ชีวิตผมเปลี่ยนไปเมื่อมาเรียน ปวช. ขอบคุณอาชีวะที่สร้างชีวิตผม ที่ให้ผมมีจนถึงทุกวันนี้

วันนี้ผมไม่ได้มาถามไถ่อะไรเพื่อนๆ หรอกครับ เพียงแต่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ประสบพบเจอสมัยเรียนมา เพื่อจะเป็นไกด์ไลน์ให้น้องๆหลายคนที่กำลังจะจบ ม.3 อยากต่อ ปวช. ก็ดูกระทู้นี้ไว้เป็นอีกหนึ่งไกด์ไลน์นะครับ

ในที่นี้จะเกริ่นกล่าวถึงชีวิตวัยมัธยมต้นก่อนนะครับ ผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างที่จะอ่อนแอมากๆ จึงมักจะโดนเพื่อนๆบูลลี่ทุกวัน เพื่อนแกล้งตลอด ถูกกีดกันไม่มีคู่อะไรทำนองนี้ ตอนนั้นผมเองก็ท้อเหมือนกันนะครับที่เรียนในทางนี้ และเท่าๆที่ดูเหมือนสังคมมัธยมนั้นเป็นสังคมที่ค่อนข้างจะอยู่แบบกลุ่มใครกลุ่มมัน อาจจะเพราะคนเยอะ หรือผมคิดไปเองนี่แหละ ตอนผมเรียนมัธยมผลการเรียนผมตกต่ำมากๆ เรียกได้ว่าที่โหล่ ที่ 0 ของห้องเลยล่ะครับ เอาง่ายๆคือ ไปต่อ ร.ร. มัธยมที่ไหนเขาก็ไม่เอาแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ แต่สิ่งที่ผมมีหัวอยู่ทางด้านหนึ่งนั่นก็คือ "คอมพิวเตอร์" และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้

ก่อนจบ ม.3 มีคนมาแนะนำว่า วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง (ที่ๆผมอยู่เป็นชนบท) ประกาศรับสมัครนักศึกษา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และผมดูปรากฎว่ามีสาขา "คอมพิวเตอร์ธุรกิจ" ด้วย จึงทำให้ผมตัดสินใจ ลงสมัครเข้าสาขาดังกล่าวอย่างไม่ลังเลเลย โดยไม่สนใจครูอาจารย์ และเพื่อนๆที่ทักท้วงว่า มุงจะไปอยู่ไหวหรอ เพราะทั้งห้องเลือกที่จะต่อ ม.4 หมด มีแค่ผม และเพื่อนอีก ห้าคน ที่เลือกจะไปเรียนต่อที่วิทยาลัยฯอาชีวะแห่งนี้ ผมเองก็หวั่นใจอยู่นะ เราเป็นใครก็ไม่รู้ไปต่อในสาขานี้ แถมไม่มีเพื่อนมาจากที่เดียวกันซักคนเลย ตอนนั้นคิดอยู่ในใจ ตัวคนเดียวก็ตัวเดียวว่ะ ลูกผู้ชายจะกลัว x่า อะไร เราไปเรียนไม่ได้ไปฆ่าใครซะหน่อย พอไปค้นข้อมูลในกูเกิ้ลแล้วไปเจออาชีพที่รองรับวุฒิ ปวช. โอ้โห ไม่อยากเชื่อ เป็นอาชีพที่ต้องสอบเข้าและมีความมั่นคง แถมยังเป็นตำแหน่งที่ตรงสายงานเราอีก (น่าจะรู้ว่าอาชีพอะไร ที่เขาสอบยากกันนักกันหนาอ่ะ) เอ้อ ว่าแล้วก็ตัดสินใจไปส่งใบสมัครที่ วิทยาลัยฯ ทันที
ผมขอบอกก่อนนะที่ผมสมัครเข้าสาขาคอม เพราะว่าผมชอบจริงๆ และทุกๆคนก็ควรสมัครด้วยความชอบในสิ่งๆนั้นด้วย ชอบเครื่องยนต์ สมัครช่างยนต์ ชอบซ่อมเครื่องใช้ไฟฟฟ้า สมัครอิเล็ก เป็นต้น อย่าสมัครตามเพื่อน หรือสมัครเพราะเรียน มัธยมไม่ไหว เพราะงั้นจะแย่เอา เพราะการเรียนอาชีวะ ไม่ใช่ขี้ๆนะครับ คุณต้องมีความถนัดและชอบในสาขาที่เรียนด้วย

ผ่านไปจนช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่แสนยาวนาน ถึงวันซื้อชุด ด้วยความที่ผมยังอยู่ในสังคมมัธยมมานาน (สมัยนั้นโซเชี่ยลมีเดียยังไม่บูม) พอมาเจอชุดยูนิฟอร์มของวิลัย คุณพระ มันจะเกินวัยเราไปไหม แต่ว่าชุดแม่มเท่จ๊าบมากๆ มันคือเสื้อเชิตและกางเกงขายาวสีกรมท่า ป๊าดว่ะ พอมาเห็นแบบนี้ทำให้เรารู้สึกดูเหนือกว่าเด็กมัธยมในวัยเดียวกันมาเลย

วันแรกที่ไปวิลัย กลายเป็นเด็กอาชีวะเต็มตัวไปซะแล้ว คนในสาขาวิชาคอม เยอะมากๆ จนล้นแถว พอผมเข้าห้องเรียนคาบแรกคุณครูก็ต่างให้แนะนำตัวเอง พอเราได้ทำความรู้จักเพื่อนๆกันแล้วก็เริ่มเรียนกัน พอเรียนผ่านมาได้ประมาณอาทิตย์ผมรู้สึกว่า การมาเรียนที่วิลัยทุกวันนั้นเป็นการสร้างพลัง + ให้กับผมอย่างมากเลยนะ ทุกวิชามีแต่สิ่งที่ชอบทั้งนั้น ผมตั้งใจเรียนทุกวิชา

สิ่งประหลาด ที่ผมไม่เคยเจอในการเรียนวิลัยก็คือ แต่ละวันเรียนวันละ 2 3 วิชา แต่ละวิชาจากลากยาว เช้าเรียนวิชาหนึ่ง บ่ายเรียนวิชาหนึ่ง จะเป็นประมาณนี้ ตารางเรียนจะไม่เอาหลายวิชามายัดเยียดกันเหมือนพวกมัธยม ดูๆไปก็เหมือนตารางเรียนของต่างประเทศเลยแฮะ และประตูวิทยาลัยในเวลาราชการจะเปิดไว้ตลอด เวลาว่างสามารถไปเที่ยวเล่นได้ แต่พอถึงเวลาเรียนคุณต้องเข้าเรียน ถ้าไม่เข้าก็หักคะแนน  ประมาณว่าให้นักเรียนนักศึกษาทุกคนรับผิดชอบชีวิตตัวเองตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ แบบนี้ก็โกยแนบสิครับ
แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงนั่นก็คือ ไม่มีการบูลลี่เกิดขึ้นเลยยยย ไม่มีจริงๆนะครับ ผมไม่เคยเห็นใครโดนบูลลี่ในวิลัยที่ผมเรียนเลย ล้อชื่อพ่อชื่อแม่ก็ไม่มี แปลกมากๆ เหมือนกับว่าสังคมแบบผู้ใหญ่ จะช่วยปลูกฝังค่านิยมของเพื่อนๆที่เรียนโดยอัตโนมัติ

ผมสาบานได้ชีวิตผมในรั้วโรงเรียนมัธยมต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อมาเรียนวิทยาลัยอาชีวะ พอมาเรียนวิทยาลัยจากเด็กอ่อนแอที่เคยโดนบูลลี่มาตลอด ไม่โดนบูลลี่เลย เพื่อนๆในห้องรักกันสามัคคีกันมากๆแบบที่ผมไม่เคยเห็น อาจมีทะเลาะกันบ้างธรรมดาครับ ในที่สุดผมก็ได้ฉายแสงซะที

เวลาว่างเพื่อนๆก็จะชวนไปเล่นที่หอ หรือ ไปเดินเล่นที่ห้าง เขาชวนผมด้วยนะครับ ต่างจากแต่ก่อนที่ผมจะโดนทิ้งไว้ข้างหลังตลอด แต่ด้วยความที่ผมโดนแกล้งมาเยอะ แรกๆเลยไม่กล้าไปกลัวว่าเพื่อนๆจะเอาผมไปแกล้งข้างนอก หลังๆพอลองไปดู เออว่ะ สนุกจริงๆ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย เราก็ไปเล่นกันตามประสาวัยรุ่น ไม่ได้ไปตีกันเลย สนุกมากๆครับ อยากบอกน้องๆว่า ถ้าเวลาว่างหรือเวลาที่ไม่ใช่เวลาเรียน เช่น ว่าง 2 3 ชม รวด ถ้าเพื่อนชวนไป ไปเถอะครับ ชีวิตวัยรุ่นมีแค่ครั้งเดียว เลือกคบคนดีๆไม่มีเสียหาย มีแต่สนุก แต่อย่าลืมเวลาเรียนและเข้าเรียนให้ครบนะครับ

พอเวลาผ่านไป เพื่อนๆก็ค่อยๆทยอย ล้มหายจากห้องไป โดนไล่ออกบ้างแหละ ลาออกบ้าง อาจจะเพราะไม่มีใจรักในด้านนี้จริงๆ หรือเรียนไม่ไหว จะเหลือก็อยู่ประมาณ 10 กว่าคน ผมคิดว่าหลังจากนั้นมันพอเราปรับตัวได้กับการเรียนอาชีวะ อะไรๆก็ดูเปลี่ยนๆไปหมด เวลาไปเรียนทีไรก็รู้สึกว่าเหมือนไปเรียนกับครอบครัว มีเพื่อนไม่กี่คน เป็น Family คอยช่วยเหลือกัน ดูแลกัน ช่วยเพื่อนทำงาน ไม่ว่าจะงานเดี่ยวงานกลุ่ม ทั้งห้องจะแชร์ไฟล์ให้กัน ช่วยเหลือเพื่อนๆจนทำงานสำเร็จทั้งห้องเสมอ ไม่มีการทิ้งกันเลย ยิ่งฤดูหนาวนี่ยิ่งเท่เชียวครับ บางคนนี่แต่งตัวเป็นผู้บ่าวเกาหลีมาเลย ก็นะใส่กางเกงขายาวแบบนั้นจะใส่เสื้ออะไรก็ดูดีไปหมด

สิ่งที่ผมได้จากการเรียน วิทยาลัยอาชีวะ บอกตรงๆตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองแก่กว่าเด็กมัธยมมากๆ
1. ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้อุทิศเวลาให้กับสิ่งที่ตัวเองชอบเสมอ ไปเรียนจะมีความสุขมากๆ เหมือนได้ไปเรียนกับครอบครัว และวิชาแต่ละวิชาที่ผมได้เรียนแทบทุกวิชา ผมรับประกันได้เลยว่าสามารถเอามาใช้ประโยชน์ในการทำงานได้ ผมเองมีความรู้ด้านคอมมาใช้ทำงานได้ก็จนถึงทุกวันนี้ก็จากเรียนที่นี่แหละครับ 
2. ได้ออกงานเพื่อพัฒนาสังคม การเรียนอาชีวะไม่ใช่การเรียนอยู่ห้องอย่างเดียว แต่จะมีกิจกรรมต่างๆที่ทางวิทยาลัยได้จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือสังคม สาขาผมได้รับมอบหมายให้ไปสอนคอมพิวเตอร์เด็กประถม
3. มีชมรม มีกิจกรรมจิตอาสาไปกวาดวัด กวาดถนน สนุกแน่ๆครับ 
4. ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง เลยดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกัน อย่างที่รู้ๆกันวิทยาลัยไม่ได้มาคอยจ้ำจี้จำไชให้คุณส่งงาน ให้คุณเข้าเรียน มีฝ่ายปกครองไล่เข้าห้องเรียน วิทยาลัยไม่มี คุณต้องรับผิดชอบตัวเองเท่านั้น และการฝึกตัวเองให้มีความรับผิดชอบนี่แหละ จะทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่
5. ไม่ได้เรียนแค่ทักษะอาชีพ แต่เรียนทักษะชีวิตด้วย การไปเรียนวิทยาลัยนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากเพื่อนๆและสังคมมาก ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบ และก็ยังมีวิชาพัฒนาบุคลิกภาพอีก ซึ่งวิชานี้จะสอนเกี่ยวกับวิธีแต่งตัวทำงานให้ดูดี เช่น การเซ็ทผม การเดิน บุคลิกการนั่งหลังตรง การแต่งหน้าให้ดูสวย นอกจากนี้ผมยังได้แนวคิดทำงานพาร์ททามจากเพื่อนๆ และวิทยาลัยของผมก็สนับสนุนให้เด็กทำงานพาร์ททาม โดยให้เด็กที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าแถวสาย ส่งหลักฐานแจ้งความจำนงขอละเว้นการเข้าแถวเป็นกรณีพิเศษ ก็ต้องส่งใบรับรองการทำงานให้วิทยาลัยรับรู้ ก็จะสามารถที่จะเข้าแถวได้น้อยกว่าคนทั่วไป ก็จะสามารถผ่านกิจกรรมได้
6. มีการฝึกงาน ในช่วงปีสุดท้ายก่อนจบ (ปวช.3 ปวส.2) จะมีการฝึกงานเกิดขึ้น ซึ่งนักศึกษาแต่ละคนต้องไปหาที่ฝึกงานด้วยตัวเอง (ต้องมีความรับผิดชอบอีกละ) และก็ต้องเขียนบันทึกฝึกงานส่งอาจารย์ด้วย ช่วงนี้จะเหงาๆหน่อยนะครับ เพราะต้องแยกจากเพื่อน ไม่ได้เรียนที่ห้อง
7. หลังจากนั้นทำโครงการจบ (ภาษามหาลัยเรียกวิทยานิพนธ์) แก้กันบานตะไท เดี๋ยวจะมาพูดให้ฟัง

และแล้วก็มาถึงจุดไคล์แมกซ์ของเรื่องนี้ซะที นั่นก็คือ ก่อนเรียนจบนอกจากนักศึกษาทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกงานแล้ว ยังจะต้องมีการทำโครงการจบ อีกด้วย โครงการจบ ก็คือวิทยานิพนธ์ของมหาลัยนี่แหละ โดยจะให้เลือกเรื่องที่เราอยากจะทำมาหนึ่งเรื่องที่มันเกี่ยวกับโจทย์ที่เขาให้ไว้ เช่น อยากทำเว็บไซต์ขายของ อยากทำวีดีโอโปรโมทวิทยาลัย เขียนโปรแกรม หรือเอาสิ่งที่เรียนมาใช้ทำโครงการ เขาจะให้เราเลือกทำอะไรก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง จากนั้นเราก็เขียนแบบขออนุมัติส่งครู เมื่อได้อนุมัติก็เริ่มลงมือทำ แต่ว่าโปรเจค ชิ้นงานที่ทำไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ปรับเปลี่ยนไม่เท่าไหร่ก็ใช้ได้แล้ว แต่ที่มันยากสุดๆก็คือ รูปเล่มโครงการต่างหากครับ บอกได้เลยว่าเป็นตำนานก่อนจบเลย อยู่วิทยาลัยกันจนมืดค่ำ ขออาจารย์เปิดห้องคอมทำงานจนมืดเพื่อทำรูปเล่มแก้ไขรูปเล่มกันบานตะไท อยู่กันทีวิทยาลัยที 2 3 ทุ่ม พอเสร็จจากวิทยาลัยก็มาค้างกันที่บ้านเพื่อนที่เก่งๆ เพื่อที่จะได้ช่วยกันทำงานโครงการให้แล้วเสร็จ บางคนทำจนถึงเช้าไม่ได้นอน โด๊ป M150 แล้วมาเรียนต่อ 555555+ วิชาโครงการนี้ บอกได้เลยว่าเป็นไฮไลท์สุดๆแล้วของการเรียนที่วิทยาลัยอาชีวะ
จนในที่สุดถึงวันเรียนจบ ต่างคนต่างมีเป้าหมายการทำงานที่แตกต่างกัน แยกย้ายกันไปเติบโต และเส้นทางผมก็ได้ทำงานตามความฝันทีตั้งใจไว้ ผมไปสอบเข้าเพื่อทำงานดังกล่าวตั้งแต่อายุ 18 19 และก็ได้บรรจุทำงานนั้นจริงๆตอนอายุ 21 เศษๆ ในขณะที่เพื่อนๆ ในวัยเดียวกันยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย 

การเข้าเรียนอาชีวะ หรือเรียนวิทยาลัย ก็เหมือนกับการเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่อายุ 15 16 นี่แหละครับ มันเลยปลูกฝังความคิดต่างๆ การเรียนแบบผู้ใหญ่ มันเลยทำให้คุณดูเป็นผู้ใหญ่กว่าคนในวัยเดียวกัน ที่เขาเรียนมัธยมอยู่ เรียนมัธยมจะเป็นเรียนระบบปิด แต่วิทยาลัยจะเป็นระบบเปิด

สุดท้ายนี้ผมก็ขอเป็นกำลังให้น้องๆทุกคนที่กำลังจะหาที่เรียนหลังจบ ม.3 นะครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่