JJNY : รัฐสภาเริ่มอภิปราย‘2 กม.ลูก’│กขค.ส่งสัญญาณน่ากังวล│ไบเดนลั่น“รัสเซียต้องชดใช้”│รัสเซียบุกยูเครน! ดันราคาน้ำมัน

รัฐสภา เริ่มอภิปราย ‘2 กม.ลูก’ ฝ่ายค้านรุมอัด บัตร 2 ใบคนละเบอร์ ทำคนสับสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3200417
 
 
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) จำนวน 10 ฉบับ แบ่งเป็น ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่..) พ.ศ. … จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) 1 ฉบับ ร่างที่เสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะ 1 ฉบับ ร่างที่เสนอโดย นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พรรคร่วมรัฐบาล 1 ฉบับ และร่างที่เสนอโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ คณะ 1 ฉบับ กัน ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่..) พ.ศ. … จำนวนอีก 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างที่เสนอโดยครม. 1 ฉบับ ร่างที่เสนอโดย นพ.ชลน่าน และคณะ 1 ฉบับ ร่างที่เสนอโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ  เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) และคณะ 1 ฉบับ ร่างที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล 1 ฉบับ ร่างที่เสนอโดยนายพิธา และคณะ 1 ฉบับ และ ร่างที่เสนอโดยนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม นายชวน ได้ให้ผู้เสนอร่างแต่ละฉบับ ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. โดย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนครม. ชี้แจงว่า ร่างฉบับนี้ได้แก้ไขปรับปรุงมาจากพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561 เพื่อให้สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1 พ.ศ. 2564 มาตรา 83 มาตรา 86 และมาตรา 91 และให้สอดคล้องกับหน้าที่และอำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560

ด้าน นพ.ชลน่าน ชี้แจงว่า ร่างแก้ไขของพรรคพท.มี 31 ประเด็น เช่น มาตรา 7 การแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากการแบ่งเขตเลือกตั้งปี 2562 ไม่มีความเป็นธรรม และมีปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะจำนวนประชากร ซึ่งมีผลต่อการลงคะแนนอย่างยิ่ง แบบเดิมทำให้ระบบพรรคการเมืองถูกทำลายตั้งแต่เข้าคูหา ซึ่งเจตจำนงที่ให้ใช้บัตร 2 ใบ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของระบบการเมือง แต่การใช้บัตร 2 ใบ แต่คนละเบอร์เหมือนเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะสร้างความสับสนให้ประชาชน ส่วนการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ เราเสนอให้เป็นสัดส่วนที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับจำนวนคะแนนรวม ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาเป็นระบบเสียงข้างมาก เป็นเรื่องยากที่ร่างกฎหมายของฝ่ายค้านจะได้รับความเห็นชอบ แต่ถ้าสมาชิกรัฐสภาจะรับหลักการโดยรวมก็เป็นเหตุให้รับหลักการได้ จึงอยากขอความกรุณาให้สมาชิกรัฐสภาโปรดรับร่างของพรรคเพื่อไทย เพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับร่างของรัฐบาล ซึ่งไม่ขัดต่อหลักการที่จะมีการปรับแก้ให้สอดคล้องกับร่างหลักมากที่สุด
 
ขณะที่ นายวิเชียร ชี้แจงหลักการของร่างแก้ไขว่าแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.ป.ดังกล่าว คือการแก้ไขมาตรา 83 ที่รัฐธรรมนูญแก้ไขจำนวนส.ส.เขตจาก 350 เป็น 400 และส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 150 เป็น 100 คน การแก้ไขมาตรา 86 จากส.ส.เขต 250 คนเป็น 400 คน ต้องเปลี่ยนการคำนวนส.ส.เขตในแต่ละจังหวัด และมาตรา 91 ที่แก้ไขเพิ่มเติมคือต้องเปลี่ยนการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับจำนวนคะแนนรวม ส่วนมาตรา 90 ที่หลายคนมีความกังวล และพูดกันว่าอาจทำให้ประชาชนสับสนลงคะแนนยาก เนื่องจากหมายเลขมีความแตกต่างกัน ยืนยันว่าบัตรใบที่หนึ่งที่ให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนนั้น ไม่มีข้อกังขาใด เชื่อว่าประชาชนมีความสามารถ มีความเข้าใจว่าใครเป็นคนดี เหมาะสมเป็นตัวแทนในสภาฯ ซึ่งประชาชนในแต่ละเขตจะไม่รู้จักผู้แทนตัวเองนั้นเป็นไป ตนเชื่อในวิจารณญาณของประชาชนว่าจะตัดสินใจเลือกได้ ส่วนบัตรใบที่สองคือเลือกพรรคการเมือง เชื่อว่าประชาชนสามารถวินิจฉัยจากข้อมูลข่าวสารนโยบายต่างๆ ของแต่ละพรรคการเมืองได้ชัดเจน ประชาชนสามารถลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองที่เห็นว่าเหมาะสมได้ ไม่มีใครจะไปชี้นำหรือไปบอกว่าเลือกหมายเลขเดียวกันทั้งบัตรใบที่หนึ่ง และใบที่สองได้
 
ผมเชื่อในวิจารณญาณของประชาชนว่าจะตัดสินว่าเลือกผู้สมัครพรรคใด และพรรคการเมืองใดจะได้รับคะแนนไปคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ การกล่าวอ้างว่าการที่จะสับสนหมายเลขต่างๆ ผมมองว่านั่นเรากำลังมองประชาชนว่าไม่มีความสามารถในการวินิจฉัย ผมเชื่อว่าประชาชนสามารถใช้ดุลยพินิจ และใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนโดยตรงและลับในคูหาลงคะแนนได้อิสระ” นายวิเชียร กล่าว
 
ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ชี้แจงว่า พรรคเห็นด้วยกับวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อของฝ่ายรัฐบาล ส่วนประเด็นของพรรคก้าวไกลที่นำเสนอ คือ 1.ต้องเรียบง่ายโดยผู้สมัครแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคเดียวกันต้องเบอร์เดียวกัน อยากถามว่า

การเสนอแบบเบอร์เดียวกันมีปัญหาอะไร ทำไมบางฝ่ายจึงอยากได้เป็นแบบคนละเบอร์ 
 
2. ต้องโปร่งใสโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเปิดเผยผลคะแนนดิบรายหน่วยสู่สาธารณะโดยไม่ต้องร้องขอ และให้มีการสังเกตการณ์เลือกตั้งได้
 
3. ต้องรับผิดชอบแก้ปัญหาบัตรเขย่ง แก้เรื่องคะแนนนอกราชอาณาจักร และมีความรับผิดชอบของผู้จัดการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเห็นว่าข้อผิดพลาดเรื่องการขนส่งเหมือนการเลือกตั้งปี 2562 ไม่ควรนำมาเป็นเหตุให้คะแนนของประชาชนตกหล่นได้
 
และ 4. สภาต้องเข้มแข็งด้วยการแก้ไขปัญหา ส.ส.ปัดเศษ โดยการกำหนดให้มีคะแนนขั้นต่ำ เนื่องจากสภาชุดปัจจุบันมีส.ส.ปัดเศษที่รวมตัวกันเพื่อต่อรองทางการเมือง อีกทั้งมีอำนาจในการต่อรองทำให้สภาล่มได้
 
จากนั้น นายชวน กล่าวก่อนเข้าสู่การอภิปรายของสมาชิกว่า ตนขอปกป้องสภาในฐานะที่อยู่ในสภามาหลายสมัย เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเยอะ ซึ่งสภาชุดปัจจุบันไม่ได้เลวร้ายกว่าสมัยก่อน เรื่ององค์ประชุมมีปัญหาบ้างเป็นธรรมดา แต่ดูจากผลงานแล้วก็ขอชื่นชมสมาชิกที่ให้ความร่วมมือ เราพูดได้ว่ากฎหมายรัฐบาลไม่ได้ค้างเลยแม้แต่ฉบับเดียว ซึ่งเราต้องช่วยกันประคับประคอง



กขค. ส่งสัญญาณน่ากังวล ธุรกิจรายใหญ่กลืนรายเล็ก ยอดร้องเรียนเพิ่ม 3.4 เท่าตัว
https://www.matichon.co.th/economy/news_3200337
 
กขค. ส่งสัญญาณน่ากังวล ธุรกิจรายใหญ่กลืนรายเล็ก ยอดร้องเรียนเพิ่ม 3.4 เท่าตัว ธุรกิจแพลตฟอร์มเดือด
 
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า ผลการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ตั้งแต่ปี 2561 – 2564 ได้รับเรื่องร้องเรียนรวม 134 เรื่อง โดยปี 2564 มีการรับเรื่องร้องเรียนสูงสุดถึง 71 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 2.36 เท่า กลุ่มธุรกิจที่มีการรับเรื่องร้องเรียนมากที่สุดคือ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (แพลตฟอร์ม) จำนวน 40 เรื่อง รองลงมาคือธุรกิจแฟรนไชส์และธุรกิจบริการอื่นๆ จำนวน 15 เรื่อง และธุรกิจการผลิตและการค้าส่งค้าปลีกจำนวน 16 เรื่อง และเมื่อจำแนกตามพฤติกรรมพบว่าเป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบจำนวน 40 เรื่อง การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 28 เรื่อง และการตกลงร่วมกัน จำนวน 3 เรื่อง โดยได้ดำเนินคดีอาญา จำนวน 3 เรื่อง ผู้ต้องหาจำนวน 28 ราย อยู่ระหว่างส่งฟ้องอัยการ จำนวน 2 ราย และผู้ต้องหาขอเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายจำนวน 26 ราย ในส่วนของคดีปกครองมีการลงโทษทางปกครองจำนวน 11 เรื่อง ผู้กระทำความผิด จำนวน 16 ราย มีค่าปรับรวมประมาณ 34 ล้านบาท
 
ปี 2564 เป็นปีที่มีการรวมธุรกิจมากที่สุดถึง 32 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 2 เท่า และมีมูลค่าการรวมธุรกิจประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3.4 เท่า ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียน 45 เรื่องใน 65 เรื่อง มีแนวโน้มและกังวลเข้าข่ายมีอำนาจเหนือตลาด สะท้อนการกระจุกตัวของธุรกิจ ซึ่งแนวโน้มการแข่งขันและการควบรวม และการใช้อำนาจเหนือตลาดจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ” นายสกนธ์ กล่าว
 
สำหรับปี 2565 คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และจากระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สำคัญอย่างรวดเร็ว และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในการประกอบธุรกิจ ทำให้รูปแบบการประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มมากขึ้น และจะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการค้าเพื่อแข่งขันกันมากขึ้น
 
ผู้ประกอบธุรกิจมีแนวโน้มจะควบรวมธุรกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อปรับตัวให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นและสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่มีการใช้อำนาจเหนือตลาดหรือมีการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไม่สามารถแข่งขันได้ และอาจไม่สามารถอยู่รอดได้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สำคัญในการกำหนดแนวทางการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จากข้อมูลรัฐ พบว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในไทยรวม 9 พันราย มีสัดส่วนในระบบเศรษฐกิจ 42% ขณะที่รายเล็กรายย่อยมีถึง 3 ล้านราย แต่มีสัดส่วนในระดับเศรษฐกิจ 43% จึงมีความสำคัญที่ต้องดูแลธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อประคองธุรกิจในอนาคต” นายสกนธ์ กล่าว
  
ดังนั้น คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จึงได้กำหนดนโยบายและทิศทางการกำกับการแข่งขันทางการค้า ปี 2565 ได้แก่ 1.การกำกับดูแลการแข่งขันในธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทุกรูปแบบ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ผู้บริโภคไม่นิยมใช้เงินสด โดยปี 2564 มีมูลค่าทางธุรกิจมากถึง 4 ล้านล้านบาท อาทิ การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ (E-Market Place) การขนส่งสินค้า (E-Logistic) การให้บริการรับสั่งและจัดส่งอาหาร (Food Delivery) และธุรกิจจองโรงแรมที่พัก (OTA) ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่จากต่างประเทศ 2. การกำกับดูแลการรวมธุรกิจ (M&A) โดยเฉพาะการควบรวมธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน 3. การส่งเสริมและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี สามารถแข่งขันได้มากขึ้น
 
นายสกนธ์ กล่าวว่า กขค.จะมีการพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถกำกับดูแลธุรกิจในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกอบธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดยการปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้าและแนวปฏิบัติทางการค้าและกฎระเบียบต่างๆ และเสริมสร้างความร่วมมือในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้ากับหน่วยงานต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อเป็นเครื่องมือศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างตลาดและพฤติกรรมการแข่งขันทางการค้าในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์ธุรกิจเชิงลึก เพื่อให้การแข่งขันทางการค้าไทยมีแนวทางการพัฒนาที่ดีขึ้น รวมทั้งการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันทางการค้า นอกจากนี้ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อตราสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เพื่อให้เป็นไปตามหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมายอื่นๆ ในประเทศ และชื่อภาษาอังกฤษเป็นรูปแบบเดียวกันกับองค์กรการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าของต่างประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่