ตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก เงินสะพัดเพียง 3.9 หมื่นล้านบาท
https://ch3plus.com/news/category/276407
นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2565 พบว่า บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก คาดการณ์เงินสะพัด 39,627 ล้านบาท ติดลบจากตรุษจีนปีก่อน 11.82% นับเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเป็นมูลค่าเงินสะพัดที่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เนื่องจากประชาชนกังวลว่า เศรษฐกิจไม่ดี ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น จากสินค้าราคาแพง ขณะที่รายได้ลดลง จึงจำกัดการซื้อสินค้าไหว้เจ้า การเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงการใช้จ่ายอื่นๆลง
- ส่วนการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนไม่มีผลกับการใช้จ่ายและการเดินทางของประชาชนมากนักเพราะประชาชนปรับตัว และรู้จักระมัดระวังในเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้นแล้ว แต่จากรายได้ของประชาชนที่ลดลงทำให้เป็นหนี้และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท รัฐบาลยังจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินลงไปในกระเป๋าของประชาชน เพื่อช่วยพยุง เศรษฐกิจในช่วงที่สถานการณ์ราคาสินค้าราคาแพง และรัฐบาลต้องดูแล ควบคุมโควิด-19 ให้ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจ ให้ฟื้นตัวเต็มที่ได้ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ร่วมกับการใช้มาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจ โดยศูนย์พยากรณ์ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5%
- ปัจจัยที่ยังน่าห่วงคือราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อาจปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ค่าขนส่ง ที่ยังคงมีราคาสูงและมีผลกับการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก และจากการที่ IMF ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัวลดลง จากประมาณการเดิมที่ 4.9% เหลือ 4.4% โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวลดลงจาก 5%เหลือ 4% เศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำกว่า 5% ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการค้าโลกและต่อเนื่องมาถึงการค้าของประเทศไทยด้วย
ทัพสิบล้อพร้อม! ไล่ รมต.พลังงานพ้นเก้าอี้ 8 ก.พ.นี้ เซ่นพิษน้ำมันแพง
https://ch3plus.com/news/category/276432
ราคาน้ำมันตลาดโลกกลับมาปรับขึ้นร้อนแรงอีกครั้ง กลุ่มรถบรรทุก ประกาศยกระดับการจัดกิจกรรม “ทรัค เพาเวอร์ ไฟนอล ซีซั่น” เป็นการไล่รัฐมนตรีพลังงานพ้นเก้าอี้
วันนี้สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เผยแพร่โปสเตอร์ ประกาศความพร้อม การจัดกิจกรรม “
ทรัค เพาเวอร์ ไฟนอล ซีซั่น” ในวันที่ 8 กุมพาพันธ์นี้ ยืนยัน "
ทัพสิบล้อพร้อม ไม่มีกล้วยไม่มีหาย แค่ถูกภาครัฐหลอกให้รอ" โดยจะมีรถเข้าร่วมไม่ต่ำกว่าพันคัน ที่หน้ากระทรวงพลังงาน ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 25 บาทเหมือนเดิมแล้ว เพราะล่าสุดได้ยกระดับ เป็นการไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพ้นจากเก้าอี้ เนิ่องจากที่ผ่านมาไม่ได้เหลียวแลผู้ประกอบการขนส่ง และประชาชนที่ใช้น้ำมันดีเซล
การจัดกิจกรรมรอบนี้ สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ประกาศเข้าร่วมด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่ง ได้รับผลกระทบอย่างมาก ปัจจุบันเหลือรถเช่า ให้บริการเพียง 20% จากจำนวนที่มีทั้งหมด 40,000 คันทั่วประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการที่ยังให้บริการได้ ก็ใช่ว่าจะได้กำไร เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้นถึง 60-70% จากปีก่อนที่ ที่มีต้นทุนด้านราคาน้ำมันเพียง 50%
ขณะที่วันนี้ ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 2% โดยน้ำมันดิบเบรนท์ ทดสอบ 89.96 เหรียญต่อบาเรล จากแรงหนุนความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน และเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามแผน ในเดือนมีนาคมนี้
ขณะที่ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ใช้เงินอุ้มดีเซล 3.09 บาทต่อลิตรแล้ว เพื่อตรึงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 30 บาท ตามนโยรัฐบาล แต่มีเพียง PTT Station และบางจากเท่านั้น ที่ยังคงรักษาระดับราคาไม่เกินเพดานดังกล่าวได้ ขณะที่เชลล์ และพีที ปรับราคาขึ้นอีก 30 สตางค์ในวันนี้ โดยกองทุนฯ ต้องดึงเงินคนใช้เบนซินมาชดเชยเพิ่ม ทำให้ฐานะกองทุนฯ ติดลบทะลุ 1.23 หมื่นล้านบาท
ชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/eduBZiaUBec
ชาวเบนซินกุมขมับอีกแล้ว! น้ำมันขึ้นราคาแบบจุกๆ ในรอบ 3 วัน ส่วนดีเซลยังคงที่
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6857335
ชาวเบนซินกุมขมับอีกแล้ว! น้ำมันขึ้นราคาแบบจุกๆ ในรอบ 3 วัน โดยกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้น 50 สตางค์ ส่วน E20 และ E85 ขึ้น 60 สตางค์ ดีเซลยังคงที่
วันที่ 27 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ปตท. และบางจาก ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ล่าสุด ปตท. และบางจาก ได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E20 ปรับขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร และ E85 ปรับขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดยังไม่ปรับขึ้นราคา มีผล 28 ม.ค.65 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับราคาน้ำมัน ดีเซลพรีเมียม บี 7 ราคายังอยู่ที่ 35.96 บาทต่อลิตร ดีเซลบี 7 ราคายังอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล ราคายังอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร และดีเซลบี 20 ราคายังอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร
ส่วนราคาเบนซิน ปรับขึ้น 50 สตางค์ เป็น 41.46 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ปรับขึ้น 50 สตางค์ เป็น 34.05 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ปรับขึ้น 50 สตางค์ เป็น 33.78 บาท/ลิตร E20 ปรับขึ้น 60 สตางค์ เป็น 32.84 บาท/ลิตร และ E85 ปรับขึ้น 60 สตางค์ เป็น 26.14 บาท/ลิตร
‘เพื่อไทย’จวก ‘สิระ’ขวางผลประโยชน์ประชาชน ร้อง กกต.สอบ ‘สุรชาติ’ ชูรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
https://voicetv.co.th/read/-cr3hAzji
โฆษกเพื่อไทย ซัด ‘สิระ’แจ้ง กกต.สอบเพื่อไทยหาเสียงรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ขัดขวางผลประโยชน์ประชาชน ปัดหาเสียงเกินจริง ได้ผ่านมติ กก.บห. ทำได้จริงผ่านการจัดทำเป็นนโยบายพรรคมาแล้ว
วันที่ 27 ม.ค. 2565 ที่รัฐสภา
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่
สิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือต่อ กกต.เอาผิด
สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย ให้ตรวจสอบการหาเสียงค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(5) หรือไม่ เพราะเห็นว่าการนำเอาเรื่องนี้ไปหาเสียงจะทำไม่ได้แน่นอน แม้เป็น ส.ส. ก็ไม่สามารถยกเลิกสัมปทานหรือเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาที่ทำไว้กับเอกชนได้ และรัฐยังต้องชดเชยส่วนต่าง
ในเรื่องนี้อยากให้
สิระเข้าใจว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้สื่อสารกับพี่น้องประชาชนในเรื่องดังกล่าว เป็นนโยบายที่ได้ประกาศหาเสียงตั้งแต่ปี 2544 สมัยพรรคไทยรักไทย รวมทั้งการเลือกตั้งปี 2550 โดยพรรคพลังประชาชน จนมาถึงการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศหาเสียง ยืนยันว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำได้จริง เนื่องจากก่อนการประกาศหาเสียงด้วยนโยบายนี้ พรรคได้หารือแนวทางและวิธีการร่วมกันกับหลายหน่วยงานมาอย่างรอบด้าน ทั้งสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง ในการเตรียมความพร้อมทางด้านการคลัง รวมทั้งบริหารและการจัดเก็บรายได้ โดยได้แนวทางร่วมกันว่า หากมีการเพิ่มเส้นทางการเดินรถไปยังเส้นทางอื่นๆ ให้ครอบคลุมประชากรในหลากหลายพื้นที่มากขึ้น โดยผู้ลงทุนระบบรางคือรัฐ เพื่อให้รัฐเป็นเจ้าของและสามารถบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ ส่วนเอกชนลงทุนระบบรถไฟฟ้าโดยรัฐให้สัมปทานซึ่งต้องมีการกำหนดระยะเวลาสัมปทานและราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ชัดเจน รวมกับการซ่อมบำรุงระบบ
ส่วนที่เป็นค่าจ่ายจะอยู่ที่ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ) และค่าบุคลากรเท่านั้น เมื่อมีการขยายเส้นทางการเดินรถมากขึ้น ผู้โดยสารจะเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จากนั้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะถูกลง หากเทียบกับต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 24 บาท ฮ่องกงอยู่ที่ 27 บาท แต่ของประเทศไทยค่าโดยสารอยู่ที่ 16-45 บาท ซึ่งทำให้ประชาชนเข้าถึงรถไฟฟ้าได้ในจำนวนจำกัด
ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทุกเรื่องที่ประกาศเป็นนโยบายได้ผ่านการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับรถไฟฟ้าของไทยตอนนี้มีคู่สัญญาจำนวนมาก ทั้งวิธีการบริหารและการจัดการค่าแรกเข้า เป็นเพราะการทำงานหลายส่วนไม่เชื่อมโยงกัน
“สิ่งที่ สิระทำ คือการขัดขวางสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน อยากเรียน สิระให้เข้าใจบทบาทของ ส.ส. เราอยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ การเมืองที่ต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อจะได้เปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ในอนาคต นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เป็นนโยบายที่ไม่ยาก แต่ สิระคิดไม่ออก นโยบายหลายอย่างที่ว่ายาก เราทำมาแล้วเพราะเราหาเงินเป็น รู้ว่าจะหารายได้ด้วยวิธีการใด ยืนยันว่า สุรชาติ ไม่ได้หาเสียงเกินจริง ทุกเรื่องผ่านมติของกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทย และยืนอยู่บนหลักการที่อยากจะทำให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด” ธีรรัตน์ กล่าว
JJNY : 5in1 ตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก│ทัพสิบล้อพร้อม!ไล่รมต.พลังงาน│ชาวเบนซินกุมขมับ│พท.จวกสิระ│ชวนจ่อนัด 2 ฝ่ายเคาะซักฟอก
https://ch3plus.com/news/category/276407
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2565 พบว่า บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก คาดการณ์เงินสะพัด 39,627 ล้านบาท ติดลบจากตรุษจีนปีก่อน 11.82% นับเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเป็นมูลค่าเงินสะพัดที่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เนื่องจากประชาชนกังวลว่า เศรษฐกิจไม่ดี ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น จากสินค้าราคาแพง ขณะที่รายได้ลดลง จึงจำกัดการซื้อสินค้าไหว้เจ้า การเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงการใช้จ่ายอื่นๆลง
- ส่วนการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนไม่มีผลกับการใช้จ่ายและการเดินทางของประชาชนมากนักเพราะประชาชนปรับตัว และรู้จักระมัดระวังในเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้นแล้ว แต่จากรายได้ของประชาชนที่ลดลงทำให้เป็นหนี้และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท รัฐบาลยังจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินลงไปในกระเป๋าของประชาชน เพื่อช่วยพยุง เศรษฐกิจในช่วงที่สถานการณ์ราคาสินค้าราคาแพง และรัฐบาลต้องดูแล ควบคุมโควิด-19 ให้ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจ ให้ฟื้นตัวเต็มที่ได้ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ร่วมกับการใช้มาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจ โดยศูนย์พยากรณ์ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5%
- ปัจจัยที่ยังน่าห่วงคือราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อาจปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ค่าขนส่ง ที่ยังคงมีราคาสูงและมีผลกับการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก และจากการที่ IMF ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัวลดลง จากประมาณการเดิมที่ 4.9% เหลือ 4.4% โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวลดลงจาก 5%เหลือ 4% เศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำกว่า 5% ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการค้าโลกและต่อเนื่องมาถึงการค้าของประเทศไทยด้วย
ทัพสิบล้อพร้อม! ไล่ รมต.พลังงานพ้นเก้าอี้ 8 ก.พ.นี้ เซ่นพิษน้ำมันแพง
https://ch3plus.com/news/category/276432
ราคาน้ำมันตลาดโลกกลับมาปรับขึ้นร้อนแรงอีกครั้ง กลุ่มรถบรรทุก ประกาศยกระดับการจัดกิจกรรม “ทรัค เพาเวอร์ ไฟนอล ซีซั่น” เป็นการไล่รัฐมนตรีพลังงานพ้นเก้าอี้
วันนี้สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เผยแพร่โปสเตอร์ ประกาศความพร้อม การจัดกิจกรรม “ทรัค เพาเวอร์ ไฟนอล ซีซั่น” ในวันที่ 8 กุมพาพันธ์นี้ ยืนยัน "ทัพสิบล้อพร้อม ไม่มีกล้วยไม่มีหาย แค่ถูกภาครัฐหลอกให้รอ" โดยจะมีรถเข้าร่วมไม่ต่ำกว่าพันคัน ที่หน้ากระทรวงพลังงาน ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 25 บาทเหมือนเดิมแล้ว เพราะล่าสุดได้ยกระดับ เป็นการไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพ้นจากเก้าอี้ เนิ่องจากที่ผ่านมาไม่ได้เหลียวแลผู้ประกอบการขนส่ง และประชาชนที่ใช้น้ำมันดีเซล
การจัดกิจกรรมรอบนี้ สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ประกาศเข้าร่วมด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่ง ได้รับผลกระทบอย่างมาก ปัจจุบันเหลือรถเช่า ให้บริการเพียง 20% จากจำนวนที่มีทั้งหมด 40,000 คันทั่วประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการที่ยังให้บริการได้ ก็ใช่ว่าจะได้กำไร เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้นถึง 60-70% จากปีก่อนที่ ที่มีต้นทุนด้านราคาน้ำมันเพียง 50%
ขณะที่วันนี้ ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 2% โดยน้ำมันดิบเบรนท์ ทดสอบ 89.96 เหรียญต่อบาเรล จากแรงหนุนความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน และเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามแผน ในเดือนมีนาคมนี้
ขณะที่ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ใช้เงินอุ้มดีเซล 3.09 บาทต่อลิตรแล้ว เพื่อตรึงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 30 บาท ตามนโยรัฐบาล แต่มีเพียง PTT Station และบางจากเท่านั้น ที่ยังคงรักษาระดับราคาไม่เกินเพดานดังกล่าวได้ ขณะที่เชลล์ และพีที ปรับราคาขึ้นอีก 30 สตางค์ในวันนี้ โดยกองทุนฯ ต้องดึงเงินคนใช้เบนซินมาชดเชยเพิ่ม ทำให้ฐานะกองทุนฯ ติดลบทะลุ 1.23 หมื่นล้านบาท
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/eduBZiaUBec
ชาวเบนซินกุมขมับอีกแล้ว! น้ำมันขึ้นราคาแบบจุกๆ ในรอบ 3 วัน ส่วนดีเซลยังคงที่
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6857335
ชาวเบนซินกุมขมับอีกแล้ว! น้ำมันขึ้นราคาแบบจุกๆ ในรอบ 3 วัน โดยกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้น 50 สตางค์ ส่วน E20 และ E85 ขึ้น 60 สตางค์ ดีเซลยังคงที่
วันที่ 27 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ปตท. และบางจาก ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ล่าสุด ปตท. และบางจาก ได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E20 ปรับขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร และ E85 ปรับขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดยังไม่ปรับขึ้นราคา มีผล 28 ม.ค.65 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับราคาน้ำมัน ดีเซลพรีเมียม บี 7 ราคายังอยู่ที่ 35.96 บาทต่อลิตร ดีเซลบี 7 ราคายังอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ดีเซล ราคายังอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร และดีเซลบี 20 ราคายังอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร
ส่วนราคาเบนซิน ปรับขึ้น 50 สตางค์ เป็น 41.46 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ปรับขึ้น 50 สตางค์ เป็น 34.05 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ปรับขึ้น 50 สตางค์ เป็น 33.78 บาท/ลิตร E20 ปรับขึ้น 60 สตางค์ เป็น 32.84 บาท/ลิตร และ E85 ปรับขึ้น 60 สตางค์ เป็น 26.14 บาท/ลิตร
‘เพื่อไทย’จวก ‘สิระ’ขวางผลประโยชน์ประชาชน ร้อง กกต.สอบ ‘สุรชาติ’ ชูรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
https://voicetv.co.th/read/-cr3hAzji
โฆษกเพื่อไทย ซัด ‘สิระ’แจ้ง กกต.สอบเพื่อไทยหาเสียงรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ขัดขวางผลประโยชน์ประชาชน ปัดหาเสียงเกินจริง ได้ผ่านมติ กก.บห. ทำได้จริงผ่านการจัดทำเป็นนโยบายพรรคมาแล้ว
วันที่ 27 ม.ค. 2565 ที่รัฐสภา ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ สิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือต่อ กกต.เอาผิด สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย ให้ตรวจสอบการหาเสียงค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(5) หรือไม่ เพราะเห็นว่าการนำเอาเรื่องนี้ไปหาเสียงจะทำไม่ได้แน่นอน แม้เป็น ส.ส. ก็ไม่สามารถยกเลิกสัมปทานหรือเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาที่ทำไว้กับเอกชนได้ และรัฐยังต้องชดเชยส่วนต่าง
ในเรื่องนี้อยากให้ สิระเข้าใจว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้สื่อสารกับพี่น้องประชาชนในเรื่องดังกล่าว เป็นนโยบายที่ได้ประกาศหาเสียงตั้งแต่ปี 2544 สมัยพรรคไทยรักไทย รวมทั้งการเลือกตั้งปี 2550 โดยพรรคพลังประชาชน จนมาถึงการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศหาเสียง ยืนยันว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำได้จริง เนื่องจากก่อนการประกาศหาเสียงด้วยนโยบายนี้ พรรคได้หารือแนวทางและวิธีการร่วมกันกับหลายหน่วยงานมาอย่างรอบด้าน ทั้งสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง ในการเตรียมความพร้อมทางด้านการคลัง รวมทั้งบริหารและการจัดเก็บรายได้ โดยได้แนวทางร่วมกันว่า หากมีการเพิ่มเส้นทางการเดินรถไปยังเส้นทางอื่นๆ ให้ครอบคลุมประชากรในหลากหลายพื้นที่มากขึ้น โดยผู้ลงทุนระบบรางคือรัฐ เพื่อให้รัฐเป็นเจ้าของและสามารถบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ ส่วนเอกชนลงทุนระบบรถไฟฟ้าโดยรัฐให้สัมปทานซึ่งต้องมีการกำหนดระยะเวลาสัมปทานและราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ชัดเจน รวมกับการซ่อมบำรุงระบบ
ส่วนที่เป็นค่าจ่ายจะอยู่ที่ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ) และค่าบุคลากรเท่านั้น เมื่อมีการขยายเส้นทางการเดินรถมากขึ้น ผู้โดยสารจะเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จากนั้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะถูกลง หากเทียบกับต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 24 บาท ฮ่องกงอยู่ที่ 27 บาท แต่ของประเทศไทยค่าโดยสารอยู่ที่ 16-45 บาท ซึ่งทำให้ประชาชนเข้าถึงรถไฟฟ้าได้ในจำนวนจำกัด
ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทุกเรื่องที่ประกาศเป็นนโยบายได้ผ่านการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับรถไฟฟ้าของไทยตอนนี้มีคู่สัญญาจำนวนมาก ทั้งวิธีการบริหารและการจัดการค่าแรกเข้า เป็นเพราะการทำงานหลายส่วนไม่เชื่อมโยงกัน
“สิ่งที่ สิระทำ คือการขัดขวางสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน อยากเรียน สิระให้เข้าใจบทบาทของ ส.ส. เราอยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ การเมืองที่ต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อจะได้เปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ในอนาคต นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เป็นนโยบายที่ไม่ยาก แต่ สิระคิดไม่ออก นโยบายหลายอย่างที่ว่ายาก เราทำมาแล้วเพราะเราหาเงินเป็น รู้ว่าจะหารายได้ด้วยวิธีการใด ยืนยันว่า สุรชาติ ไม่ได้หาเสียงเกินจริง ทุกเรื่องผ่านมติของกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทย และยืนอยู่บนหลักการที่อยากจะทำให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด” ธีรรัตน์ กล่าว