🇹🇭มาลาริน💜26ก.พ.ไทยไม่ติด Top10โลก เกาหลีใต้อันดับ2ค่ะ/ป่วย25,615คน หายป่วย14,641คน ตาย40คน/ครองเตียง60%เตียงยังเหลือ


https://www.sanook.com/news/8523658/

https://www.bangkokbiznews.com/social/990582


https://www.posttoday.com/social/general/676668?utm_source=posttoday.com&utm_medium=article_relate_inread&utm_campaign=new%20article

ปูเสื่อติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

จำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันตามคาด

.......พาพันไฟท์ติ้งเพี้ยนแข็งแรงเพี้ยนสู้สู้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511191097165886


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 25 ก.พ. 2565)
รวม 123,159,238 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 380,104 โดส

เข็มที่ 1 : 91,178 ราย
เข็มที่ 2 : 50,652 ราย
เข็มที่ 3 : 238,274 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 53,448,659 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 49,673,510 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 20,037,069 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511183913833271


ป้องกันตัวเองอย่างไรในยุคโควิด เมื่อต้องใช้รถโดยสารสาธารณะ

ที่มา : กระทรวงวัฒนธรรม
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511140177170978


สธ. เพิ่มสายด่วน โทร. 02-590-4111 ผู้พิทักษ์อนามัย ให้คำปรึกษา คัดกรองอาการ ผู้ติดเชื้อโควิดกักตัวที่บ้าน

นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วยผู้บริหารกรมอนามัย ร่วมแถลงข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขเพิ่มช่องทาง ให้คำปรึกษา คัดกรองอาการ ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่กักตัวที่บ้าน และประสานส่งต่อหากมีอาการรุนแรงขึ้น ผ่านสายด่วน COVID Watch ผู้พิทักษ์อนามัย 02-590-4111 ให้เข้าสู่ระบบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ ลดความวิตกกังวล ช่วยแบ่งเบาภาระสายด่วน 1330

ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511154307169565


มาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดเรียน On-site ในสถานศึกษาของ กทม. ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 มี ดังนี้

1. คณะกรรมการตรวจประเมินความพร้อมการระดับสำนักงานเขต กำกับให้รร.ในสังกัดดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ภายใต้มาตรการ Sandbox : Safety Zone in Schoool อย่างต่อเนื่องตลอดภาคการศึกษา

2 .สร้างความรู้ความเข้าใจและขอความร่วมมือให้นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กทม. ตลอดจนผู้ปฏิบัติงานในรร.ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้ม สำหรับสถานศึกษา

3. ทำความเข้าใจและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของสถานศึกษา โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

4. กรณี รร.พบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น แจ้งผู้ปกครอง และโทรแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือโทรแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ตามเกณฑ์สอบสวนโรค และ

5. สำนักการศึกษาร่วมกับสำนักอนามัยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนในรร.สังกัดกทม. ระดับชั้นมัธยมศึกษา ที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปีขึ้นไป จำนวน 109 รร. แล้ว และจะดำเนินการฉีดให้กับนักเรียนในระดับอนุบาลศึกษาและประถมศึกษา ที่มีอายุตั้งแต่ 5-11 ปี ซึ่งประสงค์ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 65 เป็นต้นไป โดยมีนักเรียนแจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีน รวมทั้งสิ้น จำนวน 215,165 คน รวม 431 รร. โดยจะใช้ รร.เป็นสถานที่ฉีดวัคซีน (School-based vaccination) การฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนกลุ่มดังกล่าวจะฉีดทีละระดับชั้น โดยเริ่มฉีดจากระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อน ไล่ลงมาจนถึงระดับชั้นอนุบาล 1 ตามลำดับ

ที่มา : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511162573835405


สธ. เปิดบริการ “เจอ แจก จบ” แจกยา 3 สูตรให้ผู้ติดโควิดแบบผู้ป่วยนอก
เริ่ม 1 มี.ค. 65

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมแผนการบริหารจัดการให้โรคโควิด 19 ออกจากการเป็นโรคระบาดไปสู่การเป็นโรคติดต่อทั่วไปหรือโรคประจำถิ่น คือการที่โรคลดความรุนแรงลง ไม่มีภาวะอันตรายมาก มีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันประชาชนมีภูมิต้านทานมากเพียงพอ จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนจากนี้ โดยได้จัดระบบบริการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เพิ่มการดูแลในระบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล “เจอ แจก จบ” โดยทำการตรวจผู้ที่สงสัยป่วยโควิด 19 ด้วยชุดตรวจ ATK หากพบผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษาตามอาการ 3 สูตร ได้แก่ 1.ยาฟาวิพิราเวียร์ 2.ยาฟ้าทะลายโจร 3.ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อในการเข้าถึงบริการ และเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่การเป็นโรคที่ดูแลได้ด้วยตนเอง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 1 มีนาคม นี้

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511179757167020


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 40 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/511191467165849


สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
• เปิดลงทะเบียน จองวัคซีน Pfizer
• สำหรับเด็ก อายุระหว่าง 5 -11 ปี (รอบเดือนมีนาคม)

รายละเอียดด้านล่าง
สแกนQR CODE ลงทะเบียน
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=264945762451088&id=100068069971811


สธ. เผยวัคซีนเข็มกระตุ้นลดการเสียชีวิต 41 เท่า ชวนผู้สูงอายุฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนสงกรานต์

กรมควบคุมโรค เผยการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยสูงอายุได้ 41 เท่า เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

จากข้อมูลผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน อัตราเสียชีวิต 178 คนต่อล้านคน หากรับวัคซีน 1 เข็ม อัตราลดลงเป็น 112 ต่อล้าน/ รับ 2 เข็ม อัตราลดลงเหลือ 32 ต่อล้าน คือลดลง 6 เท่า และหากรับเข็มกระตุ้น อัตราลดลงเหลือ 4 ต่อล้าน เท่ากับลดลง 41 เท่าของคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุรับวัคซีนแล้ว 82% ถือว่าเปอร์เซ็นต์สูง แต่ควรให้ได้รับเพิ่มอีก

และการติดเชื้อโอมิครอนเฉลี่ย 14 วันที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 70% พบผู้ป่วยปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า แม้สายพันธุ์โอมิครอนรุนแรงน้อยกว่าเดลตา แต่การติดเชื้อจำนวนมากอาจแพร่ไปสู่ผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวได้มากขึ้น จึงเร่งค้นหาผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ให้ความรู้ สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้รับวัคซีน เพื่อป้องกันความเสี่ยงช่วงสงกรานต์ที่ลูกหลานจะกลับไปเยี่ยม และขอให้ประชาชนยังคงป้องกันตนเอง งดเข้าสถานที่เสี่ยง ช่วยกันลดการติดเชื้อ
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/322632946566110



พร้อมใช้งานแล้ว!! ฟังก์ชันคัดกรองผู้ป่วยโควิดภาวะวิกฤต – เร่งด่วน บนหมอพร้อม Chatbot

กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มฟังก์ชันการประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนระบบ “หมอพร้อม Chatbot” เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยคัดกรองผู้ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ให้ได้รับคำแนะนำในการเข้ารับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งสามารถประเมินให้ตนเองหรือบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อได้ โดยมีค่าความแม่นยำ 85%

การประเมินจะแบ่งเป็น 2 ส่วน
1. แบบประเมินตนเองเพื่อคัดกรองภาวะวิกฤต
2. ประเมินตนเองเพื่อคัดกรองความเร่งด่วน

หลังจากที่ผู้ติดเชื้อทำแบบประเมินแล้ว ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพพื้นฐาน อาการและความพร้อมในการรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งผลการประเมินเป็นการให้คำแนะนำในเบื้องต้น ไม่ใช่การวินิจฉัยทางการแพทย์ หากมีอาการรุนแรงขอให้รีบเข้ารับการรักษาทันที

สำหรับช่องทางการประเมินความเสี่ยงบนหมอพร้อม Chatbot สามารถใช้งานได้แล้ววันนี้ ทั้ง LINE Official Account, แอปพลิเคชัน และช่องทางแชทบน Facebook Page ของหมอพร้อม
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/320787560083982
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่