จริงๆ BenQ ScreenBar เป็นหนึ่งใน Gadget ที่ลุงแมวเล็งอยู่นานมากแล้ว ไม่มีโอกาสได้ซื้อสักที เพราะว่าไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่และมีประโยชน์แค่ไหน แต่ว่ามันดูเท่มากเมื่อเอาไปใช้กับจอ 555 พอตั้งเบิกไปที่คุณแฟน เลยไม่สามารถอธิบายได้ อย่างหนักแน่นเลยไม่ผ่าน 555 แต่ก็เล็งไว้ว่า ถ้ามีโอกาสจะถอยแน่ๆ และแล้วฟ้าดินก็เป็นใจ ทาง BenQ ได้ส่งตัว Screenbar มาให้ลอง เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ ว่าใช้แล้วเป็นยังไง โดยนอกเหนือไปจากการทำงานแล้วอยากจะแชร์การใช้งานกับการเล่นเกมผ่านจอคอมด้วยว่าเป็นยังไงบ้างครับ
.

.
เชื่อว่าหลายคนสงสัยเหมือนลุงแมวว่า ScreenBar มันคืออะไร เลยอยากจะเล่าก่อนว่า เค้าโฆษณาไว้ว่ายังไงบ้าง เค้าเคลมว่าโดยปกติการทำงานหน้าจอคอมนานๆ จะทำให้เราตาล้า สาเหตุหนึ่งก็เพราะว่าแสงสว่างในสภาพแวดล้อมไม่เพียงพอ โดยแสงสว่างที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 500 LUX เป็นอย่างน้อย การมีแสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยทำให้เราตาไม่ล้า
.
พอได้ยินแบบนี้หลายคนก็คิดว่า ถ้าแบบนั้นเอาโคมไฟมาตั้ง ก็ได้นิ ไม่เห็นต้องใช้ ScreenBar เลย ก็ใช่ และก็ไม่ใช่ครับ การเอาโคมไฟมาตั้ง จะทำให้เกิดภาพสะท้อนในจอคอมพิวเตอร์ซึ่งทำให้เกิดความไม่สบายตา ในขณะที่ตัว ScreenBar ถูกออกแบบมาให้ไม่เกิดการสะท้อนกับจอภาพเลย อีกทั้งการเอาโคมไฟมาตั้ง ส่วนใหญ่แล้ว จะให้แสงเป็นจุด ไม่เท่ากันตลอดพื้นที่ทำงาน แต่ตัว ScreenBar จะให้แสงที่เท่ากันตลอดทั้งพื้นที่เพราะว่าตัวอุปกรณ์เป็นแนวยาว กินพื้นที่ให้แสง 35*74 CM และยังให้แสงที่นิ่ง ไม่กระพริบ และยังไม่ใช่แสง Blue light ที่ทำร้ายสายตา อีกทั้งยังมาพร้อมกับตัว Light Sensor ที่จะปรับให้แสงหน้าโต๊ะทำงานของเรา อยู่ที่อย่างน้อย 500 LUX ตลอดเวลา อีกทั้งเรายังสามารถเลือกโทนสีได้ระหว่าง Warm light ที่ 2,700 K ไปจนถึง Cool Light 6,500 K โดยสามารถใช้ได้กับจอคอมทุกยี่ห้อ ทุกลักษณะ ใช้ไฟสาย USB เส้นเดียว และมีอายุการใช้อยู่ที่ 50,000 ชั่วโมงหรือประมาณ 6 ปีแบบใช้ต่อเนื่องและ 12 ปี แบบพักตอนกลางคืน (ข้อมูลจากคุณ Mark McGee Photo) อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเห็นว่า ScreenBar นี่เป็น Gadget ที่น่าสนใจมาก แล้วพอลองใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง
.
จากการลองใช้งานทั้งในการทำงาน PC ทำงานเอกสาร ตัดต่อวิดิโอ ประชุม ดู Youtube และการเล่นเกมผ่าน PS5 / Switch ต่อออกจอคอมก็ต้องบอกว่า ScreenBar ทำให้รู้สึกสบายตาขึ้นอย่างรู้สึกได้ครับ ตัวที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการที่โดยปรกติผมจะไม่เปิด HDR ของจอคอมเลยเพราะรู้สึกว่าแสงจ้าเกินไป สู้แสงไม่ไหว ทั้งๆ ที่ภาพจาก HDR จะให้ประสบการณ์ ความคมชัดที่มากกว่า แต่พอได้ ScreenBar มาทำให้สามารถเปิด HDR ไว้แทบจะตลอดเวลาของการทำงาน PC และเมื่อเล่นเกม PS5 ก็เล่นได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน รู้สึกว่าภาพมันนวลตาสวยงาม สบายตามากกว่าเดิม
.
โดยในการใช้งาน ลุงแมวเปิดไฟตอนเช้าและปิดไฟตอนกลางคืนเมื่อเลิกทำงาน เพราะว่าเสียบกับ USB ของ PC แต่เข้าใจว่าถ้าจอใครมี USB สามารถเสียบทิ้งไว้ได้ ตัวไฟจะเปิดปิดตามการเปิดจอของเรา (ไม่ได้ทดลองนะครับ) ส่วนฟีเจอร์การปรับแสงต่างๆ ลุงแมวเชทเป็น Auto Dimming ไว้คือปรับแสงอัตโนมัติ แล้วก็ให้เครื่องทำการเซนเซอร์และปรับแสงให้เราเลย โดยไม่ได้ไปปรับโทนสีหรือความสว่างเพิ่ม สาเหตุหลักๆ อันหนึ่งอาจจะเพราะลุงแมวนั่งไกลออกมาจากตัวจอคอมประมาณหนึ่ง เพราะว่าเอาเล่นเกม Console ด้วย ทำให้เอื้อมไม่ถึงจอ ถ้าจะปรับต้องลุกยืนขึ้น ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ฟีเจอร์นี้เลยไม่ค่อยได้ใช้ เลยรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ว่าจริงๆ เราสามารถปรับอุณหภูมิแสงไปตามอารมณ์เราได้ เช่นกลางคืน ค่ำๆ ปรับเป็น Warm Light เล่นเกม ก็จะให้ฟิลพักผ่อนประมาณหนึ่ง แต่คิดว่ากรณีนั่งไกลจอมากๆ แบบลุงแมวอาจจะมีน้อยคนมาก และปัญหานี้แก้ได้โดยการใช้รุ่น Screen Bar Plus ที่เค้าจะมีตัวรีโมทแบบมีสายมาให้ด้วย เราสามารถปรับแสง ปิดเปิดเครื่องจากตรงนั้นได้ แต่มาคิดดูจริงๆ ว่าในระยะยาว เราคงไม่ได้ปรับอะไรมากเท่าไหร่ อาจจะเห่อปรับตอนแรก พอใช้ไปซักพัก ก็จะเหมือนลุงแมวนี่แหละกด เปิด ปิดเครื่องก็พอ 555 เพราะฉะนั้นจริงๆ Screen Bar รุ่นปกติก็ดีเพียงพอนะครับ แต่ก็แอบอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเค้ามี การเชื่อมต่อผ่าน App มาให้ด้วยแบบไร้สายในการปรับค่าต่างๆ ก็คงจะสะดวกไม่ใช่น้อย
.
ในภาพรวม BenQ ScreenBar เป็น Gadget ที่ดีมากๆ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเรา ถนอมสายตา ใครได้ลองใช้แล้วจะติด จะรู้สึกว่าการทำงานหน้าคอมสบายตาขึ้นอย่างรู้สึกได้ ถึงแม้ราคาอาจจะดูสูง แต่ถ้าลองเทียบกับอายุการใช้งานและประโยชน์ต่อสุขภาพที่ได้รับ ตาล้าน้อยลง ทำงานได้นานขึ้น ตัว ScreenBar ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
[SR] BenQ ScreenBar ใช้เล่นเกมทำงาน กับจอคอมแล้วเป็นยังไง ?
.
.
เชื่อว่าหลายคนสงสัยเหมือนลุงแมวว่า ScreenBar มันคืออะไร เลยอยากจะเล่าก่อนว่า เค้าโฆษณาไว้ว่ายังไงบ้าง เค้าเคลมว่าโดยปกติการทำงานหน้าจอคอมนานๆ จะทำให้เราตาล้า สาเหตุหนึ่งก็เพราะว่าแสงสว่างในสภาพแวดล้อมไม่เพียงพอ โดยแสงสว่างที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 500 LUX เป็นอย่างน้อย การมีแสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยทำให้เราตาไม่ล้า
.
พอได้ยินแบบนี้หลายคนก็คิดว่า ถ้าแบบนั้นเอาโคมไฟมาตั้ง ก็ได้นิ ไม่เห็นต้องใช้ ScreenBar เลย ก็ใช่ และก็ไม่ใช่ครับ การเอาโคมไฟมาตั้ง จะทำให้เกิดภาพสะท้อนในจอคอมพิวเตอร์ซึ่งทำให้เกิดความไม่สบายตา ในขณะที่ตัว ScreenBar ถูกออกแบบมาให้ไม่เกิดการสะท้อนกับจอภาพเลย อีกทั้งการเอาโคมไฟมาตั้ง ส่วนใหญ่แล้ว จะให้แสงเป็นจุด ไม่เท่ากันตลอดพื้นที่ทำงาน แต่ตัว ScreenBar จะให้แสงที่เท่ากันตลอดทั้งพื้นที่เพราะว่าตัวอุปกรณ์เป็นแนวยาว กินพื้นที่ให้แสง 35*74 CM และยังให้แสงที่นิ่ง ไม่กระพริบ และยังไม่ใช่แสง Blue light ที่ทำร้ายสายตา อีกทั้งยังมาพร้อมกับตัว Light Sensor ที่จะปรับให้แสงหน้าโต๊ะทำงานของเรา อยู่ที่อย่างน้อย 500 LUX ตลอดเวลา อีกทั้งเรายังสามารถเลือกโทนสีได้ระหว่าง Warm light ที่ 2,700 K ไปจนถึง Cool Light 6,500 K โดยสามารถใช้ได้กับจอคอมทุกยี่ห้อ ทุกลักษณะ ใช้ไฟสาย USB เส้นเดียว และมีอายุการใช้อยู่ที่ 50,000 ชั่วโมงหรือประมาณ 6 ปีแบบใช้ต่อเนื่องและ 12 ปี แบบพักตอนกลางคืน (ข้อมูลจากคุณ Mark McGee Photo) อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเห็นว่า ScreenBar นี่เป็น Gadget ที่น่าสนใจมาก แล้วพอลองใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง
.
จากการลองใช้งานทั้งในการทำงาน PC ทำงานเอกสาร ตัดต่อวิดิโอ ประชุม ดู Youtube และการเล่นเกมผ่าน PS5 / Switch ต่อออกจอคอมก็ต้องบอกว่า ScreenBar ทำให้รู้สึกสบายตาขึ้นอย่างรู้สึกได้ครับ ตัวที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการที่โดยปรกติผมจะไม่เปิด HDR ของจอคอมเลยเพราะรู้สึกว่าแสงจ้าเกินไป สู้แสงไม่ไหว ทั้งๆ ที่ภาพจาก HDR จะให้ประสบการณ์ ความคมชัดที่มากกว่า แต่พอได้ ScreenBar มาทำให้สามารถเปิด HDR ไว้แทบจะตลอดเวลาของการทำงาน PC และเมื่อเล่นเกม PS5 ก็เล่นได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน รู้สึกว่าภาพมันนวลตาสวยงาม สบายตามากกว่าเดิม
.
โดยในการใช้งาน ลุงแมวเปิดไฟตอนเช้าและปิดไฟตอนกลางคืนเมื่อเลิกทำงาน เพราะว่าเสียบกับ USB ของ PC แต่เข้าใจว่าถ้าจอใครมี USB สามารถเสียบทิ้งไว้ได้ ตัวไฟจะเปิดปิดตามการเปิดจอของเรา (ไม่ได้ทดลองนะครับ) ส่วนฟีเจอร์การปรับแสงต่างๆ ลุงแมวเชทเป็น Auto Dimming ไว้คือปรับแสงอัตโนมัติ แล้วก็ให้เครื่องทำการเซนเซอร์และปรับแสงให้เราเลย โดยไม่ได้ไปปรับโทนสีหรือความสว่างเพิ่ม สาเหตุหลักๆ อันหนึ่งอาจจะเพราะลุงแมวนั่งไกลออกมาจากตัวจอคอมประมาณหนึ่ง เพราะว่าเอาเล่นเกม Console ด้วย ทำให้เอื้อมไม่ถึงจอ ถ้าจะปรับต้องลุกยืนขึ้น ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ฟีเจอร์นี้เลยไม่ค่อยได้ใช้ เลยรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ว่าจริงๆ เราสามารถปรับอุณหภูมิแสงไปตามอารมณ์เราได้ เช่นกลางคืน ค่ำๆ ปรับเป็น Warm Light เล่นเกม ก็จะให้ฟิลพักผ่อนประมาณหนึ่ง แต่คิดว่ากรณีนั่งไกลจอมากๆ แบบลุงแมวอาจจะมีน้อยคนมาก และปัญหานี้แก้ได้โดยการใช้รุ่น Screen Bar Plus ที่เค้าจะมีตัวรีโมทแบบมีสายมาให้ด้วย เราสามารถปรับแสง ปิดเปิดเครื่องจากตรงนั้นได้ แต่มาคิดดูจริงๆ ว่าในระยะยาว เราคงไม่ได้ปรับอะไรมากเท่าไหร่ อาจจะเห่อปรับตอนแรก พอใช้ไปซักพัก ก็จะเหมือนลุงแมวนี่แหละกด เปิด ปิดเครื่องก็พอ 555 เพราะฉะนั้นจริงๆ Screen Bar รุ่นปกติก็ดีเพียงพอนะครับ แต่ก็แอบอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเค้ามี การเชื่อมต่อผ่าน App มาให้ด้วยแบบไร้สายในการปรับค่าต่างๆ ก็คงจะสะดวกไม่ใช่น้อย
.
ในภาพรวม BenQ ScreenBar เป็น Gadget ที่ดีมากๆ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเรา ถนอมสายตา ใครได้ลองใช้แล้วจะติด จะรู้สึกว่าการทำงานหน้าคอมสบายตาขึ้นอย่างรู้สึกได้ ถึงแม้ราคาอาจจะดูสูง แต่ถ้าลองเทียบกับอายุการใช้งานและประโยชน์ต่อสุขภาพที่ได้รับ ตาล้าน้อยลง ทำงานได้นานขึ้น ตัว ScreenBar ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้