สนใจที่ดินแปลงหนึ่ง ถูกใจมากส่วนตัวเรามองที่สวยทำเลดีมาก ตั้งใจจะสร้างเป็นบ้านกึ่งอาคาพานิชย์ทำการค้าขายไปด้วย ด้วยทำเลติดกับโรงเรียนขนาดใหญ่ เยื้องตรงข้ามเป็นตลาดที่คนเยอะมาก เป็นราคาที่เรารับได้
พอปรึกษาพี่น้องไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย คัดค้านทุกคน ด้วยราคาที่แพงมาก 200 ตรวา 5ล้าน แต่คนในครอบครัวส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ คนทำงานเงินเดือน ซื้อที่เปล่ากันแค่หลักแสน ไม่เข้าใจว่าที่ดินไร่สวนกับที่ดินทำเลธุรกิจราคามันเทียบกันไม่ได้ แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เงินที่ซื้อเป็น เงินเย็นของเรา แต่ก็เข้าใจว่าทุกคนคงเป็นห่วง
ต่อมาเราไปติดต่อซื้อกับคนขาย คนขายเป็นคนพูดจาแย่มากค่ะ พูดจาโผงผาง ดูถูก ทำตัวเย่อหยิ่งมาก แต่เรื่องตกลงราคาเขาก็ลดให้นะคะเหลือ4ล้าน เวลาเข้าไปหาเขาทำเหมือนกับเราไปขอที่ดินเขา ซึ่งเขาจะได้เงินจากเราแท้ๆ เขาไม่เคยไม่พูดดีกับเราเลย เราพยายามพูดดีเป็นมิตร เรื่องราคาก็ตกลงกันง่ายมาก เรามัดจำเขาไปด้วย 100000 แต่ในใจปั่นป่วนนะ ว่าเราต้องซื้อขายเอาเงินไปให้กับคนแบบนี้ด้วยเหรอ แต่ก็พยายามคิดว่าแค่ซื้อขายกันเสร็จก็จบๆแล้วไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว
พอใกล้วันนัดโอนเรานอนไม่หลับเครียดมากว่าตกลงคิดถูกหรือคิดผิดที่เราจะเอาที่ตรงนี้ซึ่งที่เราชอบก็ยังมั่นใจ ว่ามันดี แต่ในใจเกลียดคนขายที่มาก ไม่อยากจะเอาเงินก้อนใหญ่นี้ไปให้เขาเลย เกลียดจนไม่อยากมองหน้า ไม่อยากเสวนาด้วย สามีรับรู้และข้าใจเราบอกกับเราว่า
" ถ้าที่ดินที่เราจะสร้างธุรกิจนี้มันเริ่มต้นด้วยปั่นป่วนความขุ่นมัวไม่สบายใจ ทุกข์ใจแบบนี้ มันอาจจะไม่ใช่ที่ของเราก็ได้นะ ถ้าจะไม่เอาก็ได้นะ เขาไม่เสียดายเงินมัดจำ" แต่ในใจเราก็เสียดายเงินมัดจำอยู่ดีโกรธตัวเองที่เกลียดเขาและยังไม่มั่นใจแต่ก็ใจร้อนเอาเงินทำสัญญาไปมัดจำทำไม
ก่อนวันโอนสามวันก็เกิดเหตุลูกเราป่วยหนักต้องเข้ารพ.กะทันหัน ซึ่งเราต้องไปเฝ้าลูกและต้องกักตัวในรพ.ห้ามออกมา ซึ่งไปโอนไม่ได้ โทรไปแจ้งเขา คิดในใจว่าคงต้องเสียเงินมัดจำไปแล้วล่ะ ซึ่งเขาก็โวยวายว่าเราจริงๆค่ะ เพราะผิดสัญญา แต่ก็ขอต่อรองดู เขาก็เลยยืดเวลาให้อีกไม่เกิน14วัน
ตอนนี้ก็ยังคิดหนัก ปกติเราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ ในชีวิตคือซื้อบ้านที่ดินสี่ครั้ง ทุกครั้งได้มันมาด้วยความบังเอิญ มีคนมาเสนอมาให้เอง ทุกครั้งที่จ่ายเงินจะเป็นความตื่นเต้น มีความสุขและอิ่มเอมที่จะได้มันมาแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลย
เราคิดมากไปไหมคะ ใครเคยมีประสบการณ์รู้สึกแบบนี้บ้าง ถ้าเป็นคุณคุณยังจะเอาที่ตรงนี้อยู่ไหม
บ้านหรือที่ดินเลือกคนอยู่ คุณเชื่อเรื่องนี้มากแค่ไหน ใครมีประสบการณ์บ้างคะ
พอปรึกษาพี่น้องไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย คัดค้านทุกคน ด้วยราคาที่แพงมาก 200 ตรวา 5ล้าน แต่คนในครอบครัวส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ คนทำงานเงินเดือน ซื้อที่เปล่ากันแค่หลักแสน ไม่เข้าใจว่าที่ดินไร่สวนกับที่ดินทำเลธุรกิจราคามันเทียบกันไม่ได้ แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เงินที่ซื้อเป็น เงินเย็นของเรา แต่ก็เข้าใจว่าทุกคนคงเป็นห่วง
ต่อมาเราไปติดต่อซื้อกับคนขาย คนขายเป็นคนพูดจาแย่มากค่ะ พูดจาโผงผาง ดูถูก ทำตัวเย่อหยิ่งมาก แต่เรื่องตกลงราคาเขาก็ลดให้นะคะเหลือ4ล้าน เวลาเข้าไปหาเขาทำเหมือนกับเราไปขอที่ดินเขา ซึ่งเขาจะได้เงินจากเราแท้ๆ เขาไม่เคยไม่พูดดีกับเราเลย เราพยายามพูดดีเป็นมิตร เรื่องราคาก็ตกลงกันง่ายมาก เรามัดจำเขาไปด้วย 100000 แต่ในใจปั่นป่วนนะ ว่าเราต้องซื้อขายเอาเงินไปให้กับคนแบบนี้ด้วยเหรอ แต่ก็พยายามคิดว่าแค่ซื้อขายกันเสร็จก็จบๆแล้วไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว
พอใกล้วันนัดโอนเรานอนไม่หลับเครียดมากว่าตกลงคิดถูกหรือคิดผิดที่เราจะเอาที่ตรงนี้ซึ่งที่เราชอบก็ยังมั่นใจ ว่ามันดี แต่ในใจเกลียดคนขายที่มาก ไม่อยากจะเอาเงินก้อนใหญ่นี้ไปให้เขาเลย เกลียดจนไม่อยากมองหน้า ไม่อยากเสวนาด้วย สามีรับรู้และข้าใจเราบอกกับเราว่า
" ถ้าที่ดินที่เราจะสร้างธุรกิจนี้มันเริ่มต้นด้วยปั่นป่วนความขุ่นมัวไม่สบายใจ ทุกข์ใจแบบนี้ มันอาจจะไม่ใช่ที่ของเราก็ได้นะ ถ้าจะไม่เอาก็ได้นะ เขาไม่เสียดายเงินมัดจำ" แต่ในใจเราก็เสียดายเงินมัดจำอยู่ดีโกรธตัวเองที่เกลียดเขาและยังไม่มั่นใจแต่ก็ใจร้อนเอาเงินทำสัญญาไปมัดจำทำไม
ก่อนวันโอนสามวันก็เกิดเหตุลูกเราป่วยหนักต้องเข้ารพ.กะทันหัน ซึ่งเราต้องไปเฝ้าลูกและต้องกักตัวในรพ.ห้ามออกมา ซึ่งไปโอนไม่ได้ โทรไปแจ้งเขา คิดในใจว่าคงต้องเสียเงินมัดจำไปแล้วล่ะ ซึ่งเขาก็โวยวายว่าเราจริงๆค่ะ เพราะผิดสัญญา แต่ก็ขอต่อรองดู เขาก็เลยยืดเวลาให้อีกไม่เกิน14วัน
ตอนนี้ก็ยังคิดหนัก ปกติเราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ ในชีวิตคือซื้อบ้านที่ดินสี่ครั้ง ทุกครั้งได้มันมาด้วยความบังเอิญ มีคนมาเสนอมาให้เอง ทุกครั้งที่จ่ายเงินจะเป็นความตื่นเต้น มีความสุขและอิ่มเอมที่จะได้มันมาแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลย
เราคิดมากไปไหมคะ ใครเคยมีประสบการณ์รู้สึกแบบนี้บ้าง ถ้าเป็นคุณคุณยังจะเอาที่ตรงนี้อยู่ไหม