สารานุกรมปืนตอนที่ 1180 คลาสสิกสองสี Browning Hi-Power Practical

จอห์น เบรานิงก์ (1855–1926) มีผลงานออกแบบปืนจดสิทธิบัตรไว้ถึง 128 รายการ ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนคือปืนพก 1911 จดทะเบียนในปี ค.ศ. 1908 โดยโคลท์ซื้อสิทธิไปผลิตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน



จอห์น เบรานิงก์ (1855–1926) มีผลงานออกแบบปืนจดสิทธิบัตรไว้ถึง 128 ราย การ ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนคือปืนพก 1911 จดทะเบียนในปี ค.ศ. 1908 โดยโคลท์ซื้อสิทธิไปผลิตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และหลักการที่เบรานิงก์เป็นผู้คิดค้นไว้เมื่อกว่าร้อยปีก่อน ที่ทุกวันนี้มีใช้กันอย่างแพร่หลายในปืนพกทุกยี่ห้อคือระบบขัดกลอนแบบลำกล้องกระดก กับการจุดระเบิดด้วยเข็มพุ่งซึ่งเดิมออกแบบให้ใช้กับปืนกระเป๋า แต่กำลังกลายเป็นมาตร ฐานใหม่ของปืนทหาร ตำรวจ หลังจาก กล็อก นำไปใช้และประสบความสำเร็จอย่างสูง
เบรานิงก์ ไฮเพาเวอร์ ถือกันว่าเป็นผลงานออกแบบชิ้นสุดท้ายของอัจฉริยะแห่งวงการปืนผู้นี้ เป็นโครงการร่วมกับบริษัท FN (Fabrique Nationale) ในเบลเยียม ยื่นขอสิทธิบัตรเมื่อปี ค.ศ.1923 ใช้เวลาเกือบสี่ปี ได้สิทธิคุ้มครองในปี ค.ศ. 1927 หลังเบรานิงก์ถึงแก่กรรมแล้วมีวิศวกรของ FN คือ ดิวดอนเน เซอิฟ (Dieudonne Saive) ที่ทำงานเป็นผู้ช่วยของเบรานิงก์ดำเนินการต่อ จนเริ่มผลิตปืนได้จริงในปี ค.ศ. 1934 ปีถัดมาเข้าประจำการในกองทัพเบลเยียมได้รหัส P35 และขายสู่ตลาดเอกชนในชื่อ Hi-Power ซึ่งเป็นการตัดสั้น จาก high firing power แปลว่าจุกระสุนได้มาก ไม่ได้หมายความว่ายิงแต่ละนัดแรงเป็นพิเศษแต่อย่างใด



อาศัยจุดเด่นคือจุกระสุนถึง 13 นัด มากกว่าปืนร่วมสมัยคือ 1911 เกือบเท่าตัว ทำ ให้ไฮเพาเวอร์ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โรงงานยังผลิตต่อเนื่องถึงปัจจุบัน รวมยอดผลิตนับถึงปี ค.ศ. 2010 กว่าหนึ่งล้านกระบอก และเป็นปืนของหน่วยงานทหาร ตำรวจ กว่าหนึ่งร้อยหน่วยทั่วโลก
ปืน P35 ข้ามทวีปไปทำตลาดในสหรัฐประมาณปี ค.ศ. 1954 ต้องสลักชื่อผู้นำเข้า คือ Browning Arms Company ตามกฎหมายอเมริกัน เพิ่มจากชื่อผู้ผลิตคือ FN โดยรุ่นที่ขายในตลาดเอกชนไม่มีห่วงคล้องสายเชือกที่ด้าม เรียกว่ารุ่น มาร์ค วัน (Mark I) เพื่อให้สอดรับกับ มาร์ค ทู (Mark II) ที่เป็นการปรับแบบในช่วงปลายทศวรรษ 1970 สิ่งที่ปรับแก้คือ เพิ่มห้ามไกด้านขวา, ศูนย์แต้มขาว, ด้ามไนล่อน และคว้านเกลียวหน้ารังเพลิงให้ยิงลูกแรงสูงได้ดีขึ้น ต่อมาในปี ค.ศ. 1988 ปรับอีกครั้ง เป็นรุ่น มาร์ค ทรี (Mark III) ที่ทำต่อมาถึงทุกวันนี้ จุดที่ปรับคือเพิ่มตัวล็อกเข็มแทงชนวนภายใน, เลิกเจาะรูที่ปลายลำเลื่อนด้านหน้าใต้ลำกล้อง และเปลี่ยนจากขัดผิวรมดำเงาไปเป็นเคลือบผิวดำด้าน



ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เป็นรุ่นย่อยของ มาร์ค ทรี เรียกว่า “แพร็คติคอล” (Practical) เริ่มผลิตประมาณปี ค.ศ. 1993 มีลักษณะเฉพาะคือ โครงชุบโครมขาว ตัดกับลำเลื่อนดำในแนว “ทูโทน” (Two-tone), นกสับแบบห่วง, ศูนย์ปรับได้, ด้ามยางหุ้มรอบของแพ็ชไมร์ (Pachmayr), ฐานซองกระสุนติดยาง เพื่อช่วยรับแรงกระแทก เมื่อหล่นกระทบพื้น, นัยว่าเพื่อให้เหมาะกับการใช้แข่งระบบรณยุทธ์
ลักษณะทั่วไปยังเป็นไฮเพาเวอร์ แบบคลาสสิก คือเหล็กล้วนทั้งกระบอก ไกซิงเกิล นกต้องง้างไกจึงจะทำงาน มีระบบตัดสะพานไกเมื่อปลดซองกระสุน ซึ่งช่วยด้านความปลอด ภัย แต่ทำให้ไกค่อน ข้างหนัก ด้ามของไฮเพาเวอร์รุ่นธรรมดา ใช้ประกับบาง แม้จะเป็นปืนสองแถวลูกดกก็จับยิงได้ถนัดด้ามยางเพิ่มความหนาเล็กน้อย ความรู้สึกเหมือนด้ามกลมแต่ ก็ไม่ลื่น โดยรวมเป็นปืนต่อสู้ชั้นดี ทนทาน ทำงานไว้ใจ.

ข้อมูลสรุป


Browning Hi-Power Practical

ขนาดกระสุน 9 มม. พาราฯ (9x19mm.) ความจุ 13+1 นัด

มิติยาวxสูงxหนา : 197x132x36 มิลลิเมตร

ลำกล้องยาว 118 มม.

น้ำหนัก 930 กรัม

แรงเหนี่ยวไก 3,200 กรัม (7 ปอนด์)

วัสดุ เหล็ก, ลำเลื่อนเคลือบ

ดำ, โครงชุบโครมขาว

ลักษณะใช้งาน ต่อสู้ระยะปานกลาง,พกซองนอก

ตัวเลือกอื่น 1911, CZ 75B (ไกดับเบิล)

https://d.dailynews.co.th/article/382164/
.................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช



สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่