จุดโทษลูกนี้ที่โรนัลโด้ R9 ยิง ฟาวล์มั้ยครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ในปี 2009 , โรนัลโด้ บนวัย 33 ปี ตัดสินใจเดินทางกลับ บราซิล เพื่อร่วมสโมสรโครินเธียนส์ ซึ่งในเวลาต่อมา กลายเป็น สถานีลูกหนังแห่งสุดท้ายของเขา
ณ เวลานั้น โรนัลโด้ ไม่ได้เหลือคราบไคล ของการเป็น ยอดนักฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก
เขาลงเล่นแค่ 20 เกมเท่านั้น ในช่วง 18 เดือนสุดท้าย ที่สังกัดอยู่กับ เอซี มิลาน ก่อนย้ายกลับบ้านเกิด
โดยช่วงเวลาที่อยู่ มิลาน เขาถูกตรวจพบว่าเป็น โรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จนน้ำหนักตัวพุ่งสูงขึ้นแบบน่าตกใจ ขณะที่การลงสนามนัดท้ายๆ เขาได้รับบาดเจ็บ ต้องกุมสะบ้าหัวเข่าข้างซ้าย ออกจากสนาม
แม้เขาจะไม่เหลือคราบไคล ของการเป็น นักฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก แต่เขาคือ โรนัลโด้
ในตอนแรก โรนัลโด้ ใช้เวลาฝึกซ้อมฟุตบอล อยู่ที่ ฟลาเมงโก้ สโมสรที่เขาเป็นแฟนคลับตั้งแต่ยังเด็ก และเขาเองก็มีความมั่นใจว่า เขาน่าจะสามารถลงสนามเล่นให้ ฟลาเมงโก้ ได้
แต่เหตุการณ์เปลี่ยนไป เมื่อเขาพบกับ อันเดรียส ซานเชส เจ้าของสโมสรคนใหม่ ของ โครินเธียนส์ (มาแทนกลุ่มทุน MSI) ในงานประกาศรางวัลด้านฟุตบอล ที่ ริโอ เดอ จาเนโร
"ผมพบกับ อันเดรียส ที่งานนั้น เขากำลังก่อรูปสโมสรขึ้นมาใหม่ และเขามี ฮัวคิม กราบา (อดีตแพทย์ทีมชาติบราซิล) เขามองที่เข่าของผม แล้วบอกว่า 'ไปกันเถอะ' ผมถาม 'ไปไหน ?' เขาบอกว่า 'ไปเซ็นสัญญาเข้าทีมผมไง' "
โรนัลโด้ ได้รับเงินค่าแรง จำนวน 4 แสนเรียล (เท่ากับประมาณ 120,000 ยูโร / เดือน)
แน่นอนว่ามันไม่ได้เยอะมากมายอะไร เมื่อเทียบกับเกียรติประวัติ เส้นทางอาชีพที่ผ่านมาของ โรนัลโด้
ทว่าไฮไลท์สำคัญในสัญญาจ้าง คือ โรนัลโด้ จะได้ส่วนแบ่ง 80% จาก สปอนเซอร์ใหม่ ที่เข้ามาหลังจากเขาเข้าร่วมทีม (ไม่ได้พิมพ์ผิด 80% จริงๆ)
วันเปิดตัว มีแฟนบอลโครินเธียนส์ มาต้อนรับเขาที่สำนักงานสโมสร ร่วม 8,000 คน ซึ่งบ่งบอกได้ดีว่า ชื่อเสียงของ โรนัลโด้ ยังคงเป็นอมตะเสมอ
แต่หลังจากนั้น โรนัลโด้ ก็คือ โรนัลโด้ , เขาถูกจับภาพได้ว่า เดินออกจากไนท์คลับ ในตอน 6 โมงเช้า ช่วงเดือนมกราคม และทำให้มีเสียงวิจารณ์ดังขึ้นว่า 'แบบนี้จะไหวรึ'
ส่วน คุณหมอกราบา อดีต แพทย์ทีมชาติบราซิล ที่ถูกสั่งให้ตามประกบเรื่องสุขภาพของ โรนัลโด้ ก็พูดแค่ว่า มันไม่เห็นแปลกตรงไหน โรนัลโด้ ก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ถึงอย่างไร พฤติกรรมทางสังคมของเขา ก็ไม่กระทบกับงานการรักษาของคุณหมออยู่แล้ว
ในเดือนมีนาคม , การแข่งขันระดับชิงแชมป์ 'โกปา โด บราซิล' เริ่มต้นขึ้น และ โรนัลโด้ ได้ลงสนามราวครึ่งชั่วโมง จากบทบาทตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมา
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา โครินเธียนส์ ทำศึกใหญ่กับ พัลไมรัส ในเกมชิงแชมป์ระดับรัฐ ในนาม 'เปาลิสต้า ดาร์บี้' โรนัลโด้ เริ่มจากม้านั่งสำรอง โดยถูกส่งลงไปเล่นขณะเหลือ 28 นาที และทีมโดนนำ 1 ลูก
และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โรนัลโด้ ทำประตูสำคัญตีเสมอ ช่วยให้ทีมไม่แพ้ , การฉลองประตูนี้ ของ โรนัลโด้ ยังเป็นที่น่าจดจำจากการวิ่งไปที่กรงหลังประตู สะใจกับแฟนบอลของสโมสร
ถ้าใครเคยดูฟุตบอลอเมริกาใต้ จะทราบดีว่า เวลามีการทำประตูได้ สื่อที่ทำข่าวภาคสนาม จะกรูกันเข้าไปหา ผู้เล่น และ เก็บภาพ พร้อมกับยิงคำถามสดๆตรงนั้นกันไปเลย
"นี่คือช่วงเวลาที่ผมทำมาทั้งชีวิต ถ้าผมไม่รู้จักวิธีส่งบอลเข้าประตู ผมก็คงไม่เป็นผมอย่างทุกวันนี้หรอกนะ"
นั่นคือสิ่งที่เขาพูดสดๆผ่านสื่อนับสิบ แฟนบอลหลายหมื่น และคนดูอีกเป็นล้านทางหน้าจอ
หลังเกมนั้น เขาก็ยังคงทำประตู และพา โครินเธียนส์ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พบกับ เซา เปาโล เอฟซี ทีมซึ่งเป็นแชมป์ลีกบราซิล 3 ปีหลังสุด
เกมแรก จบลงด้วยชัยชนะของ โครินเธียนส์ 2-1 , แต่ 'นรก' ของจริง อยู่ที่นัดเยือน เมื่อแฟนบอล เซา เปาโล เอฟซี ขว้างปาสิ่งของต่างๆใส่ รถบัสนักเตะ ของ โครินเธียนส์ ไปตลอดทางเข้าสนามแข่งขัน
ท่ามกลางความกดดันถาโถม , โรนัลโด้ ลุกขึ้นมานำน้องๆ ร้องเพลงผ่อนคลายอารมณ์ โดยที่ตัวเขาเองไม่มีทีท่าหวาดเกรงใดๆต่อสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
"ผมเห็นเด็กๆ ก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความหวาดกลัว และผมคิดว่าไม่ดีแน่ ผมจึงเริ่มตะโกนเพลง Nego Drama ออกมา" (จริงๆมันมี ตัว r แต่บทความอ้างอิงต้นทาง ไม่ได้ใส่มา น่าจะเป็นเหตุผลเรื่องที่คำนี้หมายถึง คนผิวสี)
เกมนัดที่สอง ในบ้านของ เซา เปาโล , โรนัลโด้ ทำ 2 ประตู ในช่วงต้นครึ่งหลัง พาทีมชนะ และเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ
ซานโตส คือ ทีมคู่แข่งในนัดชิงฯ ที่มี เนย์มาร์ ในวัย 17 ปี เป็น ดาวเด่น , โครินเธียนส์ นำก่อนจากฟรีคิกนาทีที่ 10
ทว่าไฮไลท์ที่คนพูดถึง มาจากลูกยิงลูกที่ 2 และ 3 โดย โรนัลโด้ โชว์สกิลดูดบอลลงพื้นแบบนุ่มนวล และยิงสวนนายทวาร ซานโตส เข้าประตู
กับอีกหนึ่งลูก คือการล็อคบอลเข้าเท้าซ้าย บริเวณหน้าเขตโทษ และบรรจงชิพลูกบอลลอยข้ามหัวนายประตู เข้าตุงตาข่าย
มันเป็นเกมที่ บนอัฒจรรย์ มี เปเล่ เข้ามาชม และเขาก็ชม โรนัลโด้ ว่าสุดยอดอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะประตูที่สองของเขานั้น มันระดับเวิลด์คลาสแบบสุดๆ
โรนัลโด้ เล่าว่า ... "เอาจริงๆผมฝันมาตลอดนะ ว่าจะได้ทำประตูในสนามที่ เปเล่ สวมมงกุฎราชา (เกมนั้นเล่นในบ้านของ ซานโตส) แม้เพียงแค่วันเดียวก็ตาม"
เกมจบลงด้วยชัยชนะ 1-3 ของ โครินเธียนส์ ก่อนที่ เลกสอง จะเสมอกัน 1-1 ส่งให้ โครินเธียนส์ คว้าแชมป์
แน่นอน , โรนัลโด้ ได้รางวัล MVP ของ ทัวร์นาเม้นท์ , ได้รถยนต์เป็นรางวัลมาคันนึง และเขาขายมันทันที เพื่อเอาเงินที่ได้ มาแจกให้กับ ทีมงานสตาฟฟ์ ที่ไม่ใช่ผู้เล่น ที่สนามซ้อม
ในปีเดียวกัน , โรนัลโด้ ยังพา โครินเธียนส์ ไปคว้าแชมป์ โกปา โด บราซิล อีกหนึ่งรายการ
ซึ่งเกมนัดชิงชนะเลิศ คือการเอาชนะ อินเตอร์นาซิอองนาล ทีมระดับแชมป์ โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส (เทียบเท่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของฝั่งยุโรป) 2 สมัย กับ โกปา ซูดาเมริกาน่า (เทียบเท่า ยูโรป้า ลีก ของฝั่งยุโรป) 1 สมัย ใน 5 ปีหลังสุด
ซึ่ง โรนัลโด้ ก็ยังคงทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ ช่วงครึ่งเวลาหลัง จากการเล่นฟรีคิกเร็วของเพื่อนร่วมทีม และ โรนัลโด้ หลุดไลน์กองหลังเข้าไปสังหาร
และจบเลกแรก ด้วยชัยชนะ ก่อนกลับมาคว้าแชมป์ในเลกสอง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานั้น เกิดขึ้นในปี 2009 บนระยะเวลาเพียงแค่ราวๆ 6 เดือน แต่คือ 6 เดือนที่สาวกโครินเธียนส์ ตัวลอยอยู่บนสรวงสวรรค์
เป็นสวรรค์ชั้นที่ โรนัลโด้ พาพวกเขาไปถึง
หลังจากนั้น โรนัลโด้ อยู่กับทีมอีกราว 16 เดือน จนถึงปีฉลอง 100 ปีก่อตั้งสโมสร(2010) และที่จริงเขาวาดฝันจะพาทีมไปถึงแชมป์ โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส ด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูก ฟลาเมงโก้ น็อคตกรอบ และ โรนัลโด้ ก็แขวนสตั๊ดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011
แม้ความฝันสุดท้าย ของ โรนัลโด้ จะไม่ถูกเติมเต็ม ทว่าช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ กับ สโมสรสุดท้ายในอาชีพการเล่นของเขา ก็เป็นหลักฐานชัดเจนว่าทำไม ครั้งหนึ่ง เขาถูกยกให้เป็น 'ปรากฎการณ์แห่งวงการฟุตบอล'
เครดิต#จิบเบียร์เชียร์บอล
เครดิตต้นทาง :  https://www.planetfootball.com/nostalgia/ronaldo-fenomeno-nazario-corinthians-brazil-pele-santos-internacional/?fbclid=IwAR2VA6ZuYpoV3nJB7zhpJ7Xv3gx6CaJAqpFiUQB1_ivZO1-6qDBU2Lccvvs

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่