พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ...วันเดียวเที่ยวไม่พอ

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน จากครั้งที่แล้วเราได้ไปเที่ยวพนัสนิคม พอเสาร์ที่ 19 ก.พ.มีเพื่อนใจดี อาสาพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ เพื่อพบกับหนึ่งในสถานที่ ที่เราอยากไปมากที่สุดในกรุงเทพฯ นั่นก็คือ พิพิธภัณทสถานแห่งชาติ ค่ะ

เราเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยการนำทางของ Google map ที่เราใช้ทุกครั้งไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลใด จะมีความจำเป็นต้องเปิดแผนที่หรือไม่ เราก็จะเปิดไว้ก่อนค่ะ เปิดเอาไว้อุ่นใจดีอมยิ้ม36

เรามาถึงสนามหลวงตอนเที่ยงกว่าๆ แดดสดใส รถราไม่วุ่นวาย ผู้คนบางตา ซึ่งถือว่าดีเลยทีเดียวในสถานการณ์ช่วงนี้ มาถึงแล้วก็แวะดูป้ายสักนิด
แอบถ่ายรูปกับป้ายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ป้ายด้านนอก แล้วก็เดินผ่านประตูไปวัดอุณหภูมิกันค่ะ

ต้องออกตัวก่อนว่า จขกท ชอบการอ่าน ชอบของโบราณ และชอบเรียนรู้ประวัติศาตร์ไม่ว่าของชาติใดๆก็ตาม การมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ต่างๆ คือการมาเติมเต็มในสิ่งที่สนใจ โดยมิได้มุ่งลงรายละเอียด เกี่ยวกับความรู้ทางประวัติศาสตร์หรือความเป็นมา ส่วนมากเราเน้นมาดูวิธีการจัดแสดง การจัดการพื้นที่ การจัดไฟ และชิ้นงานที่สวยงามต่างๆ  เพื่อความอิ่มใจ อิ่มตา ส่วนว่าประวัติความเป็นมา หรือชิ้นไหนคืออะไรนั้น เราขอเรียนตามตรงว่าไม่สามารถจดจำได้ไหวค่า

บัตรเข้าชมผู้ใหญ่คนไทย คนละ 30 บาทค่ะ ข้างๆ มีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเราจะกลับมาอุดหนุนตอนขากลับค่ะ

ด้านหน้าอาคารมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่เราชอบรูปทรงของกิ่งก้านมากๆ ถ่ายต้นไม้นี้ไปหลายภาพ จนโดนเพื่อนบ่นว่าจะมาดูอะไรกันแน่

ได้คู่มือประกอบการชมแล้ว เดินเลยค่ะทุกคน ตอนนี้เราอยากใส่ชุดไทยมากค่ะ  แต่ด้วยอากาศวันนี้นั้น ก็คิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้แต่ง เราไปดูที่พระตำหนักแดงก่อนค่ะ ดูไปทุกอย่างที่จัดแสดง ตั้งแต่พื้นจนถึงหลังคา


จากนั้น ไปต่อที่ตึกมหาสุรสิงหนาท เราใช้เวลาที่ตึกนี้นานเลยค่ะ เดินดูไปทีละชิ้นๆ มีชาวต่างชาติมาชมด้วย เสียงพูดคุยกันเบาๆ ประหนึ่งอยู่ในห้องเรียนประวัติศาตร์ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงหามุมถ่ายภาพกันเป็นระยะ ทั้งมากันเป็นครอบครัว มีเด็ก วัยรุ่น ผู้อาวุโส แต่ละคนจริงจังในการชมอย่างยิ่ง


เราก็ดูทั้งชิ้นงาน ดูการจัดตู้แสดง แสงไฟ แสงเงา ดูชาวบ้าน เรียกว่าดูแบบไม่สนใจเวลาเลย


เดินดูต่อไปค่ะ  เดินวนห้องนั้นห้องนี้ ชั้นนั้นชั้นนี้ จำไม่ได้เลยว่าของชิ้นไหนอยู่ตรงไหน


จนในที่สุด เราเจอจุดแสดงที่ชอบมากที่สุด คือส่วนแสดงของศิลปะสมัยศรีวิชัย ที่เรารู้สึกว่า ช่างเหมือนเดินอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ที่ประเทศอียิปต์ที่เราชอบมากๆ


รูปปั้นที่มีรอยยิ้มน้อยๆ บางชิ้นมีความตะมุตะมินั้น ยิ่งดูก็นึกถึงผู้คนในสมัยนั้นว่า บ้านเมืองคงมีความร่มเย็น ความสุขจึงสะท้อนอยู่ในศิลปะที่สร้างขึ้น

เราเดินออกมาจากตึกเพื่อไปยังอาคารถัดไปค่ะ เหลือเวลาอีกชั่วโมงเดียวก็จะถึงเวลาปิดพิพิธภัณฑ์แล้ว


เวลามีน้อยและห้องจัดแสดงตรงส่วนนี้มีหลายห้อง เราต้องใช้ความจำในการเดินอย่างมากว่าตรงไหนเดินไปชมแล้ว ตรงไหนยังไม่ได้ไป งงในการเดินมากค่ะ เพื่อนๆอาจต้องวางแผนในการเดินนิดหนึ่ง

เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยปิดประตูลงกลอนแล้วตอนนี้ เราต้องรีบออกมาแล้วค่ะ เจอท้องฟ้าสดใสเหมือนเดิม ตาลายนิดๆ เพราะเริ่มหิวน้ำหิวข้าว
แต่ยังมิวายถ่ายรูปจนแบตเตอรี่เกือบจะหมด

ได้เวลาที่จะไปช่วยอุดหนุนสินค้าที่ระลึกกันแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้มาเที่ยวที่นี่อีกเมื่อไหร่ ดังนั้นต้องซื้อหลายๆชิ้นหน่อยค่ะ

ได้ของที่ระลึกกันแล้วค่ะ เดินมาที่จอดรถด้านหน้ากัน แอบแวะไปดูรถนำเที่ยวที่จอดอยู่ ไม่รู้ว่าจะเปิดให้นั่งหรือยังนะคะ อยากนั่งจังเลย ต้นไม้ที่อยู่เกาะกลางถนนตรงโน้นก็สวยและดูร่มรื่นมากๆ คิดอยากไปเดินดูต้นไม้แต่ท้องร้องหนักมาก เลยตัดใจไปหาอะไรกินกันแทนค่ะ

เป็นอันว่าจบทริป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของเราแบบต้องกลับมาอีกแน่ๆ  เพราะยังดูไม่ครบทุกสิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวรายล้อมท้องสนามหลวงนั้น ก็ยังไม่ได้ไป อย่างไรแล้ว จขกท ต้องหาโอกาสมาอีกให้ได้ค่ะ  ไม่อย่างนั้นคงคาใจไปอีกนาน  หากเพื่อนๆ มีเวลาอย่าลืมมาเที่ยวที่นี่กันนะคะ ขอบคุณพันทิปที่ให้พื้นที่แชร์เรื่องราวในวันดีๆ นี้นะคะ สวัสดีค่ะ
เพี้ยนขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่