
มีคำพูดหนึ่งที่บอกไว้ว่า
"มนุษย์ทุกคนล้วนมีบาดแผล ความบกพร่องและความเจ็บปวด แต่หากเราไม่ยอมรับและเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น เราก็จะไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้"
หมอคิดว่าเราทุกคนล้วนมีบาดแผลในใจจากประสบการณ์ในอดีตตั้งแต่เด็กจนโต เคยผ่านเรื่องราวทั้งดีร้ายสลับกันไป มากบ้างน้อยบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติ
เรื่องที่ดีๆ เราก็อยากจะจดจำมันไว้ แต่เรื่องแย่ๆ ก็ทำให้เราอยากจะลืมไปจากใจ แต่บ่อยๆที่พยายามจะลืม ความทรงจำกลับยิ่งฝังรากลึก
ในอัลบั้มของวงบีทีเอส Map of the Soul: 7 มีเพลงที่หมอชอบเป็นพิเศษ เนื้อเพลงพูดถึงการจัดการกับอดีต เรื่องราวที่ผ่านมาซึ่งอาจจะไม่โอเคนัก จะทำอย่างไรเพื่อที่จะก้าวข้ามมันไป และใช้ชีวิตอยู่ได้
ชื่อเพลงว่า Inner Child ร้องโดย วี หนึ่งในสมาชิกของวง
Inner Child อาจหมายถึง ประสบการณ์ในวันที่เรายังเป็นเด็ก มีทั้งความสุข สดใส ร่าเริงสนุกสนาน แต่พอเด็กน้อยคนหนึ่งค่อยๆ เติบโตขึ้น ชีวิตเริ่มมีปัญหาอุปสรรคที่ต้องเผชิญ อาจเป็นการเรียน การสอบ อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
เรื่องราวในวัยเยาว์ มักผลต่อตัวเราในปัจจุบันไม่มากก็น้อย
แม้ในวันนี้เราจะเป็นอย่างไรก็ตาม ภายในใจก็มีภาพจำที่หวนกลับมาให้คิดถึงอยู่เสมอ
ในเพลงท่อนแรก เนื้อเพลงบอกเอาไว้ว่า
“พวกเราในตอนนั้น(อดีตที่ผ่านมา) เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ดาวบนฟ้าสวยงามพร่างพราย แต่ก็ยากที่จะไขว่คว้า ในเวลานั้น เธออาจจะไม่เชื่อว่าแกแล็คซี่มันมีอยู่จริง”
ประสบการณ์บางอย่างสร้างบาดแผลในใจ จนมีผลต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน บางทีก็ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ทำให้ความหวัง ความฝันที่มี จืดจางไปและไม่ชัดเจน บางครั้งก็เหน็ดจนเกือบจะถอดใจ
เหมือนกับเรื่องราวที่ผ่านมาของ วี (คนที่ร้องเพลงนี้) และเพื่อนๆ ในวงบีทีเอส ก่อนหน้านี้ในอดีต พวกเขาเองก็ผ่านอุปสรรคและฝ่าฟันปัญหาและความเจ็บปวดมามากมาย
“แต่จริงๆ แล้ว ฉันมองเห็นมันนะ แกแล็คซี่นั่นน่ะ ตอนที่วิ่งตามแสงสว่างที่ไม่สิ้นสุด ในตอนนั้นฉันทั้งเจ็บปวดและเหน็ดเหนื่อย
ฉันจำมันได้ดี ในวันที่พระอาทิตย์ส่องแสง ฉันกลับหนาวเหน็บแต่อย่างไรเสียก็ยังคงหายใจอยู่ จนไปเคาะประตูของเธอ
... พวกเราจะต้องเปลี่ยนแปลง (ต้องดีขึ้น)”
เนื้อเพลงในท่อนนี้บอกเราว่า แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อย ล้มลงสักกี่ครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้ผ่านพ้นมาได้และไม่ล้มเลิก ก็คือความเชื่อมั่นในเป้าหมาย และความฝันที่มี ทำให้เกิดความพยายาม มีความหวังและกำลังใจว่าจะต้องดีขึ้น เหมือนที่เราเห็นว่าในที่สุด วีและเพื่อนๆในวงบีทีเอสก็ประสบความสำเร็จ ในวันนี้พวกเขากลายเป็นวงบอยแบนด์ชื่อดังระดับโลก หากพวกเขายอมแพ้และล้มเลิก เราคงไม่ได้เห็นพวกเขาในแบบที่เป็นวันปัจจุบัน
“ฉันหวังเอาไว้ว่า เราคงจะหัวเราะกันได้มากขึ้น
เชื่อฉันสิ ว่ามันจะต้องดีขึ้น เหมือนฉันในตอนนี้ที่สบายดีแล้วไง
เรื่องที่ผ่านมา เป็นขวากหนามแหลมคมที่เธอดิ้นรนฟันฝ่า แต่มันก็เหมือนกับดอกกุหลาบที่กำลังผลิบาน...”
อดีตที่ผ่านมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรเสียก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม
สิ่งเหล่านั้นเป็นกระบวนการหนึ่งของการเจริญเติบโต เหมือนดอกไม้มีผลิบาน หรือเหล็กกล้าที่จะแข็งแกร่งเมื่อผ่านเปลวไฟ ซึ่งทั้งหมดก็ทำให้เราก้าวมาสู่ความเป็นตัวเราในวันนี้
ใครเล่าไม่เคยเจ็บปวด ใครเล่าไม่เคยมีบาดแผล แต่ในที่สุดมันก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว กลายเป็น Inner Child ที่อยู่ภายในใจ แต่ท่ามกลางเรื่องร้ายๆนั้น มันย่อมมีเรื่องราวดีๆ บ้าง
อย่างไรก็ตามยังมีชีวิตข้างหน้าที่รอเราอยู่
ขอเพียงเรายอมรับและอยู่กับ Inner Child ของเราได้ ให้ประสบการณ์ไม่ว่าดีหรือร้ายเป็นบทเรียนให้เราเดินต่อไปข้างหน้า
เราอาจต้องการใครสักคนที่เข้าใจและยอมรับเรา แต่สำคัญที่สุด คนคนนั้นควรต้องเป็นตัวเราเอง
จงยอมรับและเข้าใจในตัวตนที่ผ่านมาจนมาเป็นเราวันนี้ รักตัวเองที่มีทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดได้ เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
บนเส้นทางชีวิตข้างหน้า ที่แน่นอนว่าคงมีทั้งเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา แต่ความเข้าใจตัวตนและรักตัวเองได้ น่าจะทำให้เรามีความหวังและกำลังใจ มีความกล้าหาญและเข้มแข็ง เพียงพอที่จะก้าวข้ามบาดแผลและเดินหน้าต่อไปได้
Cr:
เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
**เพลงนี้ RM และ V มีส่วนร่วมในการแต่ง**
ข้อมูลเพิ่มเติม
แทฮยองบอกว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยได้ยินคําว่า 아릿해 มาก่อนเลย (นัมจุนเขียนเนื้อ Inner Childให้แล้วใช้คํานี้) นัมจุนบอกว่าเป็นคําที่เขาชอบมากๆ แทฮยองบอกว่าต้องไปเปิดพจนานุกรมใน Naver อ่านเลยว่าแปลว่าอะไร นัมจุนบอกว่าดีแล้ว พี่เองก็เปิด Naver เวลาเจอคําที่ไม่รู้เหมือนกันแหละ
ในเพลง Inner Child มีท่อนที่ร้องว่า 아릿해와 그 여름날의 공기 ซึ่ง 아릿해 หมายความว่าความเจ็บจี๊ด แบบเจ็บปวดแปลบๆ ในหัวใจ เป็นคําที่สวยมากจริงๆ
Cr:
Monosonixx

เพลง Inner Child ที่นัมจุนแต่งให้แทฮยอง เพราะโมเมนท์ที่แทฮยองได้เห็นกาแล็กซีชัดๆ ตอนถ่าย BV4 แทฮยองบอกว่าไม่เคยเชื่อเลยว่ากาแล็กซีมีอยู่จริง จนได้เห็นด้วยตาตัวเอง นัมจุนคิดว่าอยากแต่งเพลงให้แท ที่เกี่ยวกับความไร้เดียงสาของแทเอง
"Inner Child by BTS" เพราะเราทุกคนล้วนมีบาดแผล บทวิเคราะห์บทเพลงโดยจิตแพทย์เด็ก
มีคำพูดหนึ่งที่บอกไว้ว่า "มนุษย์ทุกคนล้วนมีบาดแผล ความบกพร่องและความเจ็บปวด แต่หากเราไม่ยอมรับและเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น เราก็จะไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้"
หมอคิดว่าเราทุกคนล้วนมีบาดแผลในใจจากประสบการณ์ในอดีตตั้งแต่เด็กจนโต เคยผ่านเรื่องราวทั้งดีร้ายสลับกันไป มากบ้างน้อยบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติ
เรื่องที่ดีๆ เราก็อยากจะจดจำมันไว้ แต่เรื่องแย่ๆ ก็ทำให้เราอยากจะลืมไปจากใจ แต่บ่อยๆที่พยายามจะลืม ความทรงจำกลับยิ่งฝังรากลึก
ในอัลบั้มของวงบีทีเอส Map of the Soul: 7 มีเพลงที่หมอชอบเป็นพิเศษ เนื้อเพลงพูดถึงการจัดการกับอดีต เรื่องราวที่ผ่านมาซึ่งอาจจะไม่โอเคนัก จะทำอย่างไรเพื่อที่จะก้าวข้ามมันไป และใช้ชีวิตอยู่ได้
ชื่อเพลงว่า Inner Child ร้องโดย วี หนึ่งในสมาชิกของวง
Inner Child อาจหมายถึง ประสบการณ์ในวันที่เรายังเป็นเด็ก มีทั้งความสุข สดใส ร่าเริงสนุกสนาน แต่พอเด็กน้อยคนหนึ่งค่อยๆ เติบโตขึ้น ชีวิตเริ่มมีปัญหาอุปสรรคที่ต้องเผชิญ อาจเป็นการเรียน การสอบ อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
เรื่องราวในวัยเยาว์ มักผลต่อตัวเราในปัจจุบันไม่มากก็น้อย
แม้ในวันนี้เราจะเป็นอย่างไรก็ตาม ภายในใจก็มีภาพจำที่หวนกลับมาให้คิดถึงอยู่เสมอ
ในเพลงท่อนแรก เนื้อเพลงบอกเอาไว้ว่า
“พวกเราในตอนนั้น(อดีตที่ผ่านมา) เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ดาวบนฟ้าสวยงามพร่างพราย แต่ก็ยากที่จะไขว่คว้า ในเวลานั้น เธออาจจะไม่เชื่อว่าแกแล็คซี่มันมีอยู่จริง”
ประสบการณ์บางอย่างสร้างบาดแผลในใจ จนมีผลต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน บางทีก็ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ทำให้ความหวัง ความฝันที่มี จืดจางไปและไม่ชัดเจน บางครั้งก็เหน็ดจนเกือบจะถอดใจ
เหมือนกับเรื่องราวที่ผ่านมาของ วี (คนที่ร้องเพลงนี้) และเพื่อนๆ ในวงบีทีเอส ก่อนหน้านี้ในอดีต พวกเขาเองก็ผ่านอุปสรรคและฝ่าฟันปัญหาและความเจ็บปวดมามากมาย
“แต่จริงๆ แล้ว ฉันมองเห็นมันนะ แกแล็คซี่นั่นน่ะ ตอนที่วิ่งตามแสงสว่างที่ไม่สิ้นสุด ในตอนนั้นฉันทั้งเจ็บปวดและเหน็ดเหนื่อย
ฉันจำมันได้ดี ในวันที่พระอาทิตย์ส่องแสง ฉันกลับหนาวเหน็บแต่อย่างไรเสียก็ยังคงหายใจอยู่ จนไปเคาะประตูของเธอ
... พวกเราจะต้องเปลี่ยนแปลง (ต้องดีขึ้น)”
เนื้อเพลงในท่อนนี้บอกเราว่า แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อย ล้มลงสักกี่ครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้ผ่านพ้นมาได้และไม่ล้มเลิก ก็คือความเชื่อมั่นในเป้าหมาย และความฝันที่มี ทำให้เกิดความพยายาม มีความหวังและกำลังใจว่าจะต้องดีขึ้น เหมือนที่เราเห็นว่าในที่สุด วีและเพื่อนๆในวงบีทีเอสก็ประสบความสำเร็จ ในวันนี้พวกเขากลายเป็นวงบอยแบนด์ชื่อดังระดับโลก หากพวกเขายอมแพ้และล้มเลิก เราคงไม่ได้เห็นพวกเขาในแบบที่เป็นวันปัจจุบัน
“ฉันหวังเอาไว้ว่า เราคงจะหัวเราะกันได้มากขึ้น
เชื่อฉันสิ ว่ามันจะต้องดีขึ้น เหมือนฉันในตอนนี้ที่สบายดีแล้วไง
เรื่องที่ผ่านมา เป็นขวากหนามแหลมคมที่เธอดิ้นรนฟันฝ่า แต่มันก็เหมือนกับดอกกุหลาบที่กำลังผลิบาน...”
อดีตที่ผ่านมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรเสียก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม
สิ่งเหล่านั้นเป็นกระบวนการหนึ่งของการเจริญเติบโต เหมือนดอกไม้มีผลิบาน หรือเหล็กกล้าที่จะแข็งแกร่งเมื่อผ่านเปลวไฟ ซึ่งทั้งหมดก็ทำให้เราก้าวมาสู่ความเป็นตัวเราในวันนี้
ใครเล่าไม่เคยเจ็บปวด ใครเล่าไม่เคยมีบาดแผล แต่ในที่สุดมันก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว กลายเป็น Inner Child ที่อยู่ภายในใจ แต่ท่ามกลางเรื่องร้ายๆนั้น มันย่อมมีเรื่องราวดีๆ บ้าง
อย่างไรก็ตามยังมีชีวิตข้างหน้าที่รอเราอยู่
ขอเพียงเรายอมรับและอยู่กับ Inner Child ของเราได้ ให้ประสบการณ์ไม่ว่าดีหรือร้ายเป็นบทเรียนให้เราเดินต่อไปข้างหน้า
เราอาจต้องการใครสักคนที่เข้าใจและยอมรับเรา แต่สำคัญที่สุด คนคนนั้นควรต้องเป็นตัวเราเอง
จงยอมรับและเข้าใจในตัวตนที่ผ่านมาจนมาเป็นเราวันนี้ รักตัวเองที่มีทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดได้ เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
บนเส้นทางชีวิตข้างหน้า ที่แน่นอนว่าคงมีทั้งเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา แต่ความเข้าใจตัวตนและรักตัวเองได้ น่าจะทำให้เรามีความหวังและกำลังใจ มีความกล้าหาญและเข้มแข็ง เพียงพอที่จะก้าวข้ามบาดแผลและเดินหน้าต่อไปได้
Cr: เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
**เพลงนี้ RM และ V มีส่วนร่วมในการแต่ง**
ข้อมูลเพิ่มเติม
แทฮยองบอกว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยได้ยินคําว่า 아릿해 มาก่อนเลย (นัมจุนเขียนเนื้อ Inner Childให้แล้วใช้คํานี้) นัมจุนบอกว่าเป็นคําที่เขาชอบมากๆ แทฮยองบอกว่าต้องไปเปิดพจนานุกรมใน Naver อ่านเลยว่าแปลว่าอะไร นัมจุนบอกว่าดีแล้ว พี่เองก็เปิด Naver เวลาเจอคําที่ไม่รู้เหมือนกันแหละ
ในเพลง Inner Child มีท่อนที่ร้องว่า 아릿해와 그 여름날의 공기 ซึ่ง 아릿해 หมายความว่าความเจ็บจี๊ด แบบเจ็บปวดแปลบๆ ในหัวใจ เป็นคําที่สวยมากจริงๆ
Cr: Monosonixx
เพลง Inner Child ที่นัมจุนแต่งให้แทฮยอง เพราะโมเมนท์ที่แทฮยองได้เห็นกาแล็กซีชัดๆ ตอนถ่าย BV4 แทฮยองบอกว่าไม่เคยเชื่อเลยว่ากาแล็กซีมีอยู่จริง จนได้เห็นด้วยตาตัวเอง นัมจุนคิดว่าอยากแต่งเพลงให้แท ที่เกี่ยวกับความไร้เดียงสาของแทเอง