ทริปนี้ถือว่านี่เป็นทริปการเดินทางไกลครั้งแรกของเราในรอบปีก็ว่าได้ เป็นทริปที่เสี่ยงล่มมาก ๆ อีกทริป เรื่องของเรื่องคือ ซื้อวอยเชอร์ที่พักของสุเนต์ตาที่เชียงคานเอาไว้ หมดอายุ มี.ค. 65 ตอนแรกจองห้องไว้เดือน พ.ย. 64 เพราะคิดว่าสถานการณ์โควิดน่าจะคลี่คลาย น่าจะได้ฉีดวัคซีนครบกันแล้ว และน่าจะสามารถเดินทางได้ มีแต่คำว่า `น่าจะ` คิดเองคาดการณ์เอง ยังไม่พอนอกจากจองที่พักแล้วยังจองตั๋วเครื่องบินไว้อีกจ้า แต่พอใกล้วันเดินทางสถานการณ์ดันไม่ได้สงบอย่างที่คิด วัคซีนเข็ม 1 - 2 ก็หมดฤทธิ์ไปนานแล้ว เข็ม 3 ที่จองไว้ก็ไม่มา เราเลยตัดสินใจเลื่อนการเดินทางข้ามปีกันไปเลยจ้า เลื่อนเป็น 13 -15 ก.พ. 65 ตรงกับช่วงวาเลนไทน์พอดี หุหุ 🤪 เสียค่าส่วนต่างตั๋วเครื่องบินไปอีก แถมช่วงนี้เที่ยวบินมีวันละ 1 เที่ยวเท่านั้น ไม่มีทางเลือก
มาสรุปทริปคร่าว ๆ กันก่อนดีกว่า
Day 1 กทม.>เลย>เลยดานัง>สกายวอร์ค>ริมแม่น้ำโขง>ถนนคนเดินเชียงคาน
Day 2 ตักบาตร>ภูทอก>แก่งคุดคู้>วัดศรีคุณเมือง>ภูลำดวน>วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน>ถนนคนเดินเชียงคาน
Day 3 ริมโขง>กทม.
Day 1 เราขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯ ประมาณ 10 โมงครึ่ง กว่าจะมาถึงเลยก็เกือบเที่ยงแล้ว ก่อนอื่นต้องหาอาหารเวียดนามอร่อย ๆ กินซะหน่อย กลางวันนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้านเลยดานัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินขับรถ 10 นาทีก็ถึง นั่งทานกันชิลล์ ๆ ไม่ต้องรีบร้อน เมนูที่ไม่ควรพลาดก็คือ แหนมเนือง และหมูยอลวกจิ้ม นอกจากอาหารเวียดนามร้านนี้เค้าก็มีอาหารหลากหลายมาก ๆ อาหารอร่อย สะอาด ราคาไม่แพง
อิ่มท้องแล้วเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เชียงคาน... ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. จากอำเภอเมืองเราก็จะมาถึงสกายวอล์คเชียงคาน ก่อนจะไปเดินชมความสวยงามของที่นี่ เราจะต้องไปซื้อตั๋ว ขึ้นรถบริการรับ-ส่ง รวมรองเท้าผ้าสำหรับสวมทับรองเท้า คนละ 60 บาท ถ้าอยากชมปางช้างเผือกด้วยก็จะเพิ่มอีก คนละ 20 บาท รวม 80 บาท นั่งรถประมาณ 10 นาทีก็ถึง แวะไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยซักหน่อย คอนเฟิร์มเลยว่าข้างบนนี้วิวอลังการมาก ถ้ามาช่วงเช้าอาจจะเจอทะเลหมอกด้วย แต่ที่นี่อาจไม่เหมาะกับคนที่กลัวความสูงนัก เพราะที่นี่มีความสูงประมาณตึก 30 ชั้น แถมพื้นทางเดินก็เป็นกระจกใส
ขับรถเลาะริมโขงอีกประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงเชียงคาน เมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำโขงที่สงบและให้ความรู้สึกว่า ที่นี่เวลาเดินช้ากว่าที่อื่น แม้ว่าจะมีความเจริญอะไรเพิ่มเติมเข้ามา แต่เชียงคานยังคงเป็นเมืองที่มีสเน่ห์เสมอ
ที่พักของเราในทริปนี้ `สุเนต์ตา` เป็นบ้านไม้เก่าที่มีเอกลักษณ์ตกแต่งได้คลาสสิกสุด ๆ เหมือนหลุดไปอยู่ยุค 60 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เราพักกันที่ห้อง Riverview Deluxe ตั้งอยู่ชั้น 1 ของที่พัก วิวดีเลยล่ะ นั่งมองแม่น้ำโขงเพลิน ๆ ได้ ด้วยความที่เป็นบ้านไม้ห้องจะไม่ค่อยเก็บเสียงเท่าไหร่ (ตอนกลางคืนแอบมีหนูวิ่งกุกกักๆ จนฝ้าแทบทะลุให้เราตกใจตื่น 😆) แต่โดยรวมแล้วที่นี่ก็โอเคมาก ๆ สำหรับเราขอแค่ห้องพักสะอาด แอร์เย็น น้ำแรง คือแฮปปี้แล้ว
พอแดดเริ่มร่มเราก็ออกไปเดินเล่นเลาะริมน้ำโขงไปเรื่อย ๆ ชมพระอาทิตย์ตก เป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ แสงสวยมา
มื้อเย็นเราฝากท้องไว้ที่ถนนคนเดินเชียงคาน คนเริ่มกลับมาคึกคักแล้ว อากาศช่วงนี้กำลังดีเลย ตอนกลางวันมีลมเย็น ๆ ตลอดวัน แต่ตอนเช้าและตอนเย็นถึงค่ำก็เย็นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน อุณหภูมิประมาณ 18 - 20 องศา ซื้อของเสร็จก็กลับมานั่งกินกันที่ระเบียงที่พัก ชมพระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมาก
Day 2 เราตี 5 ครึ่งมาเตรียมตักบาตรตอน 6 โมง จากนั้นก็ขับรถไปขึ้นภูทอกใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีก็ถึงจุดขึ้นรถกระบะ นั่งรถประมาณ 10 นาที ก็ถึงยอดภู โชคดีมากที่วันนี้มีทะเลหมอก ทั้งที่เป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้ว และดีที่เรามาวันธรรมดาคนไม่เยอะมาก มีที่ให้ยืนชิลล์ ๆ แบบไม่ต้องเบียดเสียด
หลังจากถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันครบทุกมุมแล้ว ก็ได้เวลาไปต่อกันที่แก่งคุ้ดคู้ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเชียงคาน จำได้ว่าเคยมาแวะถ่ายรูปเมื่อตอนเด็กๆ ตอนนี้โตแล้วก็ยังต้องขอถ่ายรูปซักหน่อย ช่วงนี้น้ำลดเห็นแก่งชัด ลงไปเดินเล่นริมแม่น้ำโขงได้สบาย ๆ ก่อนกลับอย่าลืมซื้อมะพร้าวแก้วเป็นของฝากจากเชียงคานกลับมาด้วย
มื้อกลางวันเรามาหาอะไรอร่อย ๆ ทานกันที่เฮือนหลวงพระบาง ร้านอาหารดังริมแม่น้ำโขงของเชียงคาน เมนูที่สั่งวันนี้คือ ตำหลวงพระบาง ปลาส้มทอด (อันนี้เด็ด) และเอาะปลา (คล้ายๆอ่อม) รวม ๆ แล้วเราอาจจะไม่ค่อยถนัดอาหารพื้นเมืองเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกแปลกใหม่ดี
ประมาณบ่าย 3 เราเดินทางต่อไปยังภูลำดวน (ภูซำทอง) สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอำเภอปากชม ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดหนองคาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ทางดีขับสบาย จะบอกว่าระหว่างทางวิวดีมากกกก แบบว่าเลาะแม่น้ำโขง ชมเกาะแก่งกลางแม่น้ำ วิวภูเขาฝั่งลาวฝั่งไทยสวย นั่งรถเพลินมาก ชอบมาก สำหรับภูลำดวน หลายคนอาจขึ้นมาที่นี่เพื่อชมทะเลหมอก แต่ไม่ใช่สำหรับเรา เพราะที่นี่อยู่ไกลจากเชียงคานพอสมควร ถ้าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ซึ่งเราไม่มีความพยายามขนาดนั้น 😂 และบังเอิญรู้มาว่าแสงช่วงเย็นที่นี่ก็สวยเหมือนกันเลยเลือกที่จะมาตอนเย็นนี่ล่ะ คนน้อยดี ตอนเราไปคือ มีเรากับแฟน แค่ 2 คนทั้งภู ไพรเวทย์สุด วิวที่นี่สวยมาก ทั้งภูเขาฝั่งลาว ทั้งแม่น้ำโขง ดีงามมาก คู่ควรแก่การขับรถมาจากเชียงคาน
ถ้าใครอยากมาตอนเช้าก็สามารถมาช่วงสาย ๆ ประมาณ 7 - 8 โมงเช้าก็ได้ ถ้าโชคดีจะเป็นช่วงที่ยังมีทะเลหมอกเหมือนกัน
ขากลับเรามาแวะวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ซึ่งเรามาถึงเย็นไปหน่อยโบสถ์ปิดแล้ว แต่ก็ยังมีจุดชมวิวเมืองเชียงคานที่สามารถขึ้นไปได้ และสำหรับคนรักสัตว์ที่นี่ก็ยังมีน้องกระต่าย หนูแกสบี้ และสัตว์อื่นๆ มากมาย มาซื้อผักและอาหารให้น้องกินได้ น้องดูหิวโหยมาก เอ็นดู
Day 3 เช้าวันสุดท้ายเราตื่นมาทานอาหารเช้าริมโขง เก็บเกี่ยวบรรยากาศของเชียงคาน ก่อนจะเช็คเอ้าท์ ขับรถไปสนามบินได้เวลานินจากลับบ้านแล้ว
ติดตามเรื่องราวการนินจาเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Ninjatrips
สรุปค่าใช้จ่ายทริปเชียงคานสำหรับ 2 คนกลมๆ
ตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ) 4,000 บาท
ไม่นับส่วนต่างตอนเลื่อนตั๋ว
ค่าที่พัก 2 คืนรวมอาหารเช้า 2,580 บาท
ค่าเช่ารถ 2 วัน (48 ชม.) 1,600 บาท
ค่าน้ำมัน 500 บาท
ค่าอาหาร 1,500 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 10,000 บาท คนละ 5,000 บาท
[CR] Ninja trips X เชียงคาน
Day 1 กทม.>เลย>เลยดานัง>สกายวอร์ค>ริมแม่น้ำโขง>ถนนคนเดินเชียงคาน
Day 2 ตักบาตร>ภูทอก>แก่งคุดคู้>วัดศรีคุณเมือง>ภูลำดวน>วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน>ถนนคนเดินเชียงคาน
Day 3 ริมโขง>กทม.
ตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ) 4,000 บาท
ไม่นับส่วนต่างตอนเลื่อนตั๋ว
ค่าที่พัก 2 คืนรวมอาหารเช้า 2,580 บาท
ค่าเช่ารถ 2 วัน (48 ชม.) 1,600 บาท
ค่าน้ำมัน 500 บาท
ค่าอาหาร 1,500 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 10,000 บาท คนละ 5,000 บาท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้