JJNY : 2 ขวบติดโควิด เบอร์รัฐไร้ช่วยเหลือ│เอกชนแนะฝ่ายค้านยังตีไม่แรง│แฉกลุ่มทุนตัดไม้เขตโบราณสถาน│วิกฤตยูเครนยังกระทบ!

เด็ก 2 ขวบติดโควิด โทรเบอร์รัฐ ไร้การช่วยเหลือ - รพ.เอกชน แจ้งถ้าจะรักษา ต้องวางมัดจำหลักแสน
https://ch3plus.com/news/category/279913
 
 
สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด19 ที่พบผู้ติดเชื้อ เกือบ 3 หมื่นคน ต่อเนื่องกันมาสองวัน โดยพบปัญหาการหาเตียงรักษาในกลุ่มเปราะบาง เด็ก คนชรา และผู้ป่วยโรคประจำตัว พบว่ายังคงมีปัญหา
 
อย่างกรณีนี้ คุณปราถนา คุณแม่ของเด็กหญิงแววปราชญ์ อายุ 2 ขวบ เล่าว่า ครอบครัวอาศัยกัน 5 คน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณยายติดโควิด จากนั้นวันที่ 18 ก.พ. ก็พบว่า ลูกสาว มีอาการไอ และงอแง และเริ่มมีไข้ จากไข้ต่ำๆ วันต่อมา ไข้ก็เริ่มสูง 38-39 องศา วัดไข้ เช็ดตัว กินยา ไข้ก็ลง พอครบ 4 ชั่วโมงก็ไข้ขึ้นอีก ตอนนั้นคุณแม่เชื่อว่าน้องติดเชื้อแน่ๆ
 
แต่ไม่รู้จะพาไปตรวจเชื้อที่ไหน หากจะไปซื้อชุดตรวจเอทีเคเอง ก็กลัวไปแพร่เชื้อเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง ตอนนั้นกังวลมากเพราะลูกสาวไข้สูง และมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ
 
คุณแม่จึงโทรหา สายด่วน หมายเลข 4 ตัวหลักของภาครัฐ ก็ไร้การตอบกลับมีแต่ให้ลงทะเบียนประเมินอาการ ส่วนเบอร์ 1669 โทรแล้วเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ให้เช็ดตัวแล้วต้องไปตรวจเชื้อแบบ PCR ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง สภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ลูกไข้สูง ตัวร้อนจัด  
 
จึงตัดสินใจโทรหารพ.เอกชน ซึ่งลูกสาวทำประกันไว้ แต่วงเงินไม่สูงมาก ทางรพ.หลายแห่ง ต่างแจ้งว่า เตียงเต็ม ไม่รับรักษาเด็ก และบางรพ.ก็บอกว่า จะรักษาได้ต้องวางเงิน 5 หมื่น ถึง1แสนบาท เงินส่วนนี้ เป็นแค่ครึ่งหนึ่งของค่ารักษา และหากทางรัฐจ่ายเงินมาให้ก็จะคืนให้ แต่ถ้าไม่จ่ายมาก็ต้องออกค่ารักษาเอง รวมแล้วค่ารักษาเด็กอยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาท  
 
คุณแม่บอกตอนนั้นเครียดจัด หมดหนทาง ไม่รู้จะไปทางไหน เพื่อให้ลูกได้รักษา ตามที่ออกข่าวมาว่าฉุกเฉินเด็กไข้ขึ้นสูงครบ 24 ชม. ถือว่าฉุกเฉิน แต่ความเป็นจริงไม่ใช่
 
จึงโทรขอความช่วยเหลือไปที่กลุ่มอาสาเส้นด้ายเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น และช่วยประสานรพ.ให้ แต่ทางรพ.ตามสิทธิของน้องยืนยันว่า ต้องตรวจ PCR ก่อนจึงจะรับรักษาได้
 
อยากขอให้ภาครัฐ ปรับระบบใหม่ในสถานการณ์ที่คนติดเยอะ อยากให้ลดระบบการจัดการ ที่ต้องรอตรวจรอเอกสาร รอเวลา ขอให้ปรับใหม่ เพราะกรณีคนไข้ฉุกเฉินเกิดอาการหนักจะทำเช่นไร ส่วนหมายเลขสายด่วน ขอให้เป็นหมายเลขที่ช่วยชาวบ้าน ไม่ใช่การลงทะเบียน
 
สำหรับเคสนี้ ทีมอาสาเส้นด้าย ประสานขอคำปรึกษา นายแพทย์ ณัฐพงษ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ให้คำปรึกษาและช่วยประสานรักษา รพ.เมืองสมุทรปราการ รับเด็กเข้ารักษา
 

 
เอกชน แนะฝ่ายค้าน จี้ประเด็นให้ตรงจุด หนี้ครัวเรือน-การจ้างงาน ยังตีไม่แรง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3193794

เอกชน แนะฝ่ายค้าน จี้ประเด็นให้ตรงจุด หนี้ครัวเรือน-การจ้างงาน ยังตีไม่แรง ชี้คงยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากการอภิปรายได้
 
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า จากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เมื่อวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น มองว่ามีบางเรื่องที่ฝ่ายค้านยังโจมตีได้ไม่แรง คือเรื่องหนี้ครัวเรือน ที่สูงขึ้น ในช่วง 1 ปีกับอีก 6 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 843,392 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 6.24% ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การใช้จ่ายและเศรษฐกิจในระดับประชาชนเป็นอย่างไร เพราะในกระเป๋านั้นไม่มีเงินเหลือมีแต่เงินที่จะต้องนำไปใช้หนี้ มีตั๋วจำนำ ซึ่งรัฐบาลอาจตอบได้ยาก แต่ฝ่ายค้านกับไม่เล่นประเด็นดังกล่าว แต่กลับไปเอาเปอร์เซ็นต์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เข้าใจยาก เพราะประชาชนบางส่วนอาจจะไม่เข้าใจถึงเรื่องจีดีพี ถ้าฝ่ายค้านมาจับประเด็นที่ว่า จำนวนหนี้นั้นได้เพิ่มขึ้นแล้วโดยเพิ่มขึ้นมา 8.4 แสนล้านบาท จะทำให้ประชาชนทั่วไปสัมผัสได้ว่า เมื่อควักกระเป๋าไปก็ไม่มีเงิน มีแต่หนี้ แล้วรัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร
 
ปัญหาหนี้ครัวเรือนกลายเป็นกับดักทางเศรษฐกิจของประชาชนคนไทย เพราะคนไทยจะเติบโตต่อไปไม่ได้ เนื่องจากในกระเป๋ามีแต่หนี้ ซึ่ง ฝ่ายค้านยังตีไม่แรงพอ โจทย์นี้ รัฐบาลก็ตอบผ่านไปแบบง่ายๆ” นายธนิต กล่าว
 
นายธนิต กล่าวว่า อีกเรื่องสำคัญที่ฝ่ายค้านไม่ได้นำมาเล่นคือประเด็น เมื่อรัฐบาลมองว่าเศรษฐกิจไทยนั้นจะเติบโตได้ดีในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 4 %ต่อปี ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีก็ทำให้คนหรือแรงงานกลับมามีงานทำ ในขณะที่ตัวเลขเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดนั้น พบว่าประกันสังคม ตามมาตรา 33 มีคนจำนวน 593,100 ราย ที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระบบประกันสังคม เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ประกันตนม.33 เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
 
คนที่หายไปจำนวนกว่า 5.9 แสนคน มันไม่สอดคล้องกับ ที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจดี ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ด้านกระทรวงแรงงานก็ย้ำว่า ช่วยหางานให้คนหมดแล้ว ทำไมจึงยังมีข้อมูลว่าคนหายไปจากระบบจำนวนกว่า 5.9 แสนคน จะมาบอกว่าคนกลุ่มนี้ไปทำงานรูปแบบออนไลน์หมด ไปทำอาชีพอิสระทั้งหมด ก็คิดว่าจำนวนคนนั้นมันมากเกินกว่าจะเป็นข้อสมมติฐานนั้น อย่างไรก็ดี สิ่งที่ฝ่ายค้านเองก็ไม่ได้จับประเด็น คือ เรื่องของเด็กจบใหม่ในช่วงเดือน มีนาคม 2565 นี้ อีกจำนวน 5.1 แสนคน ซึ่งต้องจี้ถามว่า รัฐบาลมีแผนรับมือแล้วหรือไม่ ซึ่งถือเป็นอีก 1 จุดอ่อนของรัฐบาล ที่ไม่มีใครกล่าวถึง ” นายธนิต กล่าว
 
นายธนิต กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็น การซื้อขายเสียงในสภาฯ ซึ่งในครั้งนี้มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว ทั้งกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ประกาศยื่นใบลาออกจากต่ำแหน่งส.ส. รวมถึงกรณีเรื่องเหมืองทองอัครา ที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับรู้ข้อมูลเท่าไหร่ ซึ่งเป็นจุดที่ประชาชนได้รับประโยชน์ และรัฐบาลก็ไม่ได้ตอบ เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่อยู่นอกโพยของรัฐบาล เลยทำให้รู้สึกเสียดาย ที่ฝ่ายค้านไม่ได้เปิดแผลของรัฐบาลในเรื่องที่ว่าให้มากกว่านี้
  
นายธนิต กล่าวว่า ท้ายที่สุดถ้าถามว่า การประชุมสภาฯ หรือการอภิปรายต่างๆ จะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ โดยส่วนตัว จากที่เห็นการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย ก็มองว่า คงยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหรอก เพราะรัฐบาลชุดนี้ก็อยู่มานาน ซึ่งเป็นสัจธรรมทางการเมืองว่า ยิ่งรัฐบาลไหนอยู่นาน คนก็ยิ่งเบื่อ และก็ยิ่งทำงานที่มากขึ้น เยอะขึ้น ปัญหาและ แผลก็ย่อมมากตาม ในขณะเดียวกัน ก็มาเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็คงไม่เลือกการยุบสภาตอนนี้ เพราะมันเป็นขาลงทางการเมือง
 
ถ้าผมเป็นรัฐบาลก็จะรอ จนวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิดนี้จบก่อน อาจจะปีหน้าก็ได้ และเมื่อสถานการณ์มันคลี่คลายไป แผลที่เกิดขึ้นจากโควิดก็จะตกสะเก็ด คนและธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ มีเงินใช้ ก็จะเริ่มลืมสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมกับการจะถอยไป โดยจะยุบสภา หรือเลือกตั้งใหม่ก็ได้” นายธนิต กล่าว



แฉกลุ่มทุนทำถนนตัดไม้ในเขตโบราณสถานเขาแดง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3194034

แฉกลุ่มทุนทำถนนตัดไม้ในเขตโบราณสถานเขาแดง
 
สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา แฉกลุ่มทุน นำเครื่องจักรขุดทำลาย หัวเขาแดง ซึ่งเป็นเขาสูง และเป็นพื้นที่ที่กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานบริเวณเมืองเก่าสงขลา ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร ครอบคลุมพื้นที่หัวเขาแดงเนื้อที่2460 ไร่ หลังลอบขุดทำลาย ตัดโค่นไม้ในเขตหัวเขาแดงเป็นแนวยาว ซ้ำเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบกลับถูกข่มขู่ เตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดี
 
เมื่อวันที่ 21 กมภาพันธ์นี้ นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา เปิดภาพแผนที่โบราณสถานเขาแดง ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งมีพื้นที่ 2460 ไร่ ถูกกลุ่มทุนลักลอบตัดโค่นไม้ ปรับพื้นที่ทำถนนบน ซึ่งถนนนั้น มีความกว้างถึง 4 เมตร และมีเส้นทางยาวที่อยู่ระหว่างการตรวจ ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเบื้องนั้นพบว่าน่าจะมีการนำเครื่องจักรเข้าทำการลักลอบตัดไม้ และปรับพื้นที่มานาน แต่กลับไม่ได้มีหน่วยงานใดในพื้นที่เข้าดำเนินการ และเมื่อเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรพยายามเข้าตรวจสอบกลับมีการข่มขู่ด้วยวิธีการต่างๆ จนทำให้เป็นอุปสรรคนอกเหนือจากการไม่ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ โดยพบว่า มี 2 จุดใหญ่ที่ถูกบุกรุกทำลาย ซึ่งกระทบต่อความเป็นโบราณสถาน
 
นายพงศ์ธันว์ กล่าวว่า ทั้งนี้ได้นำเสนอเรื่องปัญหาการบุกรุก ทำลาย โบราณสถานเขาแดง ไปยังนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเพื่อพิจารณาแล้ว โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีนายอำเภอ มีตำรวจ สภ.สิงหนคร ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ 11 เป็นคณะทำงาน ร่วมตรวจสอบ
 
ล่าสุดนั้นทางสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา เป็นตัวแทนคณะทำงานเตรียมนำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.สิงหนคร จังหวัดสงขลาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่