เดินป่าต้นน้ำใกล้กรุง | เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี | อ.บ้านคา จ.ราชบุรี | Feb 2022


อย่าตาย ขณะยังหายใจ
"เบื่อ" ไม่แน่ใจว่าอะไรสั่งการให้คำคำนี้ฉายสะท้อนวนเวียนมาในสมองบ่อย ๆ แต่คิดว่าคงเป็นสถานการณ์สุดตึงของโรคระบาดโควิดตัวร้ายนี่แหละ ทุกอย่างเหมือนหยุดชะงัก ส่วนอะไรที่ขับเคลื่อนได้ ก็ดูจะขยับได้แบบสโลโมชั่น ทำให้จิตใจมันเริ่มห่อเหี่ยว ชาเขียวก็เยียวยาไม่ไหว เรื่องหนึ่งที่น่าจะทำให้ชีวิตกลับมีชีวาขึ้นมา คงหนีไม่พ้น "การเดินทาง" อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง เดินหนีความน่าเบื่อกันเถอะ

พวกเราเดินทางโดยรถส่วนตัว ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ตีสี่ ไก่ยังไม่ทันจะขันอ่ะครับน้อนน้อน เพื่อมุ่งหน้าไปยัง อำเภอบ้านคา ฮั่นแหน่! หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อเท่าไร อำเภอบ้านคามีธรรมชาติที่สวยงามมากนะ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าที่นี่ก็เป็นป่าผืนเดียวกับกลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งตอนนี้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2021 กลุ่มป่าแก่งกระจานนี้ อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 3 จังหวัด คือ ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 4 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เริ่มน่าสนใจขึ้นนิดนึงแล้วใช่มะ นอกจากนี้ผืนป่าแห่งนี้ยังเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำสายสำคัญอย่างแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี และแม่น้ำภาชี เท่านั้นยังไม่พอนะ ป่าแห่งนี้มีเนื้อที่มากถึง 2.5 ล้านไร่ มีความยาวจากเหนือสุดถึงใต้สุด มากกว่า 200 กิโลเมตร เรากำลังนึกภาพเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าซึ่งทำหน้าที่ลาดตระเวนดูแลและปกป้องผืนป่าแห่งนี้ น่าคิดนะว่างานของพวกเขาจะหนักหนาสาหัสขนาดไหนกัน? (เราเคยมีโอกาสได้ติดตามเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าแห่งนี้ไปเดินลาดตระเวน 3 วัน 2 คืน ใครสนใจเชิญทางนี้เลย https://pantip.com/topic/39014478)

จุดหมายย่อยของเราอยู่ที่ บ้านชัฏป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง ซึ่งจุดนี้เป็นทางแยกก่อนเข้าอำเภอบ้านคา จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อค่อนข้างครบ เราทานมื้อเช้าและสั่งเสบียงสำหรับมื้อกลางวันกันที่นี่ ระหว่างที่นั่งกินข้าวกันอยู่ร้านอาหารตามสั่งริมทางฝนตกหนักเฉยเลย ทำให้เป็นวันที่ฤดูร้อนน่ารักชุ่มฉ่ำขึ้นมาทันตา เละแน่ ๆ คิดในใจ ตูเละแน่ ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

ไม่เท่าไร ... ฝนที่ตกเทลงมาอย่างหนักหนาสาแก่ใจแล้วก็ค่อย ๆ จางลง จากนั้นเราก็เดินทางต่อไม่รอช้า ไปยังจุดนัดพบ 'ครัวมะปราง' นั่งดื่มชากาแฟกันสักหน่อย วิวจากตรงนี้ดีมาก ๆ เลยล่ะ ฝนที่เทลงมาก่อนหน้านี้ทำให้อากาศตอนนี้เย็นสดชื่น มองเห็นทิวเขาตัดกับทะเลสาบขนาดใหญ่ (จุดนี้คืออ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย) ไปถ่ายรูปสักแชะดีกว่า กิกิ
ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็มารับพวกเรา และเริ่มทำแบบทดสอบก่อนเรียน นั่นคือ การนั่งรถไปให้ถึงหน่วยฯ ตลอดเส้นทาง 5 กิโลเมตร ช่างทรหดอดทน ล้อยางที่ถูกปรับโหมดให้ขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อและพร้อมแอดแวนเจอร์เป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้ขับ เนินชันนับไม่ถ้วน ร้อยหลุม พันบ่อ และอีกหลายห้วย ยืนก็แล้ว นั่งก็แล้ว สิ่งที่ได้จากแบบทดสอบก่อนเรียนนี้ คือ 'ปวดแขน' และ 'เจ็บคอเล็กน้อย' (เนื่องจากหัวเราะลั่น สนุกกันเกิน และคอยบอกกันและกันให้ระวังหัว ระวังแขน นู่นนี่นั่น
เมื่อมาถึง ที่นี่เขียวขจีขึ้นมาก นอกจากเราจะรู้สึกสดชื่นแล้วเรายังรู้สึกดีใจมาก ๆ อีกด้วย เนื่องจากเมื่อปี 2020 หลายจุดเกิดไฟป่า เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกันและทำงานอย่างหนักมาก เห็นเขียว ๆ แบบนี้แล้วภาพควันไฟเมื่อสองปีก่อนก็เริ่มจางไปจากใจได้บ้าง
ระหว่างเราจัดเตรียมสัมภาระ ทำภารกิจส่วนตัว พี่เจ้าหน้าที่ก็เริ่มแนะนำเส้นทาง ทางที่พี่ ๆ ผู้พิทักษ์ป่าเดินลาดตระเวนกันมีหลายเส้น มีตั้งแต่สองวัน ไปจนถึงครึ่งค่อนเดือนเลยก็มี นึกภาพไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าถ้าเราต้องอยู่ในป่านานขนาดนั้นจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่จะว่าไป ถ้ามีโอกาส เราก็อยากจะลองสักครั้งนึงนะ

ด้วยระยะเวลาที่มีจำกัด ทางที่เจ้าหน้าที่แนะนำให้พวกเราเดินในครั้งนี้ อยู่ที่ 2 วัน 1 คืน เป็นเส้นทางเลาะลำธารไปเรื่อย ๆ ไม่ชันมาก แต่สดชื่นและอุดมสมบูรณ์มาก ๆ เลยล่ะ

ก่อนออกจากหน่วย สักรูปแล้วกัน ไปลุยกั๊นนนน!
จุดหมายสำหรับการตั้งแคมป์คืนนี้ พี่ ๆ ผู้พิทักษ์ป่าเรัยกมันว่า 'ลานนักศึกษา' ที่ให้ชื่อนี้ก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งเคยมีกลุ่มนักศึกษาเดินทางมาศึกษาธรรมชาติเป็นกลุ่มใหญ่ ลานบริเวณนั้นกว้างและสะดวก เหมาะสำหรับตั้งแคมป์นั่นเอง พวกเราเริ่มเดินเข้า เลาะตามลำธารเรื่อยไป ต้องลุยน้ำใสไหลเย็นตลอดเส้นทาง สดชื่นและสนุกสุด ๆ ไปเลย

เดินเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก
ดูพืชพันธุ์เหล่านี้แล้วรู้สึกสดชื่นเพิ่มขึ้นไปอีก ดอกไม้ ต้นไม้หน้าตาแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยได้เคยเห็น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่