หนูควรไปพบจิตแพทย์ไหมคะ?

สวัสดีค่ะ เพื่อความอ่านง่ายขึ้นเล็กน้อยจะขอแบ่งเป็นหัวข้อๆนะคะ

1. หนูคิดว่าหนูเป็นเด็กที่คิดมากกว่าเด็กทั่วไป เวลาเจอปัญหาจะอะไรก็อยากจะแก้ให้ตรงจุดอยากจะแก้ให้จบภายในครั้งเดียวเลยซึ่งตรรกะนี้มันได้ผลกับการเรียนการอ่านหนังสืออะไรต่างๆ หนูก็เลยไม่เคยเห็นข้อเสียของมันมาก่อนเลย(แต่จริงๆบางเรื่องคงไม่ได้แก้ได้ง่ายขนาดนั้นใช่ไหมล่ะคะ)

2. แล้วในช่วงป.3 ที่บ้านก็ได้ซื้อบ้านใหม่ค่ะ คือต้องเกริ่นก่อนว่าบ้านที่อยู่เป็นพักข้าราชการ แล้วช่วงนั้นเขาต้องการที่จะรื้อเพื่อสร้างแฟลตค่ะ ก็เลยต้องซื้อบ้านใหม่ แล้วการสร้างบ้านสักหลังมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณพ่อคุณแม่ ก็เครียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆด้วยค่ะ ที่บ้านเวลาซื้อของใช้ของอะไรก็ตามจะเน้นความทนทานเพราะฉะนั้นวัสดุที่ใช้เนี่ยก็จะต้องมีคุณภาพระดับหนึ่งเลยเลยค่อนข้างพิถีพิถันในการเลือก แถมในช่วงนั้นเองคุณพ่อคุณแม่ก็ยุ่งเอามากๆก็เลยไม่ได้สนใจ หนูกับพี่สาวมากนัก แต่หนูก็เข้าใจนะ เพราะเรื่องทำบ้านมันเป็นเรื่องใหญ่ ช่วงนั้นคุณพ่อจะซื้อกับข้าวมาให้กินก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แต่ก็กินมาติดต่อกันหลายเดือนอยู่ค่ะ ผลลัพธ์คือน้ำหนักหนูลดไป 3 กก. หนูยอมรับนะคะ ว่าช่วงนั้นหนูก็เครียดเหมือนกันแต่หนูก็ไม่สามารถออกค.เห็นกับเรื่องพวกนั้นได้เพราะว่าวุฒิภาวะไม่มากพอ สิ่งที่หนูแก้ปัญหาก็คือเวลามีปัญหาอะไรในช่วงนั้นก็จะแก้ปัญหาเองหมดเลยค่ะ คือหนูเป็นเด็กไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท เพราะฉะนั้นปัญหาที่แก้ทุกอย่างก็คือแก้ด้วยตัวเองหมดเลยจริงๆ หนูจะชอบคิดว่าทำยังไงให้ไม่เป็นภาระ หนูก็เลยตัดสินใจว่าทำยังไงให้อยู่บนโลกใบนี้คนเดียวได้ หนูจะทำให้เป็นทุกอย่าง เพราะว่าคนที่เราพึ่งได้มีแต่ตัวเองเท่านั้น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ คือบางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเด็กป.3 คิดได้ขนาดนี้ จริงๆน่าจะเป็นเพราะว่าเกิดจากการดูการ์ตูน อนิเมะต่างๆ คือบางเรื่องในนั้นมันก็มีข้อคิดแฝงอยู่ แล้วหนูก็เป็นประเภทที่ว่าถ้าเจอแบบนี้จะทำยังไง แบบนี้เลยค่ะ มันอาจจะไม่ใช่ปสก.ตรง แต่มันเป็นปสก.ที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนูจะเอามาใช้จริงทุกอย่างนะคะ บางเรื่องก็ดูๆไว้เป็นตัวอย่างเฉยๆ

3. การถูกเร่งในมีวุฒิภาวะในเวลาอันสั้น ต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อจะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างหนักหน่วง หนูเติบโตในทางปสก.จากการเรียนรู้ ฟังที่เขาเล่ามา อ่านนส.ซะส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นมันเลยเหมือนมันไม่ครบองค์ประกอบในความเป็นคน ตอนนั้นหนูจริงจังกับชีวิตมากจริงๆมันส่งผลกับชีวิตหนูมากกลายเป็นคนที่จริงจังกับทุกเรื่องเหมือนมันเป็นการกระทำเพื่อเอาตัวรอด หนูเป็นแบบนั้นมาตลอด 5 ปี ช่วงนั้นหนูโดนเข้าใจผิด หนูพบเจอปัญหา หนูโดนบูลลี่ แต่หนูก็แก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวเสมอมา มีทั้งหนูไปสร้างบาดแผลให้กับคนอื่น และก็มีคนอื่นมาสร้างบาดแผลให้หนูเช่นกัน ตรรกกะในตอนนั้นคือเราจะทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ เราต้องทำในสิ่งที่ควรทำ เราทำแล้วต้องไม่เป็นผลเสียกับเราและคนรอบข้าง

4. แล้วมันก็มีปัญหาเพิ่มเข้าไปอีกพอเราเจอการบูลลี่ เราก็เลยไม่อยากเปิดใจให้ใครเรากลัว แต่ว่าตอนนี้ก็แก้เรียบร้อยแล้วค่ะ

5. ส่งท้าย ขอบคุณทุกคนที่ช่วยรับฟังเรื่องราวของหนูมาจนถึงตอนนี้ หนูรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีปมอีกมากมายที่หนูเองก็อาจยังไม่รู้ หนูไม่อยากที่จะทำร้ายใครด้วยความไม่รู้ของหนู ปัญหาพวกนี้หนูควรจะไปปรึกษาพบจิตแพทย์ไหมคะ หรือว่าควรจะพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่