JJNY : 3 ม็อบบุกประชิดทำเนียบ│ส.อ.ท.ชี้ยกระดับ4ต้องให้ปชช.เข้าใจ│สมคิดเชื่อแก้กม.ลูกไร้ปัญหา│กก.หวังสภารับกม.ลูกทุกฉบับ

3 ม็อบบุกประชิดทำเนียบ ทวงครม. งบช่วยเกษตรกร-แรงงาน พีมูฟจี้เลิกฉุกเฉิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6902625
 
 
3 ม็อบ บุกประชิดทำเนียบ กลุ่ม สกท.ทวงครม.อนุมัติงบ 2 พันล้านแก้หนี้เกษตรกร กลุ่มพีมูฟ จี้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้านเครือข่ายแรงงาน ขอรัฐใช้งบกลางจ่ายเยียวยา
 
วันที่ 22 ก.พ.2565 ที่บริเวณถนนพิษณุโลก แยกพาณิชยการ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล มีมวลชน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย สหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) กลุ่มพีมูฟ และเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน เดินทางมาเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) รวมตัวกันที่แยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อติดตามมติ ครม.ว่า จะอนุมัติ งบฉุกเฉิน 2 พันล้านบาท มาใช้ในกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร หรือไม่ เพราะรับปากมาเป็นปี รอฟังคำตอบมติ ครม. ถ้าไม่เป็นผลจะกำหนดท่าทียกระดับการชุมนุมต่อไป
 
ด้านเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน สหพันธ์แรงงานไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศไทย รวมตัวทวงถามข้อเรียกร้องสหภาพแรงงานคืนความสุขในเดือนแห่งความรัก โดยให้รัฐบาลอนุมัติงบกลางจ่ายเงินให้ลูกจ้างบริษัทริลเลียนท์ 1,388 คน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยใช้งบกลางมาเยียวยาก่อน และให้ไปเก็บกับนายจ้างภายหลัง
 
ขณะที่กลุ่มพีมูฟ นำโดยนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานขบวนการพีมูฟ พร้อมมวลชน เดินทางมาชุมนุม โดยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยุติการดำเนินคดีกับแกนนำ ยืนยันว่าจะไม่ไปรายงานตัว หลังต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในคดีร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีชุมนุม ระหว่างวันที่ 20 ม.ค.–3 ก.พ.ที่ผ่านมา
 
อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมกลุ่มพีมูฟ ขยับแนวมาอยู่บริเวณด้านหน้าศาลกรมหลวงชุมพร พร้อมตั้งเวที เพื่อปราศรัยการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล ซึ่งมีมวลชนบางส่วนพยายามดันรั้วเหล็กบริเวณหน้ามหาวิทยาลัย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศขอความร่วมมือไม่ให้ดันรั้วเหล็ก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังเข้มและตั้งรั้วเหล็กร้อยลวดสลิงอีก 1 ชั้น บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และตรึงด้วยรั้วลวดหนามหีบเพลง เพื่อเป็นแนวป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
 


ส.อ.ท.ชี้ประกาศยกระดับ4ต้องให้ปชช.เข้าใจไม่ล็อกดาวน์
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_295409/

เอกชนชี้ประกาศยกระดับ 4 ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ควรล็อกดาวน์อีก กระทบเศรษฐกิจแรง
 
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า การประกาศยกระดับการเตือนภัยเข้าสู่ระดับ 4 ของประเทศไทยนั้น มองว่า เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น แต่การสื่อสารให้ประชาชนได้เข้าใจเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็น เพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวและรับรู้ข้อมูลการรักษาที่อาจไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะความรุนแรงของโรคนั้นมีน้อย
 
และภาคเอกชนไม่ต้องการเห็นการล็อกดาวน์เกิดขึ้นอีกเพราะจะส่งผลกระทบรุนแรงกับภาคเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งหากมีการเปิดประเทศแล้วจะมีผลทำให้ GDP ของประเทศขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 20 ของ GDP
 
นอกจากนี้ประเทศต่างๆ กำลังอยู่ระหว่างทยอยเปิดประเทศ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ให้กลับมาฟื้นตัวได้ แต่ทางภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลยังจำเป็นที่จะต้องปรับระบบ Test & Go ของประเทศให้มีความสะดวก มากยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องทำการตรวจซ้ำในวันที่ 5 หรือ อนุญาตให้ใช้เพียงผลตรวจ ATKได้


 
‘สมคิด’ เชื่อแก้ กม.ลูกไร้ปัญหา เสร็จไม่เกิน พ.ค.นี้ ทันใช้ กม.เลือกตั้งแน่นอน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3196344

‘สมคิด’ เชื่อแก้ กม.ลูกไร้ปัญหา เสร็จไม่เกิน พ.ค.นี้ ทันใช้ กม.เลือกตั้งแน่นอน
 
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาว่าด้วยการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ในวาระรับหลักการ ซึ่งมีกฎหมายสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว ในส่วนของพรรคการเมืองขนาดเล็กที่กลัวว่าตัวเองจะเสียประโยชน์หากมีการแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งใหม่ จนนำไปสู่การยื่นตีความตามกฎหมาย เป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าการแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับแก้โดยระบบรัฐสภา มีทั้ง ส.ว.และ ส.ส.เห็นชอบร่วมกันให้มีการแก้ไข และผ่านกฎหมายนี้และมีการลงพระปรมาภิไธยแล้ว หากพรรคเล็กจะร้องเพื่อตนเองไม่น่าจะเป็นไปได้
  
นายสมคิดกล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่มีพรรคการเมืองไหนได้เปรียบ เพราะไม่ว่าอย่างไรคนตัดสินคือประชาชน ไม่ว่าพรรคใหญ่ หรือพรรคเล็ก หากประชาชนไม่เลือกก็ไม่มีความหมาย พรรคเล็กก็ต้องทำงานเพื่อให้เข้าตาประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยเข้าใจ แต่พรรคเล็กต้องเข้าใจและอดทนเพื่อพัฒนาทางการเมืองต่อไป ในส่วนการพิจารณา หลังจากลงมติแล้ว มีการตั้ง กมธ.ร่วมกันพิจารณาต่อไป เชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 2 เดือนครึ่งก็น่าจะแล้วเสร็จ และเมื่อเปิดสมัยประชุมใหม่ก็จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 เชื่อว่าการแก้ไขกฎหมายลูกน่าจะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี้ และสามารถใช้กฎหมายฉบับใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ทันอย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่