นทุนที่ถูกจึงกลายมาเป็นอีก 1 ตัวเลือกแต่ต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่ายเพราะเป็นเรื่องใหม่ที่มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการในช่วงแรกหากเลือกใช้แนวทางนี้
ผลกระทบทางตรงต่อประเทศอยู่ที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้กระทรวงการคลังมีแผนที่จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกหลังจากลดไปแล้วลิตรละ 3 บาท ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่มีมาตรการเข้มงวด
โดยผู้เดินทางเข้าประเทศไทยต้องเข้าระบบเทสต์แอนด์โก แต่ข้อมูลเดือน ก.พ.2565 พบว่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางเข้าไทยผ่านระบบดังกล่าวมากเป็นอันดับ 1 ดังนั้นหากชาวรัสเซียออกมาเที่ยวต่างประเทศไม่ได้แน่นอนว่ารายได้ส่วนนี้จะหายไป
ไทยยั้งไม่อยู่ ดีเซลใกล้แตะ 30 บาทอีกแล้ว หลังราคาน้ำมันโลก พุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี
https://ch3plus.com/news/economy/morning/281185
วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการที่ประเทศซาอุฯ สมาชิกสำคัญของ OPEC ซึ่งผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก รวมทั้งประเทศนอก OPEC ส่งสัญญาณว่า จะยึดมั่นในแผนเดิม ไม่เพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันคือ คงเดิมที่ 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก ซึ่งความต้องการของโลกคือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่รัสเซียถูกคว่ำบาตร ทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดน้อยลงไปอีก จึงยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 8%
ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 7.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ซึ่งราคาน้ำมันนี้สูงที่สุดในรอบ 11 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2014
และถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ นี่ถือว่าเป็นการขึ้นสูงสุด นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020
ด้านน้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ ลดลง 1.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 111.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ด้านราคาน้ำมันไทย หลังจากลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 3 บาท จนทำให้ราคาน้ำมันถูกลง แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำมันโลกดีดราคาขึ้นอย่างแรง ทำให้ราคา
น้ำมันเช้านี้ ตั้งแต่ตีห้าที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นสูงถึง 0.60 บาท โดย
ราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซิน ไม่มีการปรับราคา
ราคาน้ำมันในกลุ่มดีเซล เพิ่มขึ้น 0.60 บาท กลับไปใกล้เคียงกับราคาน้ำมันก่อนที่จะลดภาษีสรรพสามิคอีกครั้ง รวมถึงใกล้แต่ราคาน้ำมัน ที่มีการตรึงราคาไว้ที่ 30 บาท อีกด้วย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/uHP3qALG-jI
“แพทองธาร”เวิร์คช็อปเพื่อไทย “คิด-เปลี่ยน-โลก”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_299467/
“แพทองธาร”เวิร์คช็อปเพื่อไทย “คิด-เปลี่ยน-โลก” ปลุกเพื่อไทยทำนโยบายใหม่ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
นางสาว
แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปในหัวข้อ “
คิด-เปลี่ยน-โลก สร้างโลกที่ดีกว่าและแก้ปัญหาด้วยความคิดเชิงนวัตกรรม” บรรยายโดยนาย
ชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Fire One One และที่ปรึกษาด้าน Business Transformation เพื่อแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับ
‘กระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม’ (Innovative Thinking) สำหรับนำไปปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยมีนายแพทย์
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกพรรคเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก
โดย นางสาว
แพทองธาร กล่าวว่า หัวใจของกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม เริ่มต้นที่การเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง เข้าใจมนุษย์ เข้าใจคน เพื่อเรียนรู้ปัญหา ให้ถึงแก่น จนได้มาซึ่งวิธีการแก้ปัญหา ตนมองว่าพรรคเพื่อไทย สามารถนำเอากระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม มาสร้าง
‘นวัตกรรมทางการเมือง’ ผ่าน ส.ส. และสมาชิกในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยซึ่งมีรากจากพรรคไทยรักไทย ได้ใช้วิธีการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาเพื่อให้เข้าใจปัญหา จนนำมาสู่การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้สำเร็จผ่านหลากหลายนโยบาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงกองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรรคการเมืองจึงต้องมีการปรับวิธีการเก็บข้อมูล ที่ต้องมาจากประชาชนและการรับฟังเพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริง นำมาผ่านกระบวนการคิดและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี ผ่านวิธี DIWK รวม 4 ขั้นตอนได้แก่
1. D : Data จัดเก็บข้อมูลดิบ
2. I : Information ประมวลผลออกมาข้อมูลที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
3. W : Wisdom ใช้ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหา
4. K : Knowledge ใช้องค์ความรู้ในการสร้างนโยบาย
เมื่อผ่านกระบวนการทั้ง 4 ขั้นตอน จะได้มาซึ่ง
‘สมมติฐาน’ แล้วจึงนำมาสร้างวิธีการแก้ปัญหา ออกมาเป็นนโยบายใหม่ๆ ต่อไป พรรคเพื่อไทยสานต่อแนวคิดการลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนทั่วประเทศ ก่อนนำเสนอเป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ซึ่งในขณะนี้ ในบริบทที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือ การรับฟังและการค้นหา รากของปัญหาที่แท้จริง เป็นกระบวนการคิดใหม่ที่พรรคการเมืองควรเพิ่มเสริมเข้าไปเพื่อตอบสนองสนองสิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและประเทศ
JJNY : วิกฤติ“รัสเซีย-ยูเครน”ผลกระทบขยับใกล้“ไทย”│ดีเซลใกล้แตะ30บ.อีกแล้ว│“แพทองธาร”เวิร์คช็อปพท.│ร.ร.-มหา’ลัยเอกชนวิกฤต
https://www.bangkokbiznews.com/business/991179
“จับตาผลกระทบภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการขนส่งของไทย หลัง อียู สหรัฐ อังกฤษและพันธมิตร ตกลงกันว่าจะตัดธนาคาร “รัสเซีย” จำนวนหนึ่งออกจาก “ระบบสวิฟต์” ที่ถือเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่สถาบันการเงินทั่วโลกใช้งาน”
ความขัดแย้งระหว่าง "รัสเซีย" และ "ยูเครน" ที่ทวีความรุนแรงขึ้นมาเมื่อนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 สั่งปฏิบัติการทางการทหารโจมตียูเครนอย่างเป็นทางการ โดยอ้างเหตุผลที่สหรัฐและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ละเมิดคำมั่นสัญญาเรื่องยูเครน รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครน ฉบับใหม่ ซึ่งทำให้รัสเซียอ้างเหตุผลถึงความจำเป็นต้องปกป้องสิทธิของตนและนำมสู่การบุกเข้าโจมตีหลายเมืองในยูเครน
หลังจากนั้นสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐ อังกฤษและพันธมิตร ตกลงกันว่าจะตัดธนาคารรัสเซียจำนวนหนึ่งออกจาก "ระบบสวิฟต์" โดยถือเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่สถาบันการเงินทั่วโลกใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ ถึงแม้ไทยจะส่งออกไปรัสเซียในปี 2564 มูลค่า 1,028 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการส่งออกรวม แต่ตลาดรัสเซียถือเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสขยายตัวสูง เพราะเศรษฐกิจกำลังขยายตัวและมีจำนวนประชากรมาก
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องวางแผนรับมือในกรณีที่ทำธุรกรรมทงการเงินกับผู้นำเข้ารัสเซียโดยตรงไม่ได้โดยเตรียมแผนเจรจาเพื่อเปิดแอล/ซีผ่านประเทศที่ 3 รวมทั้งทำธุรกรรมทางการเงินและการขนส่งสินค้าผ่านประเทศที่ 3 ที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เช่น เบลารุส จีน ซึ่งแม้จะดำเนินการส่งออกได้ แต่จะทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าและต้นทุนทางการเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ผู้ส่งออกต้องวางแผนบริหารธุรกิจที่รัดกุมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งหาทางลดต้นทุนส่วนอื่น
การขนส่งสินค้าจากท่าเรือในประเทศไทยไปยังรัสเซียอาจดำเนินการไม่ได้จึงทำให้ผู้ส่งออกมองการขนส่งสินค้าในเส้นทางอื่น โดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ขอให้กระทรวงพาณิชย์เจรจากับประเทศจีน เพื่อให้จีนสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรางเข้าไปสู่เอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ซึ่งการขนส่งทางรางมีต้นทุนที่ถูกจึงกลายมาเป็นอีก 1 ตัวเลือกแต่ต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่ายเพราะเป็นเรื่องใหม่ที่มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการในช่วงแรกหากเลือกใช้แนวทางนี้
ผลกระทบทางตรงต่อประเทศอยู่ที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้กระทรวงการคลังมีแผนที่จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกหลังจากลดไปแล้วลิตรละ 3 บาท ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่มีมาตรการเข้มงวด
โดยผู้เดินทางเข้าประเทศไทยต้องเข้าระบบเทสต์แอนด์โก แต่ข้อมูลเดือน ก.พ.2565 พบว่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางเข้าไทยผ่านระบบดังกล่าวมากเป็นอันดับ 1 ดังนั้นหากชาวรัสเซียออกมาเที่ยวต่างประเทศไม่ได้แน่นอนว่ารายได้ส่วนนี้จะหายไป
ไทยยั้งไม่อยู่ ดีเซลใกล้แตะ 30 บาทอีกแล้ว หลังราคาน้ำมันโลก พุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี
https://ch3plus.com/news/economy/morning/281185
วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการที่ประเทศซาอุฯ สมาชิกสำคัญของ OPEC ซึ่งผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก รวมทั้งประเทศนอก OPEC ส่งสัญญาณว่า จะยึดมั่นในแผนเดิม ไม่เพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันคือ คงเดิมที่ 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก ซึ่งความต้องการของโลกคือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่รัสเซียถูกคว่ำบาตร ทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดน้อยลงไปอีก จึงยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 8%
ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 7.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ซึ่งราคาน้ำมันนี้สูงที่สุดในรอบ 11 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2014
และถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ นี่ถือว่าเป็นการขึ้นสูงสุด นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020
ด้านน้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ ลดลง 1.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 111.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ด้านราคาน้ำมันไทย หลังจากลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 3 บาท จนทำให้ราคาน้ำมันถูกลง แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำมันโลกดีดราคาขึ้นอย่างแรง ทำให้ราคา
น้ำมันเช้านี้ ตั้งแต่ตีห้าที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นสูงถึง 0.60 บาท โดย
ราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซิน ไม่มีการปรับราคา
ราคาน้ำมันในกลุ่มดีเซล เพิ่มขึ้น 0.60 บาท กลับไปใกล้เคียงกับราคาน้ำมันก่อนที่จะลดภาษีสรรพสามิคอีกครั้ง รวมถึงใกล้แต่ราคาน้ำมัน ที่มีการตรึงราคาไว้ที่ 30 บาท อีกด้วย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/uHP3qALG-jI
“แพทองธาร”เวิร์คช็อปเพื่อไทย “คิด-เปลี่ยน-โลก”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_299467/
“แพทองธาร”เวิร์คช็อปเพื่อไทย “คิด-เปลี่ยน-โลก” ปลุกเพื่อไทยทำนโยบายใหม่ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปในหัวข้อ “คิด-เปลี่ยน-โลก สร้างโลกที่ดีกว่าและแก้ปัญหาด้วยความคิดเชิงนวัตกรรม” บรรยายโดยนายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Fire One One และที่ปรึกษาด้าน Business Transformation เพื่อแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับ ‘กระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม’ (Innovative Thinking) สำหรับนำไปปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกพรรคเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก
โดย นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า หัวใจของกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม เริ่มต้นที่การเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง เข้าใจมนุษย์ เข้าใจคน เพื่อเรียนรู้ปัญหา ให้ถึงแก่น จนได้มาซึ่งวิธีการแก้ปัญหา ตนมองว่าพรรคเพื่อไทย สามารถนำเอากระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม มาสร้าง ‘นวัตกรรมทางการเมือง’ ผ่าน ส.ส. และสมาชิกในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยซึ่งมีรากจากพรรคไทยรักไทย ได้ใช้วิธีการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาเพื่อให้เข้าใจปัญหา จนนำมาสู่การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้สำเร็จผ่านหลากหลายนโยบาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงกองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรรคการเมืองจึงต้องมีการปรับวิธีการเก็บข้อมูล ที่ต้องมาจากประชาชนและการรับฟังเพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริง นำมาผ่านกระบวนการคิดและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี ผ่านวิธี DIWK รวม 4 ขั้นตอนได้แก่
1. D : Data จัดเก็บข้อมูลดิบ
2. I : Information ประมวลผลออกมาข้อมูลที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
3. W : Wisdom ใช้ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหา
4. K : Knowledge ใช้องค์ความรู้ในการสร้างนโยบาย
เมื่อผ่านกระบวนการทั้ง 4 ขั้นตอน จะได้มาซึ่ง ‘สมมติฐาน’ แล้วจึงนำมาสร้างวิธีการแก้ปัญหา ออกมาเป็นนโยบายใหม่ๆ ต่อไป พรรคเพื่อไทยสานต่อแนวคิดการลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนทั่วประเทศ ก่อนนำเสนอเป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ซึ่งในขณะนี้ ในบริบทที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือ การรับฟังและการค้นหา รากของปัญหาที่แท้จริง เป็นกระบวนการคิดใหม่ที่พรรคการเมืองควรเพิ่มเสริมเข้าไปเพื่อตอบสนองสนองสิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและประเทศ