เอ็กซ์เชนจ์คริปโต เดือด“กัลฟ์” ประกาศผนึก Binance ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 โลก เตรียมบุกตลาดคริปโต วงการเชื่อสร้างความสั่นสะเทือนเอ็กซ์เชนจ์ไทย “ปรมินทร์ อินโสม”ระบุเกมเปลี่ยนหากกัลฟ์ ประสานรวม Binance เข้าโครงสร้างพื้นฐาน AIS เจาะกลุ่มผู้ใช้ 43.7 ล้านราย

เริ่มปี 2565 ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยมีความเคลื่อนไหวคึกคัก เพราะนอกจากเรื่องการเก็บภาษีคริปโตที่เป็นประเด็นร้อนแล้ว วงการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลก็เกิดความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เริ่มจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีแผนจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทยในไตรมาส 2 ปีนี้
ล่าสุด “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของไทย รุกคืบขยายวงเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยส่งบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยไปลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance (ไบแนนซ์) เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ของ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของไทย ด้วยมูลค่าการถือครองหุ้นกว่า 2 แสนล้านบาท แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย หลังจากช่วงเดือนกันยายน 2564 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการสื่อสารใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่ง กัลฟ์ ถือหุ้นอยู่ด้วยได้เข้าร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในการให้บริการด้านสินเชื่อดิจิทัลด้วย ภายใต้บริษัทใหม่อย่าง “เอไอเอสซีบี หรือ AISCB”
จากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยที่สดใหม่และมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีนี้ ทำให้ “สารัชถ์” มองเห็นโอกาสเติบโตสูง แถมการผนึกกับ Binance ตลาดซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของโลกครั้งนี้ถือเป็นการเขย่าตลาดคริปโตในไทย ซึ่งปัจจุบันถูกถือครองพื้นที่โดย Bitkub ขณะที่ Binanne ก็กำลังรุกคืบเข้ามาในเอเชียเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Binance เองได้รับการอนุมัติเบื้องต้นจากธนาคารกลางบาห์เรน ในการให้บริการด้านสินทรัพย์คริปโตในประเทศ รวมถึงร่วมลงนามในข้อตกลงกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการค้าของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย
นายปรมินทร์ ได้วิเคราะห์มุมมองที่น่าสนใจว่า หากกัลฟ์ มีการใช้อินฟราสตรักเจอร์ของ AIS ผสานรวม (Synergy) กับบริการ Binance จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการ 43.7 ล้านคน ซึ่งจะเป็นคนละเกมกับที่ผู้ให้บริการศูนย์สินทรัพย์ดิจิทัลไทยเล่นอยู่ในปัจจุบัน
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตื้ ระบุว่า ความร่วมมือระหว่างกัลฟ์กับ Binance นั้นเป็นการก้าวสู่ Megatrend ที่ค่อนข้างดี เพียงแต่ด้วยราคาหุ้นที่ขึ้นมาแรง ประกอบกับ Valuation ของตัวหุ้นที่อยู่ในระดับสูงแล้ว จึงมองว่าอาจมีความเสี่ยงที่ตัวหุ้นอาจจะเจอแรงขาย Sell on fact ได้เช่นกัน ส่วนประเด็นที่น่าติดตามต่อไปคือ มุมมองของหน่วยงานกำกับต่อดีลดังกล่าวและความคืบหน้าด้านมาตรการที่ยังอ่อนไหวอย่างเช่นการจัดเก็บภาษีต่างๆ
ส่วน บล.เอเชียพลัสระบุว่า ดีลดังกล่าวช่วยเปิดโอกาสให้สามารถขยายธุรกิจไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัลด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ในอนาคต และถือเป็นการผนึกความแข็งแกร่งจากทั้ง 2 บริษัท โดยกัลฟ์มีประสบการณ์และความชำนาญในการพัฒนาและบุกเบิกธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศ ขณะที่ Binance มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
“ถือเป็น sentiment เชิงบวกในระยะยาวที่จะช่วยต่อยอดฐานกำไรในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ GULF ได้ในอนาคต โดยรวมน่าจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อราคาหุ้น เช่นเดียวกับหุ้นอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจคลิปโต ในช่วงที่ผ่านๆ มา อย่างไรก็ดีการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวของกัลฟ์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา และยังไม่ได้มีการลงทุนใดๆ ซึ่งถือว่าต้องใช้เวลา และยังไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มในปัจจุบัน”
https://www.thansettakij.com/economy/510796
กระดานคริปโตปรอทแตก กัลฟ์ ผนึก Binance เขย่า Bitkub
เริ่มปี 2565 ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยมีความเคลื่อนไหวคึกคัก เพราะนอกจากเรื่องการเก็บภาษีคริปโตที่เป็นประเด็นร้อนแล้ว วงการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลก็เกิดความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เริ่มจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีแผนจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทยในไตรมาส 2 ปีนี้
ล่าสุด “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของไทย รุกคืบขยายวงเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยส่งบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยไปลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance (ไบแนนซ์) เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ของ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของไทย ด้วยมูลค่าการถือครองหุ้นกว่า 2 แสนล้านบาท แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย หลังจากช่วงเดือนกันยายน 2564 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการสื่อสารใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่ง กัลฟ์ ถือหุ้นอยู่ด้วยได้เข้าร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในการให้บริการด้านสินเชื่อดิจิทัลด้วย ภายใต้บริษัทใหม่อย่าง “เอไอเอสซีบี หรือ AISCB”
จากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยที่สดใหม่และมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีนี้ ทำให้ “สารัชถ์” มองเห็นโอกาสเติบโตสูง แถมการผนึกกับ Binance ตลาดซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของโลกครั้งนี้ถือเป็นการเขย่าตลาดคริปโตในไทย ซึ่งปัจจุบันถูกถือครองพื้นที่โดย Bitkub ขณะที่ Binanne ก็กำลังรุกคืบเข้ามาในเอเชียเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Binance เองได้รับการอนุมัติเบื้องต้นจากธนาคารกลางบาห์เรน ในการให้บริการด้านสินทรัพย์คริปโตในประเทศ รวมถึงร่วมลงนามในข้อตกลงกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการค้าของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย
นายปรมินทร์ ได้วิเคราะห์มุมมองที่น่าสนใจว่า หากกัลฟ์ มีการใช้อินฟราสตรักเจอร์ของ AIS ผสานรวม (Synergy) กับบริการ Binance จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการ 43.7 ล้านคน ซึ่งจะเป็นคนละเกมกับที่ผู้ให้บริการศูนย์สินทรัพย์ดิจิทัลไทยเล่นอยู่ในปัจจุบัน
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตื้ ระบุว่า ความร่วมมือระหว่างกัลฟ์กับ Binance นั้นเป็นการก้าวสู่ Megatrend ที่ค่อนข้างดี เพียงแต่ด้วยราคาหุ้นที่ขึ้นมาแรง ประกอบกับ Valuation ของตัวหุ้นที่อยู่ในระดับสูงแล้ว จึงมองว่าอาจมีความเสี่ยงที่ตัวหุ้นอาจจะเจอแรงขาย Sell on fact ได้เช่นกัน ส่วนประเด็นที่น่าติดตามต่อไปคือ มุมมองของหน่วยงานกำกับต่อดีลดังกล่าวและความคืบหน้าด้านมาตรการที่ยังอ่อนไหวอย่างเช่นการจัดเก็บภาษีต่างๆ
ส่วน บล.เอเชียพลัสระบุว่า ดีลดังกล่าวช่วยเปิดโอกาสให้สามารถขยายธุรกิจไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัลด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ในอนาคต และถือเป็นการผนึกความแข็งแกร่งจากทั้ง 2 บริษัท โดยกัลฟ์มีประสบการณ์และความชำนาญในการพัฒนาและบุกเบิกธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศ ขณะที่ Binance มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
“ถือเป็น sentiment เชิงบวกในระยะยาวที่จะช่วยต่อยอดฐานกำไรในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ GULF ได้ในอนาคต โดยรวมน่าจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อราคาหุ้น เช่นเดียวกับหุ้นอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจคลิปโต ในช่วงที่ผ่านๆ มา อย่างไรก็ดีการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวของกัลฟ์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา และยังไม่ได้มีการลงทุนใดๆ ซึ่งถือว่าต้องใช้เวลา และยังไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มในปัจจุบัน”
https://www.thansettakij.com/economy/510796