ยอดสูงต่อเนื่อง โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 14,900 ราย เสียชีวิตอีก 26 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3182631
ยอดสูงต่อเนื่อง โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 14,900 ราย เสียชีวิตอีก 26 ราย
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 14,900 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 14,708 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 192 ราย ผู้ป่วยสะสม 384,792 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 9,810 ราย หายป่วยสะสม 287,338 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 129,933 ราย เสียชีวิต 26 ราย
ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจากผลแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) อีก 7,687ราย อาการหนักใช้ท่อช่วยหายใจ 138 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 687 ราย
อจ.นิติศาสตร์ จุฬาฯ ยกรัฐธรรมนูญอธิบาย ชี้หากปรับสถานะโควิด รบ.ต้องยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3182463
อจ.นิติศาสตร์ จุฬาฯ ยกรัฐธรรมนูญอธิบาย ชี้หากปรับสถานะโควิด รบ.ต้องยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์
ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยถึงข้อสังเกตในประเด็นทางกฎหมายว่าด้วย “โควิด-19” กับการปรับเปลี่ยนเป็น “โรคประจำถิ่น” ว่า
ติดตามข่าวมาหลายวันแล้ว ได้ยินว่าจะมีการประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้โควิด-19 เป็น “โรคประจำถิ่น” ในอีกไม่ช้า ซึ่งในความเห็นของผมนั้นควรทำความเข้าใจและมีข้อสังเกตเบื้องต้นในประเด็นทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างน้อย ดังนี้
ผศ.ดร.
พรสันต์ระบุว่า
1.คำว่า “โรคประจำถิ่น” ไม่ใช่ถ้อยคำที่เป็นทางการ โดยใน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จะใช้คำว่า “โรคติดต่ออันตราย” “โรคเฝ้าระวัง” และ “โรคระบาด” ซึ่งปัจจุบันโควิด-19 ถูกจัดอยู่ใน “โรคติดต่ออันตราย” จากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ปี 2563 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข
“2.จากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อเห็นว่าจะมีการประกาศให้โควิด-19 เป็น ‘โรคประจำถิ่น’ โดยอยู่ในฐานะ ‘โรคที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งแน่นอนว่าในทางกฎหมายมีความหมายแตกต่างจาก ‘โรคติดต่อร้ายแรง’ ทั้งนี้ มีความหมายว่าโควิดถูกปรับสถานะให้เป็นโรคที่มีความรุนแรงน้อยลงกว่าเดิม
“3.เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โควิด-19 เป็น ‘โรคติดต่ออันตราย’ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ นั่นหมายความว่า หากจะปรับลดสถานะของโรคให้มีความรุนแรงน้อยลง ก็ย่อมต้องออกประกาศใหม่เพื่อยกเลิกสถานะเดิมและกำหนดสถานะใหม่ให้เป็น ‘โรคที่ต้องเฝ้าระวัง'” ผศ.ดร.พรสันต์กล่าว
ผศ.ดร.พรสันต์กล่าวต่อว่า
4.หากทำการปรับเปลี่ยนตามข้อ 3. ย่อมส่งผลต่อสิทธิตาม ม.47 ของรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิแก่ประชาชนที่จะได้รับการป้องกันและขจัด “โรคติดต่ออันตราย” จากรัฐโดย “ไม่เสียค่าใช้จ่าย”
“5.หากรัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางกฎหมายเกี่ยวกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ผลจากการ ‘ปรับเปลี่ยนสถานะ’ ของโควิด-19 จากเดิมที่เป็น ‘โรคติดต่ออันตราย’ มาเป็น ‘โรคเฝ้าระวัง’ นี้ย่อมมีผลต่อการดำรงอยู่ของสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency) ณ ปัจจุบัน ที่อยู่บนเหตุผลเดิมตั้งแต่ปี 63 ที่ว่าโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายด้วย กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ รัฐบาลต้องประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินนั่นเอง” ผศ.ดร.พรสันต์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10160147269985979
วาเลนไทน์ 65 กุหลาบแพง คนซื้อน้อยลง - โพลชี้ เกือบ 80% มองให้กุหลาบไม่จำเป็นแล้ว
https://ch3plus.com/news/category/278909
ที่ตลาดสดห้วยขวาง กรุงเทพฯ พบว่าร้านดอกไม้หลายร้าน ได้นำดอกกุหลาบหลากสี ทั้งแดง ชมพู ขาว จัดช่อสวยงาม มาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก มีราคาตั้งแต่ 300-3,000 บาท แล้วแต่แบบและจำนวนของดอกไม้
นาง
บุปผา พฤษชาติ อายุ 72 ปี เจ้าของร้านบุปผามาลี ย่านตลาดห้วยขวาง เปิดเผยว่า ราคาดอกไม้ในปีนี้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบนำเข้าสูงกว่าปีที่แล้ว โดยก่อนช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ราคาจะปรับขึ้น 100-150 บาท เช่น กุหลาบสีแดงขนาดใหญ่ตกอยู่ที่ราคาดอกละ 300 บาท และหากนำมาแต่งช่อก็จะราคาสูงถึง 350-3000 บาท แล้วแต่ขนาด และจำนวนของดอกไม้
ปีนี้ ผู้คนมาเดินเลือกซื้อดอกกุหลาบไม่มากนัก เนื่องจากอาจจะปรับเปลี่ยนการมอบของขวัญให้กับคนรักเป็นอย่างอื่นแทนมากกว่าการมอบดอกไม้ แต่ยังมีผู้ที่นิยมในเรื่องของการมอบดอกไม้เป็นของขวัญ แทนความรักให้กันในช่วงวันวาเลนไทน์
นาง
บุปผา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปีนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่คึกคักเท่าที่ควร ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประชาชนจึงใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้น เลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น
ซึ่งตัวพ่อค้าแม่ค้าเอง ก็ไม่กล้าที่จะซื้อดอกไม้มาเยอะ กลัวที่จะขาดทุน เหตุที่ราคาดอกไม้ปีนี้มีราคาแพงที่สุด และมีจำนวนน้อยลง เพราะไม่สามารถนำเข้ามาจากประเทศจีนได้ โดยติดเงื่อนไขของการขนส่ง
ขณะที่ เจ๊
อิม เจ้าของร้านมาเรียมดอกไม้ กล่าวว่า ยอดขายปีนี้น้อยลง ซึ่งตามปกติแล้วช่วงก่อนเทศกาล ในบริเวณตลาดจะมีผู้มาเดินเลือกซื้อดอกไม้จำนวนมาก แต่ปีนี้จะมีเพียงลูกค้าประจำที่สั่งเท่านั้น
ด้านตลาดสดแม่กิมเฮง ต.ในเมือง อ.เมือง ต่างเต็มไปด้วยความคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าได้สั่งดอกกุหลาบ และดอกไม้ชนิดต่างๆ มาเตรียมเอาไว้ขายให้กับลูกค้า พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ในการจัดทำช่อดอกไม้เพื่อรอรับลูกค้าในวันวาเลนไทน์
โดยในปีนี้ราคาของดอกไม้บางชนิดมีราคาปรับขึ้นสูงกว่าเดิม โดยเฉพาะดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่คนนิยมมอบให้กันในช่วงวันวาเลนไทน์
นาง
นันทนา บรรลุการกิจ อายุ 65 ปี เจ้าของร้านจอสดอกไม้ เปิดเผยว่า ราคาดอกไม้ในปีนี้มีราคาแพงมาก โดยเฉพาะกุหลาบ ราคาขายส่งอยู่ที่ 50 ดอก ราคา 700 บาท ทำให้ร้านของตนสั่งกุหลาบมาขายน้อยกว่าปีที่แล้ว ราคาขายดอกกุหลาบหน้าร้าน ก็จะมีราคาดอกละ 20-30 บาท แล้วแต่ขนาด
ซึ่งวาเลนไทน์ในปีนี้ ที่ร้านของตนมีออเดอร์จากลูกค้าสั่งจองดอกไม้เอาไว้พอสมควร สำหรับบรรยากาศของการซื้อดอกไม้ในช่วงก่อนวันวาเลนไทน์ในปีนี้ ค่อนข้างจะเงียบเหงา ลูกค้าที่ซื้อดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ ก็จะเป็นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่
ด้าน ขอนแก่น ย่านการค้าที่สำคัญในการจำหน่ายดอกไม้สด และดอกไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะที่ร้านฉันท์ พบว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ปีนี้ยอดสั่งซื้อดอกกุหลาบนั้นลดน้อยลง และในปีนี้กุหลาบมีน้อย ขาดตลาด ราคาสูงขึ้นเพราะชาวสวนหันไปปลูกอย่างอื่นแทน คาดว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจ
นาง
อุษารัชน์ เฉียบแหลม เจ้าของร้านดอกไม้ฉันท์ กล่าวว่า เตรียมกุหลาบส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เตรียมมากเท่าทุกปี เพราะปีนี้กุหลาบแพง เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ชาวสวนปลูกแล้วไม่ได้ราคา เลยหันไปปลูก ข่า ตะไคร้ กระชายแทน ทำให้ปีนี้กุหลาบเลยขาดตลาด
"ส่วนมากกุหลาบจะสั่งมาจากเชียงใหม่ ทำให้ปีนี้ร้านเลยปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจคนจะมาซื้อดอกกุหลาบแพงค่อนข้างยาก ทางร้านเลยหันมาจัดของกินของใช้ และเงินสดมาจัดแทนช่อกุหลาบ ซึ่งก็พบว่าสินค้าที่ได้รับความนิยมคือช่อดอกไม้ที่ใช้เงินส ดเพราะอย่างน้อยก็ยังได้เงินสดไปไว้ใช้จ่าย ดีกว่าซื้อกุหลาบหรือดอกไม้สดแล้วก็ปล่อยเหี่ยวทิ้ง"
นาง
อุษารัตน์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะเดียวกัน คนที่นิยมดอกไม้สดก็ยังมีอยู่ แต่อาจจะสั่งในราคาไม่สูงมากคนละ 1-2 ดอก หรือช่อละ1,000 บาท เล็กๆ และยอดสั่งจองปีนี้ลดน้อยกว่าปีที่ผ่านๆมาเนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาดอกกุหลาบในปีนี้ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ดอกละ 40 บาท ไปจนถึงดอกละ 200 บาท
ด้าน กรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง 'กุหลาบ ความรัก วันวาเลนไทน์' โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,114 คน พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 79.5 ระบุว่า ปัจจุบันการให้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์นั้นไม่จำเป็นแล้ว เพราะสามารถแสดงความรักด้วยวิธีอื่นได้ ขณะที่ ร้อยละ 20.5 ระบุว่ายังจำเป็นอยู่เพราะกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์
เมื่อถามว่าราคากุหลาบ/ดอกไม้ที่ขยับตัวสูงขึ้นในช่วงวันวาเลนไทน์ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของท่านหรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.7 ระบุว่ามีผลทำให้งดซื้อและหาอย่างอื่นทดแทน รองลงมาร้อยละ 15.5 ระบุว่ามีผลทำให้ซื้อน้อยลงกว่าที่เคย และร้อยละ 12.8 ระบุว่า ไม่มีผลเพราะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วเรื่องราคา
ส่วนประเด็นที่ว่าสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการวางแผนทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ ในวันวาเลนไทน์หรือไม่ นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 51.7 ระบุว่าส่งผล ขณะที่ร้อยละ 48.3 ระบุว่า ไม่ส่งผล
สำหรับรูปแบบการแสดงออกถึงความรักที่อยากเห็นจากคนรักในวันวาเลนไทน์มากที่สุด ร้อยละ 56.7 ระบุว่า ไม่ต้องมีอะไรพิเศษแค่เอาใจใส่กันและมีความซื่อสัตย์ก็พอ รองลงมาร้อยละ 27.0 ระบุว่าได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเช่น กินข้าว ไปเที่ยว และร้อยละ 8.0 ระบุว่า บอกว่า “รักนะ” ก็พอ
ส่วนที่ จ.ตรัง จัดพิธีบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ อดีตเจ้าเมืองตรัง เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2022 ครั้งที่ 25 ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งปีนี้หอการค้าจังหวัดตรัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง เทศบาลนครตรัง ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 65
ซึ่งปีนี้สถานที่ดำน้ำให้คู่บ่าวสาวดิ่งสู่ใต้ท่องทะเลเพื่อรดทรายสังข์และจดทะเบียนสมรส บริเวณหินก้อนเดียวหน้าถ้ำมรกต อำเภอกันตัง จ.ตรัง มีคู่บ่าวสาวร่วมพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2022 จำนวน 14 คู่
ทั้งนี้การบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ในครั้งนี้ ได้มีการตั้งโต๊ะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา ฟ้าดิน และดวงวิญญาณของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มีการนำสิ่งของเซ่นไหว้ นานาชนิด ทั้งของของคาว หวาน ดอกไม้ และทำพิธีพราหมณ์ รวมทั้งการบวงสรวงพวงมาลัยแก่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ซึ่งทางจังหวัดตรัง ได้มีการจัดให้มีการบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ก่อนที่จะเริ่มพิธีวิวาห์สมุทรจะเริ่มขึ้นทุกปี
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/pPM4JDBcIds
JJNY : ติดเชื้อ14,900 เสียชีวิต26│อจ.นิติศาสตร์ชี้หากปรับสถานะโควิด│วาเลนไทน์65 กุหลาบแพง│ยูเครนขอหารือฉุกเฉินรัสเซีย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3182631
ยอดสูงต่อเนื่อง โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 14,900 ราย เสียชีวิตอีก 26 ราย
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 14,900 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 14,708 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 192 ราย ผู้ป่วยสะสม 384,792 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 9,810 ราย หายป่วยสะสม 287,338 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 129,933 ราย เสียชีวิต 26 ราย
ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจากผลแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) อีก 7,687ราย อาการหนักใช้ท่อช่วยหายใจ 138 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 687 ราย
อจ.นิติศาสตร์ จุฬาฯ ยกรัฐธรรมนูญอธิบาย ชี้หากปรับสถานะโควิด รบ.ต้องยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3182463
อจ.นิติศาสตร์ จุฬาฯ ยกรัฐธรรมนูญอธิบาย ชี้หากปรับสถานะโควิด รบ.ต้องยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยถึงข้อสังเกตในประเด็นทางกฎหมายว่าด้วย “โควิด-19” กับการปรับเปลี่ยนเป็น “โรคประจำถิ่น” ว่า
ติดตามข่าวมาหลายวันแล้ว ได้ยินว่าจะมีการประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้โควิด-19 เป็น “โรคประจำถิ่น” ในอีกไม่ช้า ซึ่งในความเห็นของผมนั้นควรทำความเข้าใจและมีข้อสังเกตเบื้องต้นในประเด็นทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างน้อย ดังนี้
ผศ.ดร.พรสันต์ระบุว่า
1.คำว่า “โรคประจำถิ่น” ไม่ใช่ถ้อยคำที่เป็นทางการ โดยใน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จะใช้คำว่า “โรคติดต่ออันตราย” “โรคเฝ้าระวัง” และ “โรคระบาด” ซึ่งปัจจุบันโควิด-19 ถูกจัดอยู่ใน “โรคติดต่ออันตราย” จากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ปี 2563 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข
“2.จากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อเห็นว่าจะมีการประกาศให้โควิด-19 เป็น ‘โรคประจำถิ่น’ โดยอยู่ในฐานะ ‘โรคที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งแน่นอนว่าในทางกฎหมายมีความหมายแตกต่างจาก ‘โรคติดต่อร้ายแรง’ ทั้งนี้ มีความหมายว่าโควิดถูกปรับสถานะให้เป็นโรคที่มีความรุนแรงน้อยลงกว่าเดิม
“3.เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โควิด-19 เป็น ‘โรคติดต่ออันตราย’ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ นั่นหมายความว่า หากจะปรับลดสถานะของโรคให้มีความรุนแรงน้อยลง ก็ย่อมต้องออกประกาศใหม่เพื่อยกเลิกสถานะเดิมและกำหนดสถานะใหม่ให้เป็น ‘โรคที่ต้องเฝ้าระวัง'” ผศ.ดร.พรสันต์กล่าว
ผศ.ดร.พรสันต์กล่าวต่อว่า
4.หากทำการปรับเปลี่ยนตามข้อ 3. ย่อมส่งผลต่อสิทธิตาม ม.47 ของรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิแก่ประชาชนที่จะได้รับการป้องกันและขจัด “โรคติดต่ออันตราย” จากรัฐโดย “ไม่เสียค่าใช้จ่าย”
“5.หากรัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางกฎหมายเกี่ยวกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ผลจากการ ‘ปรับเปลี่ยนสถานะ’ ของโควิด-19 จากเดิมที่เป็น ‘โรคติดต่ออันตราย’ มาเป็น ‘โรคเฝ้าระวัง’ นี้ย่อมมีผลต่อการดำรงอยู่ของสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency) ณ ปัจจุบัน ที่อยู่บนเหตุผลเดิมตั้งแต่ปี 63 ที่ว่าโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายด้วย กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ รัฐบาลต้องประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินนั่นเอง” ผศ.ดร.พรสันต์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10160147269985979
วาเลนไทน์ 65 กุหลาบแพง คนซื้อน้อยลง - โพลชี้ เกือบ 80% มองให้กุหลาบไม่จำเป็นแล้ว
https://ch3plus.com/news/category/278909
ที่ตลาดสดห้วยขวาง กรุงเทพฯ พบว่าร้านดอกไม้หลายร้าน ได้นำดอกกุหลาบหลากสี ทั้งแดง ชมพู ขาว จัดช่อสวยงาม มาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก มีราคาตั้งแต่ 300-3,000 บาท แล้วแต่แบบและจำนวนของดอกไม้
นางบุปผา พฤษชาติ อายุ 72 ปี เจ้าของร้านบุปผามาลี ย่านตลาดห้วยขวาง เปิดเผยว่า ราคาดอกไม้ในปีนี้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบนำเข้าสูงกว่าปีที่แล้ว โดยก่อนช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ราคาจะปรับขึ้น 100-150 บาท เช่น กุหลาบสีแดงขนาดใหญ่ตกอยู่ที่ราคาดอกละ 300 บาท และหากนำมาแต่งช่อก็จะราคาสูงถึง 350-3000 บาท แล้วแต่ขนาด และจำนวนของดอกไม้
ปีนี้ ผู้คนมาเดินเลือกซื้อดอกกุหลาบไม่มากนัก เนื่องจากอาจจะปรับเปลี่ยนการมอบของขวัญให้กับคนรักเป็นอย่างอื่นแทนมากกว่าการมอบดอกไม้ แต่ยังมีผู้ที่นิยมในเรื่องของการมอบดอกไม้เป็นของขวัญ แทนความรักให้กันในช่วงวันวาเลนไทน์
นางบุปผา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปีนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่คึกคักเท่าที่ควร ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประชาชนจึงใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้น เลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น
ซึ่งตัวพ่อค้าแม่ค้าเอง ก็ไม่กล้าที่จะซื้อดอกไม้มาเยอะ กลัวที่จะขาดทุน เหตุที่ราคาดอกไม้ปีนี้มีราคาแพงที่สุด และมีจำนวนน้อยลง เพราะไม่สามารถนำเข้ามาจากประเทศจีนได้ โดยติดเงื่อนไขของการขนส่ง
ขณะที่ เจ๊อิม เจ้าของร้านมาเรียมดอกไม้ กล่าวว่า ยอดขายปีนี้น้อยลง ซึ่งตามปกติแล้วช่วงก่อนเทศกาล ในบริเวณตลาดจะมีผู้มาเดินเลือกซื้อดอกไม้จำนวนมาก แต่ปีนี้จะมีเพียงลูกค้าประจำที่สั่งเท่านั้น
ด้านตลาดสดแม่กิมเฮง ต.ในเมือง อ.เมือง ต่างเต็มไปด้วยความคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าได้สั่งดอกกุหลาบ และดอกไม้ชนิดต่างๆ มาเตรียมเอาไว้ขายให้กับลูกค้า พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ในการจัดทำช่อดอกไม้เพื่อรอรับลูกค้าในวันวาเลนไทน์
โดยในปีนี้ราคาของดอกไม้บางชนิดมีราคาปรับขึ้นสูงกว่าเดิม โดยเฉพาะดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่คนนิยมมอบให้กันในช่วงวันวาเลนไทน์
นางนันทนา บรรลุการกิจ อายุ 65 ปี เจ้าของร้านจอสดอกไม้ เปิดเผยว่า ราคาดอกไม้ในปีนี้มีราคาแพงมาก โดยเฉพาะกุหลาบ ราคาขายส่งอยู่ที่ 50 ดอก ราคา 700 บาท ทำให้ร้านของตนสั่งกุหลาบมาขายน้อยกว่าปีที่แล้ว ราคาขายดอกกุหลาบหน้าร้าน ก็จะมีราคาดอกละ 20-30 บาท แล้วแต่ขนาด
ซึ่งวาเลนไทน์ในปีนี้ ที่ร้านของตนมีออเดอร์จากลูกค้าสั่งจองดอกไม้เอาไว้พอสมควร สำหรับบรรยากาศของการซื้อดอกไม้ในช่วงก่อนวันวาเลนไทน์ในปีนี้ ค่อนข้างจะเงียบเหงา ลูกค้าที่ซื้อดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ ก็จะเป็นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่
ด้าน ขอนแก่น ย่านการค้าที่สำคัญในการจำหน่ายดอกไม้สด และดอกไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะที่ร้านฉันท์ พบว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ปีนี้ยอดสั่งซื้อดอกกุหลาบนั้นลดน้อยลง และในปีนี้กุหลาบมีน้อย ขาดตลาด ราคาสูงขึ้นเพราะชาวสวนหันไปปลูกอย่างอื่นแทน คาดว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจ
นางอุษารัชน์ เฉียบแหลม เจ้าของร้านดอกไม้ฉันท์ กล่าวว่า เตรียมกุหลาบส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เตรียมมากเท่าทุกปี เพราะปีนี้กุหลาบแพง เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ชาวสวนปลูกแล้วไม่ได้ราคา เลยหันไปปลูก ข่า ตะไคร้ กระชายแทน ทำให้ปีนี้กุหลาบเลยขาดตลาด
"ส่วนมากกุหลาบจะสั่งมาจากเชียงใหม่ ทำให้ปีนี้ร้านเลยปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจคนจะมาซื้อดอกกุหลาบแพงค่อนข้างยาก ทางร้านเลยหันมาจัดของกินของใช้ และเงินสดมาจัดแทนช่อกุหลาบ ซึ่งก็พบว่าสินค้าที่ได้รับความนิยมคือช่อดอกไม้ที่ใช้เงินส ดเพราะอย่างน้อยก็ยังได้เงินสดไปไว้ใช้จ่าย ดีกว่าซื้อกุหลาบหรือดอกไม้สดแล้วก็ปล่อยเหี่ยวทิ้ง"
นางอุษารัตน์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะเดียวกัน คนที่นิยมดอกไม้สดก็ยังมีอยู่ แต่อาจจะสั่งในราคาไม่สูงมากคนละ 1-2 ดอก หรือช่อละ1,000 บาท เล็กๆ และยอดสั่งจองปีนี้ลดน้อยกว่าปีที่ผ่านๆมาเนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาดอกกุหลาบในปีนี้ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ดอกละ 40 บาท ไปจนถึงดอกละ 200 บาท
ด้าน กรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง 'กุหลาบ ความรัก วันวาเลนไทน์' โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,114 คน พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 79.5 ระบุว่า ปัจจุบันการให้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์นั้นไม่จำเป็นแล้ว เพราะสามารถแสดงความรักด้วยวิธีอื่นได้ ขณะที่ ร้อยละ 20.5 ระบุว่ายังจำเป็นอยู่เพราะกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์
เมื่อถามว่าราคากุหลาบ/ดอกไม้ที่ขยับตัวสูงขึ้นในช่วงวันวาเลนไทน์ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของท่านหรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.7 ระบุว่ามีผลทำให้งดซื้อและหาอย่างอื่นทดแทน รองลงมาร้อยละ 15.5 ระบุว่ามีผลทำให้ซื้อน้อยลงกว่าที่เคย และร้อยละ 12.8 ระบุว่า ไม่มีผลเพราะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วเรื่องราคา
ส่วนประเด็นที่ว่าสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการวางแผนทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ ในวันวาเลนไทน์หรือไม่ นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 51.7 ระบุว่าส่งผล ขณะที่ร้อยละ 48.3 ระบุว่า ไม่ส่งผล
สำหรับรูปแบบการแสดงออกถึงความรักที่อยากเห็นจากคนรักในวันวาเลนไทน์มากที่สุด ร้อยละ 56.7 ระบุว่า ไม่ต้องมีอะไรพิเศษแค่เอาใจใส่กันและมีความซื่อสัตย์ก็พอ รองลงมาร้อยละ 27.0 ระบุว่าได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเช่น กินข้าว ไปเที่ยว และร้อยละ 8.0 ระบุว่า บอกว่า “รักนะ” ก็พอ
ส่วนที่ จ.ตรัง จัดพิธีบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ อดีตเจ้าเมืองตรัง เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2022 ครั้งที่ 25 ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งปีนี้หอการค้าจังหวัดตรัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง เทศบาลนครตรัง ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 65
ซึ่งปีนี้สถานที่ดำน้ำให้คู่บ่าวสาวดิ่งสู่ใต้ท่องทะเลเพื่อรดทรายสังข์และจดทะเบียนสมรส บริเวณหินก้อนเดียวหน้าถ้ำมรกต อำเภอกันตัง จ.ตรัง มีคู่บ่าวสาวร่วมพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2022 จำนวน 14 คู่
ทั้งนี้การบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ในครั้งนี้ ได้มีการตั้งโต๊ะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา ฟ้าดิน และดวงวิญญาณของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มีการนำสิ่งของเซ่นไหว้ นานาชนิด ทั้งของของคาว หวาน ดอกไม้ และทำพิธีพราหมณ์ รวมทั้งการบวงสรวงพวงมาลัยแก่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ซึ่งทางจังหวัดตรัง ได้มีการจัดให้มีการบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ก่อนที่จะเริ่มพิธีวิวาห์สมุทรจะเริ่มขึ้นทุกปี
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/pPM4JDBcIds