Kaiser Wilhelm II ทำอะไรในเวลาที่เขาสละราชสมบัติ

Wilhelm Hohenzollern หรือที่รู้จักกันในนาม Kaiser Wilhelm II เสียชีวิตในเนเธอร์แลนด์ในปี 1941 เขาสละราชบัลลังก์ในปี 1918 เนื่องจากปัญหาภายในซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทำให้เกิดคำถาม แล้วเขาทำอะไรในช่วงเวลา 21 ปีที่เหลือล่ะ? ทำไมเขาถึงเลือกเนเธอร์แลนด์? 
และมุมมองทางการเมืองของเขาหลังนาซีเข้ามาของประเทศ  

เริ่มจากคำถามแรก ว่าทำไมเขาถึงเลือกประเทศเนเธอร์แลนด์ คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะเขาไม่มีที่อื่นให้ไปแล้ว เพราะในเยอรมนีในปี 1918 ช่วงที่ประเทศแตกเป็นหลายๆฝ่ายทั้งการพยายามปฏิวัติของฝั่งสังคมนิยม การพยายามรัฐประหารของทหาร และประชาชนที่ออกมาประท้วงต่อต้านสงคราม ซึ่ง Wilhelm ลักษณะราชบัลลังก์ที่เมืองสปาในประเทศเบลเยียมซึ่งเขาก็มีทางหนีได้หลายทาง  
มีข้ามพรมแดนไปทางตะวันตกและมอบตัวให้ฝั่งพันธมิตรแน่นอนว่าเขาจะไม่ปฏิบัติกับ Wilhelm อย่างประนีประนอมแน่นอน อีกทางคือหนีกลับเข้าไปในเยอรมนีซึ่งทหารนั้นพยายามทำการปฏิวัติอยู่หรือหนทางสุดท้ายขึ้นเหนือไปยังเนเธอร์แลนด์แล้วหวังว่าเขาจะปฏิบัติกับ Wilhelm อย่างดี  

ซึ่งเขาก็เลือกหนทางสุดท้ายซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ทหารตรวจคนเข้าเมืองที่ยืนเฝ้าป้อมอยู่คนเดียวจะเห็นอดีตจักรพรรดิและพระราชินีขอทำการลี้ภัยเข้าประเทศ และหลังจากงานเอกสารเล็กๆน้อยๆ ทางรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้รับตัวอดีตจักรพรรดิเยอรมันแหนบพระราชินีเข้าประเทศและพวกเขาทั้งสองก็ใช้เวลาเล็กน้อยในเมืองอาเมอรองเงอซึ่งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก ยกเว้นการพยายามลักพาตัวโดยพันเอก Luke Lea ในช่วงต้นของปี 1919 แต่ก็ไม่ได้เป็นไปได้ด้วยดีสักเท่าไหร่ เพราะตัวเขากับทหารสหรัฐกลุ่มหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นทูตและต้องการที่จะคุยกับอดีตจักรพรรดิ แน่นอนว่า Wilhelm บอกว่าไม่จากนั้นก็ปิดประตู เมื่อความพยายามล้มเหลวพวกเขาก็เดินทางกลับ 

ถ้าหากไม่นับเรื่องนี้ Wilhelm ก็ได้ซื้อคฤหาสน์ Huis Doorn ที่เมืองยูเทรกต์โดยไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แน่นอนในช่วงนั้นฝ่ายพันธมิตรได้พยายามกดดันให้ทางการเนเธอร์แลนด์ส่งตัว Wilhelm มาตัดสินโทษแต่ฝั่งรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็ปฏิเสธเพราะเขาเป็นชาติที่ให้อดีตจักรพรรดิลี้ภัยซึ่งเขาก็ไม่อยากจะผิดคำสัญญาแน่นอนว่าพวกเขาก็ผ่านเรื่องนี้ไปได้แต่ไม่นานพระราชินี Augusta ก็เสียชีวิตเขาก็แต่งงานใหม่ไม่นานหลังจากนั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วง 15 ปีแรกตำหนิรัฐบาล Weimar Republic ผู้แทนราษฎรและพวกยิวที่ทำให้เกิดการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ และแน่นอนเขาก็เฝ้ารอวันที่ชาวเยอรมันจะต้อนรับเขากลับขึ้นสู่บัลลังก์อีกครั้ง 

เขาใช้เวลาในช่วงปี 20 ติดต่อติดต่อกับขั้วการเมืองอนุรักษ์นิยมและผู้สนับสนุนระบอบกษัตริย์ซึ่งชื่อพรรคที่คุ้นหูก็คือ พรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมันที่ผู้นำพรรคมีหนวดตลกๆ นั่นเองความสัมพันธ์นั้นก็เป็นไปได้ดีในช่วงต้นปี 30 เพราะพรรคเริ่มได้รับความนิยมและเขาก็ได้พบกับ Hermann Göring ซึ่งได้เสนอแนวทางฟื้นฟูราชบัลลังก์ถึง 2 รอบแต่อย่างที่เรารู้กัน Hitler นั้นไม่ได้สนใจในการแบ่งอำนาจหรือฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจหลังจากเขาได้รับอำนาจเขาก็แบนสัญลักษณ์และกลุ่มของระบอบกษัตริย์ทั้งหมด  

ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่า Wilhelm จะไม่มีทางได้ราชบัลลังก์คืนและความเกลียดชังที่มีต่อ Hitler ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกทั้ง Hitler ได้ป่าวประกาศว่าระบบกษัตริย์ทำให้ประเทศเยอรมนีต้องถูกเหยียดหยามแต่ก็ไม่ใช่เพราะการประกาศสงครามของ Wilhelm แต่เป็นเพราะการที่ Wilhelm ไม่ยอมสู้จนหลังชนฝา  

แน่นอนในปี 1940 ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ถูกรุกรานโดยกองทัพเยอรมันโดยพวกเขาถูกกองทัพเนเธอร์แลนด์ทอดทิ้งแน่นอนว่า Winston Churchill ได้เสนอให้ Wilhelm ได้ลี้ภัยไปยังประเทศอังกฤษซึ่งเขาก็ได้ปฏิเสธและเลือกที่จะอยู่บ้านของเขาและยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเขายังส่งโทรเลขแสดงความยินดีแก่ฮิตเลอร์จากการยึดฝรั่งเศสได้ซึ่งถือเป็นการล้างแค้นจากปี 1918  

เขาเสียชีวิตในปี 1941 และ Hitler ก็ได้มีการเตรียมการพระราชพิธีพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติแด่จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นที่เบอร์ลินโดย Hitler จะเป็นผู้สืบราชสมบัติและเป็นราชวงศ์ถัดไปของเยอรมนี แต่แผนนี้ก็ต้องพับไปเพราะคำสั่งเสียของ Wilhelm ทิ้งท้ายไว้ว่าจะไม่มีการฝังศพเขาในประเทศเยอรมนีจนกระทั่งระบอบกษัตริย์ในประเทศเยอรมนีจะกลับมาอีกครั้ง ก็เป็นที่น่าสนใจเพราะนาซีได้เคารพการตัดสินใจของเขาและได้จัดพระราชพิธีพระบรมศพที่บ้านของเขา 

แปลบทสัมภาษณ์ของ Wilhelm Hohenzollern เกี่ยวกับความเห็นที่มีต่อนาซีเยอรมันอย่างสั้นๆ  

“There's a man alone, without family, without children, without God ... He builds legions, but he doesn't build a nation. A nation is created by families, a religion, traditions: it is made up out of the hearts of mothers, the wisdom of fathers, the joy and the exuberance of children ... For a few months I was inclined to believe in National Socialism. I thought of it as a necessary fever. And I was gratified to see that there were, associated with it for a time, some of the wisest and most outstanding Germans. But these, one by one, he has got rid of or even killed ... He has left nothing but a bunch of shirted gangsters! This man could bring home victories to our people each year, without bringing them either glory or danger. But of our Germany, which was a nation of poets and musicians, of artists and soldiers, he has made a nation of hysterics and hermits, engulfed in a mob and led by a thousand liars or fanatics." ―Wilhelm on Hitler, December 1938. 

มีชายผู้โดดเดี่ยวผู้หนึ่ง ปราศจากครอบครัว ปราศจากบุตรหลานและปราศจากพระเจ้า  เขาได้สร้างกองทัพ แต่เขาไม่ได้สร้างประเทศชาติ ประเทศชาตินั้นสร้างมาจากครอบครัว ศาสนาและวัฒนธรรม หล่อรวมด้วยจิตวิญญาณของแม่ ความรู้จากพ่อ ความสุขและความเจริญงอกงามของลูกหลาน เยอรมนีภายใต้การนำของฮิตเลอร์มันคือรัฐที่ถูกกลืนกิน รัฐที่ดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยชาติ และสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างขึ้นมาไม่ได้มีไว้เพื่อสิ่งนี้  

ชายคนนั้นผู้โดดเดี่ยวที่รวมทุกอย่างของรัฐไว้กับเขาคนเดียว เขาไม่มีพระเจ้าให้ศรัทธาหรือราชวงศ์ให้สืบทอดหรืออดีตไว้ให้นึกถึง ชายผู้นี้สามารถนำชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วนมาฝากประชาชนได้ทุกปีแต่ก็ไม่สามารถนำเกียรติยศกลับมาฝากด้วยได้เลย เพราะเยอรมนีของพวกเราเป็นชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำกลอน บทกวี ศิลปินและวีรบุรุษ ชายผู้นี้เปลี่ยนเยอรมนีเป็นชาติที่ประชาชนเป็นพวกก้าวร้าวและไร้ศรัทธาที่ถูกจูงโดยพวกโป้ปดและวิกลจริตนับพัน 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
พระราชพิธีพระบรมศพของ Kaiser Wilhelm II
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่