คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504907807794215

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 15 ก.พ. 2565)
รวม 120,520,771 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 303,584 โดส
เข็มที่ 1 : 52,842 ราย
เข็มที่ 2 : 44,312 ราย
เข็มที่ 3 : 206,430 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 52,876,077 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 49,300,254 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 18,344,440 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504903774461285

กทม. เตรียมเปิดศูนย์พักคอยเพิ่ม เพื่อส่งต่อหากมีผู้ป่วยครองเตียงมากกว่า ร้อยละ 80
หากพบว่าตนเองติดเชื้อ แจ้งสายด่วน สปสช.โทร.1330 กด 14 และศูนย์ EOC ของ 50 สำนักงานเขต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ กทม. ได้รายงานการเตรียมพร้อมสถานพยาบาลเพื่อผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากมีแนวโน้มผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้ 50 เขตพิจารณาเปิดศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเพิ่มเติม ในกรณีที่ศูนย์พักคอยฯซึ่งเปิดดำเนินการอยู่แล้วมีจำนวนผู้ป่วยครองเตียงมากกว่า ร้อยละ 80 และให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบช่องทางการติดต่อ หากพบว่าตนเองติดเชื้อ โดยสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน สปสช.1330 กด 14 และศูนย์ EOC ของ 50 สำนักงานเขต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้แก่สถานบริการที่แจ้งความประสงค์ปรับรูปแบบร้านเป็นร้านอาหารและได้รับอนุญาตแล้ว จำนวน 483 แห่ง ให้เข้ารับการประเมินมาตรฐาน Thai Stop Covid 2 Plus เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนหรือผู้มาใช้บริการ
ที่มา : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504859371132392

หลังรับวัคซีน เราติดเชื้อโควิดได้หรือไม่ ???
ที่มา : World Health Organization Thailand
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504861007798895

รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 27 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504908934460769

กระทรวงสาธารณสุข เสนอแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด 19
เข็มที่ 1 และ 2 สำหรับเด็ก
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504863827798613

แนวทางการรักษาผู้สูงอายุติดเชื้อโควิด
1. กรณีผู้สูงอายุเป็นผู้ป่วยติดเตียง
- ให้ผู้สูงอายุที่ติดเชื้อหรือญาติคอยสังเกตอาการผู้สูงอายุ โดยวัดอุณหภูมิ และ oxygen saturation ทุกวัน
- หากมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเหนื่อย วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้วได้ต่ำกว่าค่าปกติ ซึ่งค่าออกซิเจนควรอยู่ระหว่าง 96-100 เปอร์เซ็นต์ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านทันที
- ระหว่างรอส่งสถานพยาบาล ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แยกโซนผู้ป่วยให้ชัดเจน จัดให้อยู่ในสถานที่ระบายอากาศได้ดี เฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง อาทิ เหนื่อย หอบ
- กรณีมีอายุมากกว่า 75 ปี ควรนำส่งสถานพยาบาล
2. กรณีผู้สูงอายุติดบ้าน ติดสังคม หรือมีอายุน้อยกว่า 75 ปี
- พิจารณา Home Isolation (HI) ได้ กรณีในโรงพยาบาลมีเตียงจำกัด หรือระหว่างรอเตียยงในโรงพยาบาล
- ติดต่อโรงพยาบาลในพื้นที่ หรือ โทร. 1330 เมื่อทราบผลว่าติดเชื้อ หากแพทย์พิจารณาให้เข้ารับการรักษาในถสานพยาบาล ให้ใช้แนวทางเดียวกับกรณีที่ 1
- อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา แยกของใช้ส่วนตัว แยกห้องน้ำจากผู้อื่น ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น
- สังเกตอาการตนเอง โดยการวัดอุณหภูมิและความอิ่มตัวของออกซิเจนทุกวัน หากอาการแย่ลง เช่น หอบเหนื่อย ไข้สูงลอย ให้รีบติดต่อโรงพยาบาล
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504938917791104

หากติดเชื้อโควิด ต้องกักตัวอยู่บ้าน (Home Isolation)
ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ถึงจะปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อเพิ่ม
ที่มา : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504866701131659

จากกรณีที่มีกระแสข่าวอ้างการถอดการรักษาโควิด-19 ออกจาก UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) หรือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ทำให้เกิดการเข้าใจผิด ว่า หากติดโควิด-19 แล้วต้องจ่ายค่ารักษาเองนั้น โดย กระทรวงสาธารณสุข มีแผนปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาเป็นการรักษาตามสิทธิการรักษาพยาบาลของแต่ละคนนั้น ขอยืนยันว่า ประชาชนยังได้รับการรักษาเหมือนเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังสามารถไปรับบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้ หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ขอประชาชนอย่ากังวลเรื่องการรักษา ย้ำ การถอนโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤติ ไม่ได้หมายความว่า “หมดสิทธิรักษาฟรี” โดยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ นั้นสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนพ้นวิกฤติ ได้ตามปกติ แต่ยูเซปจะดูแลเรื่องผู้ป่วยวิกฤติจริงๆ เพื่อรองรับเตียงให้กับกลุ่มดังกล่าว โดยปัจจุบันมีเตียงรองรับกว่า 30,000 เตียง และมีเตียงสำหรับผู้ป่วยมีอาการน้อย 1.3 แสนเตียง ซึ่งจะสามารถขยายเตียงไปให้ผู้วิกฤติได้เพิ่มเติม
โดยปัจจุบันคนไทยมีสิทธิ์รักษาพยาบาล ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และสิทธิ์การรักษาของข้าราชการ แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 เป็นเวลา 2 ปี จึงมีการประกาศให้ใช้ ยูเซป เพื่อดูแลคนไข้ แต่ปัจจุบันพบว่า โอมิครอน มีอาการน้อย และประชาชนนิยมเดินทางไปรักษาตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ทำให้ผู้ป่วยโรคอื่นๆ เดินทางไปรักษาไม่ได้ ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรปรับโรคโควิด ให้ไปรักษาตามสิทธิ์ที่มีอยู่ตามสิทธิ์การรักษา
ส่วน Home Isolation (HI) หากเป็นผู้ป่วยระบบไหนจะเข้าสู่ระบบ HI ของระบบนั้น โดยบัตรทอง สามารถโทร 1330, สิทธิ์ประกันสังคม โทร 1506, สิทธิ์เบิกจ่ายตรง โทร 02-270-6400, ต่างด้าว โทร 02-590-1578 แต่หากอยู่ในอาการวิกฤติ สามารถใช้กรณีวิกฤติ โทร 1669 และรักษาพยาบาลได้ทุกแห่ง
ทั้งนี้ยืนยันว่ายังคงรักษาฟรีตามสิทธิ์ แต่หากไปรักษานอกเครือข่าย เช่น โรงพยาบาลเอกชน หากอาการไม่วิกฤติ ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง
และในช่วงเปลี่ยนผ่านการรักษายังขอประชาชนดำเนินการตาม VUCA คือฉีดวัคซีน ป้องกันตนเองตลอดเวลา Covid Free Setting และตรวจ ATK เมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ รวมถึงให้ตรวจสอบสิทธิ์รักษาพยาบาลของตนเอง พร้อมทั้งยังให้สถานพยาบาลอธิบายกับผู้ป่วยเรื่องไปรักษาตามโรงพยาบาลเครือข่ายเช่นกัน
https://web.facebook.com/PMOCNEWS/posts/261271772853695

กรมอนามัย แนะ “วันมาฆบูชา” ศาสนสถาน คุมเข้ม COVID Free Setting
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในวันมาฆบูชาคาดว่าจะมีประชาชนเข้าวัดทำบุญ เวียนเทียน เป็นจำนวนมาก ได้ขอความร่วมมือศาสนสถานต่าง ๆ ประเมินตนเอง ผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2 Plus ด้วยหลัก COVID Free Setting ประกอบด้วย มาตรการ 3 ด้าน คือ
1. มาตรการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (COVID Free Environment)
2. มาตรการสำหรับผู้นำทางศาสนา ผู้ประกอบพิธีกรรม และเจ้าหน้าที่ (COVID Free Personnel)
3. มาตรการสำหรับผู้มาเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา (COVID Free Customer)
สำหรับการจัดงานวันมาฆบูชา ต้องมีจุดคัดกรองผู้เข้ามาใช้บริการ กำหนดระยะห่างระหว่างบุคคล กลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก คนท้อง ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำบุญที่วัด ให้ทำบุญผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น ทำบุญผ่าน QR Code (e-Donation) และเปลี่ยนเป็นการเวียนเทียนออนไลน์แทน ก็เป็นการสั่งสมบุญ สร้างความสุขทางใจได้เช่นเดียวกัน
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/310152857813725

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504907807794215

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 15 ก.พ. 2565)
รวม 120,520,771 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 303,584 โดส
เข็มที่ 1 : 52,842 ราย
เข็มที่ 2 : 44,312 ราย
เข็มที่ 3 : 206,430 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 52,876,077 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 49,300,254 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 18,344,440 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504903774461285

กทม. เตรียมเปิดศูนย์พักคอยเพิ่ม เพื่อส่งต่อหากมีผู้ป่วยครองเตียงมากกว่า ร้อยละ 80
หากพบว่าตนเองติดเชื้อ แจ้งสายด่วน สปสช.โทร.1330 กด 14 และศูนย์ EOC ของ 50 สำนักงานเขต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ กทม. ได้รายงานการเตรียมพร้อมสถานพยาบาลเพื่อผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากมีแนวโน้มผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้ 50 เขตพิจารณาเปิดศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเพิ่มเติม ในกรณีที่ศูนย์พักคอยฯซึ่งเปิดดำเนินการอยู่แล้วมีจำนวนผู้ป่วยครองเตียงมากกว่า ร้อยละ 80 และให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบช่องทางการติดต่อ หากพบว่าตนเองติดเชื้อ โดยสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน สปสช.1330 กด 14 และศูนย์ EOC ของ 50 สำนักงานเขต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้แก่สถานบริการที่แจ้งความประสงค์ปรับรูปแบบร้านเป็นร้านอาหารและได้รับอนุญาตแล้ว จำนวน 483 แห่ง ให้เข้ารับการประเมินมาตรฐาน Thai Stop Covid 2 Plus เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนหรือผู้มาใช้บริการ
ที่มา : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504859371132392

หลังรับวัคซีน เราติดเชื้อโควิดได้หรือไม่ ???
ที่มา : World Health Organization Thailand
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504861007798895

รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 27 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504908934460769

กระทรวงสาธารณสุข เสนอแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด 19
เข็มที่ 1 และ 2 สำหรับเด็ก
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504863827798613

แนวทางการรักษาผู้สูงอายุติดเชื้อโควิด
1. กรณีผู้สูงอายุเป็นผู้ป่วยติดเตียง
- ให้ผู้สูงอายุที่ติดเชื้อหรือญาติคอยสังเกตอาการผู้สูงอายุ โดยวัดอุณหภูมิ และ oxygen saturation ทุกวัน
- หากมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเหนื่อย วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้วได้ต่ำกว่าค่าปกติ ซึ่งค่าออกซิเจนควรอยู่ระหว่าง 96-100 เปอร์เซ็นต์ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านทันที
- ระหว่างรอส่งสถานพยาบาล ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แยกโซนผู้ป่วยให้ชัดเจน จัดให้อยู่ในสถานที่ระบายอากาศได้ดี เฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง อาทิ เหนื่อย หอบ
- กรณีมีอายุมากกว่า 75 ปี ควรนำส่งสถานพยาบาล
2. กรณีผู้สูงอายุติดบ้าน ติดสังคม หรือมีอายุน้อยกว่า 75 ปี
- พิจารณา Home Isolation (HI) ได้ กรณีในโรงพยาบาลมีเตียงจำกัด หรือระหว่างรอเตียยงในโรงพยาบาล
- ติดต่อโรงพยาบาลในพื้นที่ หรือ โทร. 1330 เมื่อทราบผลว่าติดเชื้อ หากแพทย์พิจารณาให้เข้ารับการรักษาในถสานพยาบาล ให้ใช้แนวทางเดียวกับกรณีที่ 1
- อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา แยกของใช้ส่วนตัว แยกห้องน้ำจากผู้อื่น ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น
- สังเกตอาการตนเอง โดยการวัดอุณหภูมิและความอิ่มตัวของออกซิเจนทุกวัน หากอาการแย่ลง เช่น หอบเหนื่อย ไข้สูงลอย ให้รีบติดต่อโรงพยาบาล
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504938917791104

หากติดเชื้อโควิด ต้องกักตัวอยู่บ้าน (Home Isolation)
ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ถึงจะปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อเพิ่ม
ที่มา : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/504866701131659

จากกรณีที่มีกระแสข่าวอ้างการถอดการรักษาโควิด-19 ออกจาก UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) หรือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ทำให้เกิดการเข้าใจผิด ว่า หากติดโควิด-19 แล้วต้องจ่ายค่ารักษาเองนั้น โดย กระทรวงสาธารณสุข มีแผนปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาเป็นการรักษาตามสิทธิการรักษาพยาบาลของแต่ละคนนั้น ขอยืนยันว่า ประชาชนยังได้รับการรักษาเหมือนเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังสามารถไปรับบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้ หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ขอประชาชนอย่ากังวลเรื่องการรักษา ย้ำ การถอนโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤติ ไม่ได้หมายความว่า “หมดสิทธิรักษาฟรี” โดยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ นั้นสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนพ้นวิกฤติ ได้ตามปกติ แต่ยูเซปจะดูแลเรื่องผู้ป่วยวิกฤติจริงๆ เพื่อรองรับเตียงให้กับกลุ่มดังกล่าว โดยปัจจุบันมีเตียงรองรับกว่า 30,000 เตียง และมีเตียงสำหรับผู้ป่วยมีอาการน้อย 1.3 แสนเตียง ซึ่งจะสามารถขยายเตียงไปให้ผู้วิกฤติได้เพิ่มเติม
โดยปัจจุบันคนไทยมีสิทธิ์รักษาพยาบาล ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และสิทธิ์การรักษาของข้าราชการ แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 เป็นเวลา 2 ปี จึงมีการประกาศให้ใช้ ยูเซป เพื่อดูแลคนไข้ แต่ปัจจุบันพบว่า โอมิครอน มีอาการน้อย และประชาชนนิยมเดินทางไปรักษาตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ทำให้ผู้ป่วยโรคอื่นๆ เดินทางไปรักษาไม่ได้ ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรปรับโรคโควิด ให้ไปรักษาตามสิทธิ์ที่มีอยู่ตามสิทธิ์การรักษา
ส่วน Home Isolation (HI) หากเป็นผู้ป่วยระบบไหนจะเข้าสู่ระบบ HI ของระบบนั้น โดยบัตรทอง สามารถโทร 1330, สิทธิ์ประกันสังคม โทร 1506, สิทธิ์เบิกจ่ายตรง โทร 02-270-6400, ต่างด้าว โทร 02-590-1578 แต่หากอยู่ในอาการวิกฤติ สามารถใช้กรณีวิกฤติ โทร 1669 และรักษาพยาบาลได้ทุกแห่ง
ทั้งนี้ยืนยันว่ายังคงรักษาฟรีตามสิทธิ์ แต่หากไปรักษานอกเครือข่าย เช่น โรงพยาบาลเอกชน หากอาการไม่วิกฤติ ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง
และในช่วงเปลี่ยนผ่านการรักษายังขอประชาชนดำเนินการตาม VUCA คือฉีดวัคซีน ป้องกันตนเองตลอดเวลา Covid Free Setting และตรวจ ATK เมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ รวมถึงให้ตรวจสอบสิทธิ์รักษาพยาบาลของตนเอง พร้อมทั้งยังให้สถานพยาบาลอธิบายกับผู้ป่วยเรื่องไปรักษาตามโรงพยาบาลเครือข่ายเช่นกัน
https://web.facebook.com/PMOCNEWS/posts/261271772853695

กรมอนามัย แนะ “วันมาฆบูชา” ศาสนสถาน คุมเข้ม COVID Free Setting
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในวันมาฆบูชาคาดว่าจะมีประชาชนเข้าวัดทำบุญ เวียนเทียน เป็นจำนวนมาก ได้ขอความร่วมมือศาสนสถานต่าง ๆ ประเมินตนเอง ผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2 Plus ด้วยหลัก COVID Free Setting ประกอบด้วย มาตรการ 3 ด้าน คือ
1. มาตรการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (COVID Free Environment)
2. มาตรการสำหรับผู้นำทางศาสนา ผู้ประกอบพิธีกรรม และเจ้าหน้าที่ (COVID Free Personnel)
3. มาตรการสำหรับผู้มาเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา (COVID Free Customer)
สำหรับการจัดงานวันมาฆบูชา ต้องมีจุดคัดกรองผู้เข้ามาใช้บริการ กำหนดระยะห่างระหว่างบุคคล กลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก คนท้อง ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำบุญที่วัด ให้ทำบุญผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น ทำบุญผ่าน QR Code (e-Donation) และเปลี่ยนเป็นการเวียนเทียนออนไลน์แทน ก็เป็นการสั่งสมบุญ สร้างความสุขทางใจได้เช่นเดียวกัน
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/310152857813725
แสดงความคิดเห็น
💚มาลาริน🇹🇭16ก.พ.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย16,462คน หายป่วย10,868คน ตาย27คน/โควิด77จว./โควิดBA.2 คาดสิ้น ก.พ.การระบาดลดลง
https://www.sanook.com/news/8518774/
https://www.thairath.co.th/news/politic/2317417
https://www.bangkokbiznews.com/news/988613
หัวหน้าศูนย์จีโนม คาดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นช่วงนี้ มาจาก "โอมิครอน" สายพันธุ์ BA.2 แต่น่าจะลดลงในปลาย ก.พ.นี้ ส่วนเดลตาครอนที่อังกฤษ ได้ชิ้นส่วนไม่รุนแรงจากเดลตา และหลบวัคซีนเหมือนโอมิครอน จึงยังไม่พบก่อโรครุนแรง
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล เปิดเผยว่า ศูนย์จีโนมฯ ได้ถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งตัวจากสิ่งส่งตรวจพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ช่วง ม.ค.-ก.พ.65 จำนวน 192 ตัวอย่าง พบเป็นโอมิครอน BA.1 จำนวน 169 รายหรือ 88% BA.1.1 จำนวน 5 ราย หรือ 5% โอมิครอน BA.2 จำนวน 2 รายหรือ 1.05% เดลตา AY 85 จำนวน 14 รายหรือ 7.3% อัลฟาจำนวน 2 ราย หรือ 1.04% แต่หากเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำยังพบเป็นเดลตาเกือบ 100% ขณะที่ฐานข้อมูลกลางโควิดโลกหรือ GISIAD ช่วง 40 วันที่ผ่านมาที่สถาบันการแพทย์ทั้งรัฐและเอกชนในประเทศไทยถอดรหัสพันธุกรรมและอัปโหลดเข้าไป พบเป็นโอมิครอน BA.1.1 จำนวน 60% ขณะที่ BA.1 หรือตัวแม่เดิมลดลงเหลือ 19% BA.2 จำนวน 2% เดลตา AY85 จำนวน 14 % ทั้งนี้ BA.1.1 เป็นการแตกกิ่งก้านจากสายพันธ์ุหลัก BA.1 เล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีผลก่อให้เกิดอะไรมากขึ้น
ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า โอมิครอน BA.2 ในไทยขณะนี้น่าจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลที่ติดตามพบคุณสมบัติ BA.2 มีการกลายพันธ์ุมากที่สุด จึงส่งผลต่อการแพร่ระบาดหรือการติดเชื้อได้ไวที่สุด แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงของโรคหรือเสียชีวิตต่างจากโอมิครอนหลัก ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยผู้ป่วย 1 คนจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นหรือค่า R-0 สายพันธ์ุอู่ฮั่นอยู่ที่ 2.5 เดลตา 6.5-8 โอมิครอน BA.1 อยู่ที่ 8-15 แต่ BA.2 น่าจะเทียบเคียงหัดอาจจะถึง 18 เพราะไวมาก แต่การติดเชื้อไวในระยะหลังจะเห็นว่าไม่ได้แปรไปตามความรุนแรง
ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นโอมิครอนมากที่สุดขณะนี้คือ เดนมาร์ก ตามด้วยอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ส่วนแอฟริกาใต้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงไปมาก ส่วนอัตราเสียชีวิตจากโอมิครอนก็ต่ำกว่าเดลตา อัลฟาอย่างมาก ส่วนประเทศไทย โอมิครอนเข้ามาประมาณ ก.พ.ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเป็น BA.1 แต่อัตราผู้เสียชีวิตน้อยมาก เพราะมีการฉีดวัคซีนมาก รวมถึงมีอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เข้าไปค้นหาช่วยเหลือผู้ป่วยเชิงรุก แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นขณะนี้ มาจาก BA.2 ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น คาดว่าไม่เกินครึ่งเดือนหรือประมาณปลาย ก.พ.ตัวเลขน่าจะลง เทียบเคียงจากประเทศอื่นๆ ที่มีสถานการณ์ระบาดมาก่อน
ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเดลตาครอน ลูกผสมระหว่างโอมิครอนและเดลตา ในอังกฤษได้ประกาศเป็นเอกสารยืนยันว่าพบเดลตาครอนที่ให้จับตา ไม่มีการระบุจำนวนชัดเจน แต่น่าจะพบมากกว่า 1 ราย แต่ยังไม่พบความรุนแรงในการก่อโรค หรือหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้มากกว่าโอมิครอน เนื่องจากลูกผสมเดลตาครอนตัวนี้เป็นการนำชิ้นส่วน ยีน ORF1ab จากเดลตา ที่ไม่ได้ก่อความรุนแรงโรค ขณะที่จีโนมส่วนอื่นเช่นส่วนที่สร้างหนามแหลม (ยีน S) และส่วนที่สร้างอนุภาคไวรัสส่วนอื่นๆ เช่น ยีน N ได้มาจากโอมิครอน BA.1 ดังนั้น คุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันก็ไม่แตกต่างจากโอมิครอน จึงยังไม่พบอาการทางคลินิกที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงโรคมากขึ้น ส่วนไทยก็ยังไม่พบเดลตาครอน ทั้งนี้ เดลตาครอนที่พบในอังกฤษไม่รุนแรง แต่หากเป็นที่อื่นซึ่งอนาคตจะพบหรือไม่ยังตอบไม่ได้ว่าจะรุนแรงหรือไม่
https://mgronline.com/qol/detail/9650000015891