ตอนที่ 5
ด้วยขาสั่นระริก เธอค่อยก้าวลงบันไดไม้อย่างระมัดระวังตัว กลิ่นแปลกประหลาด อบอวนอยู่ในอณูอากาศ กลิ่นขี้ผึ้งปนกำมะถันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ และยังคล้ายมีกลิ่นสาบสางเหมือนกำลังก้าวลงไปในหลุมฝังศพโบราณอันว่างเปล่าเยือกเย็น
เด็กสาวพอจะเดาออกว่า ห้องปริศนานี้ เป็นห้องอยู่บริเวณชั้นที่สองของหอพัก อาจารย์แม่มดคงอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงาน ยึดครองห้องด้านล่าง ดัดแปลงเป็นห้องทดลองอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัว
ห้องชั้นสอง ตามผนังห้องประดับไปด้วยตะเกียงโบราณแบบติดผนังเรียงรายรอบ แสงของมันซีดเหลืองไร้ชีวิตชีวาอาบผนัง ตู้ไม้เก่าแก่แบบโบราณ จนดูเหมือนกำลังอยู่ในสุสาน หมอกสีขาวปนเหลืองดูคล้ายว่าจะลอยขึ้นมาจากพื้นห้อง บิดตัวไหลรินอ้อยอิ่งโอบล้อมเข้ามาอย่างเชื่องช้า ด้วยความรู้สึกมุ่งร้ายหมายขวัญอันเยือกเย็น
ตู้ไม้ลงรักสีคล้ำขนาดใหญ่วางขวางกลางห้อง นึกไม่ออกว่าตู้ไม้ใหญ่ขนาดนี้ ลำเลียงขนเข้ามาในห้องได้อย่างไร บางทีอาจารย์คานะอาจจะสั่งไม้เข้ามาประกอบทำเป็นตู้ในห้องก็เป็นไปได้ มันกว้างจนกั้นห้องออกเป็นสองส่วน แต่ยังพอมีช่องว่างข้างผนังแคบ ๆ พอเดินอ้อมไปด้านหลังได้ แสงไฟสั่นไหววูบวาบอยู่ด้านหลังข้ามตู้ คล้ายมีใครบางคนถือตะเกียงแกว่งไปมา แต่ใครกันล่ะ...เด็กสาวพยายามมองในแง่ดีว่า อาจจะเป็นอาจารย์คานะก็ได้
ในตู้ใบใหญ่ มีหนังสือวางเรียงอยู่หลายเล่ม หน้าปกมีอักษรแปลกพิกลที่อ่านไม่มีรู้เรื่อง เพราะไม่คุ้นตาเลยสักนิด ว่าเป็นอักษรของชนชาติใด บางเล่มมีหน้าปกวาด เป็นรูปสัตว์ร้ายรูปร่างพิสดาร พิกลพิการ ดูแล้วบอกไม่ได้ว่าอยู่ในไฟลั่มไหนในแบบเรียนชีววิทยา เด็กสาวมองดูหนังสือพักหนึ่งก่อนหันเหความสนใจ ไปยังด้านหลังของตู้
เสียงดังโครมด้านบนสนั่นหวั่นไหว จนสะดุ้งสุดตัว พอเงยหน้ามองดูจึงพบว่าประตูพื้นห้อง ที่เปิดอยู่ถูกกระแทกปิดลงมาอย่างแรง แบบไม่น่าเป็นไปได้
เด็กสาวใจหายวาบ ทางออกซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางออกชัดเจนทางเดียวถูก ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ ปิดมันลงราวกับจะสกัดทางหนี พอได้สติเด็กสาวก็รีบปีนบันไดขึ้นไปลองผลักประตูไม้ทดสอบดู และเป็นไปอย่างที่คิดไม่มีผิด .. มันปิดสนิทแนบแน่น ชนิดไม่สั่นหวั่นไหวต่อการออกแรงผลักจนสุดกำลังแม้แต่น้อย ราวกับด้านบนถูกทับไว้ด้วยก้อนหินขนาดยักษ์
นึกเสียใจว่าไม่น่าลงมาเลย แต่ถ้าไม่ลงมาจะไปไหนล่ะ จะออกจากประตูห้องพักของอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะมันล็อคตาย....เหลือทางเดียว ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
เด็กสาวปีนลงมา พลางมองหาสิ่งของพอใช้เป็นอาวุธสักอย่างพอให้อุ่นใจ แต่ก็ไม่มีอะไรจะใช้เป็นอาวุธได้ ถึงแม้ว่าจะได้มีด หรือไม้สักท่อน ก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้กับ ‘อะไร’ เหมือนกัน
“อาจารย์คะ......" ลองเรียกดูด้วยเสียงค่อนข้างดัง เสียงเรียกของเธอก้องกังวานในห้องอันเงียบงัน ไม่ว่าใครก็ตามอยู่บริเวณนั้น ต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับปราศจากเสียงตอบกลับขานรับ
มีเสียงใครบางคนถอนหายใจ ดังแว่วออกมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งอย่างจับทิศทางไม่ได้ แต่ทำให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง เด็กสาวพยายามตั้งสติ รวบรวมกำลังใจเรียกขวัญกำลังใจ ที่กำลังจะโบยหนีไปในความเวิ้งว้างเร้นลับให้กลับมาอีกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้น อาจเสียสติกับสถานการณ์น่าสะพรึงกลัว เธอนึกถึงคุณพระคุณเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง เราไม่ใช่คนบาป ชีวิตผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครสาหัสสากรรจ์ เราไม่ควรมาเจอความน่ากลัววิปริตโหดร้าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดก็ได้ช่วยด้วยเถิด...
อายามิสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เมื่อบอกกับตนเองว่าพร้อมแล้ว จึงค่อยเดินอ้อมตู้ที่วางขวางทาง ไปยังด้านหลังอันน่าสงสัยอย่างระมัดระวัง ไม่อยากมองเต็มตา แต่ก็ต้องมองให้หายสงสัย หลังตู้ไม้ใหญ่เป็นเตียงนอนหรูหรา บนเตียงใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย แสงตะเกียงโบราณ สาดส่องจับไปยังใบหน้าของร่างนั้นเห็นชัดเจน
ใบหน้าขาวผมยาวสยายหลับตาพริ้ม แต่พอเห็นเต็มตาเด็กสาวก็ถึงกับขนลุกซู่สมองลั่นเปรี๊ยะ.. ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า พื้นห้องเหมือนหมุนวนจมดิ่งลงไปข้างล่างอย่างไม่หยุดยั้ง เข่าอ่อนจนเซไปปะทะกับตู้ด้านหลังดังตึง...สมองมึนงงอย่างไม่รู้วิธีจะจัดการอย่างไรกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
ต่อให้ร่างนั้นนอนหลับตา ก็จำได้ชัดเจนว่า เป็นคนเดียวกับร่างที่เห็นว่าเดินออกมาจากเงาไม้หน้าหอพักช่วงหัวค่ำ ก่อนจะหายไปจากสายตาอย่างไร้วี่แวว.. เป็นร่างเดียวกับหญิงสาวผู้ผลุดโผล่ขึ้นมาจากเตียงนอนในห้องพัก พร้อมกับอาการดิ้นรนอยู่บนกองเลือด ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้ แสงตะเกียงไหววูบวาบเงาบนใบหน้าขาวซีด ประหนึ่งว่าขนตายาวงอนกำลังขยับกะพริบไหวของคนกำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมา อายามิพยายามบังคับให้ตัวเองเบือนหน้าหนี แต่บางอย่างสะกดตอกตรึงสายตาเธอ ให้จับจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาไปได้
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วเธอเป็นใคร ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว หรือว่าเป็นเพียงภาพหลอน คำถามมากมายผุดขึ้นมาในความคิดประเดประดัง จนสมองพองโต แทบระเบิดด้วยความสงสัยและความกลัว ทำให้นึกถึงภาพสยองจิตที่อาจเกิดขึ้นต่อไปได้ เช่นถ้าเธอคนนี้ลุกขึ้นมาจะทำอย่างไร เด็กสาวรู้สึกว่ากาลเวลาถูกตอกตรึงปักสนิท แน่นิ่งเนิ่นนาน
(มีต่อ)
คืนอาถรรพ์ หอพักนรก ตอนที่ 5
ด้วยขาสั่นระริก เธอค่อยก้าวลงบันไดไม้อย่างระมัดระวังตัว กลิ่นแปลกประหลาด อบอวนอยู่ในอณูอากาศ กลิ่นขี้ผึ้งปนกำมะถันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ และยังคล้ายมีกลิ่นสาบสางเหมือนกำลังก้าวลงไปในหลุมฝังศพโบราณอันว่างเปล่าเยือกเย็น
เด็กสาวพอจะเดาออกว่า ห้องปริศนานี้ เป็นห้องอยู่บริเวณชั้นที่สองของหอพัก อาจารย์แม่มดคงอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงาน ยึดครองห้องด้านล่าง ดัดแปลงเป็นห้องทดลองอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัว
ห้องชั้นสอง ตามผนังห้องประดับไปด้วยตะเกียงโบราณแบบติดผนังเรียงรายรอบ แสงของมันซีดเหลืองไร้ชีวิตชีวาอาบผนัง ตู้ไม้เก่าแก่แบบโบราณ จนดูเหมือนกำลังอยู่ในสุสาน หมอกสีขาวปนเหลืองดูคล้ายว่าจะลอยขึ้นมาจากพื้นห้อง บิดตัวไหลรินอ้อยอิ่งโอบล้อมเข้ามาอย่างเชื่องช้า ด้วยความรู้สึกมุ่งร้ายหมายขวัญอันเยือกเย็น
ตู้ไม้ลงรักสีคล้ำขนาดใหญ่วางขวางกลางห้อง นึกไม่ออกว่าตู้ไม้ใหญ่ขนาดนี้ ลำเลียงขนเข้ามาในห้องได้อย่างไร บางทีอาจารย์คานะอาจจะสั่งไม้เข้ามาประกอบทำเป็นตู้ในห้องก็เป็นไปได้ มันกว้างจนกั้นห้องออกเป็นสองส่วน แต่ยังพอมีช่องว่างข้างผนังแคบ ๆ พอเดินอ้อมไปด้านหลังได้ แสงไฟสั่นไหววูบวาบอยู่ด้านหลังข้ามตู้ คล้ายมีใครบางคนถือตะเกียงแกว่งไปมา แต่ใครกันล่ะ...เด็กสาวพยายามมองในแง่ดีว่า อาจจะเป็นอาจารย์คานะก็ได้
ในตู้ใบใหญ่ มีหนังสือวางเรียงอยู่หลายเล่ม หน้าปกมีอักษรแปลกพิกลที่อ่านไม่มีรู้เรื่อง เพราะไม่คุ้นตาเลยสักนิด ว่าเป็นอักษรของชนชาติใด บางเล่มมีหน้าปกวาด เป็นรูปสัตว์ร้ายรูปร่างพิสดาร พิกลพิการ ดูแล้วบอกไม่ได้ว่าอยู่ในไฟลั่มไหนในแบบเรียนชีววิทยา เด็กสาวมองดูหนังสือพักหนึ่งก่อนหันเหความสนใจ ไปยังด้านหลังของตู้
เสียงดังโครมด้านบนสนั่นหวั่นไหว จนสะดุ้งสุดตัว พอเงยหน้ามองดูจึงพบว่าประตูพื้นห้อง ที่เปิดอยู่ถูกกระแทกปิดลงมาอย่างแรง แบบไม่น่าเป็นไปได้
เด็กสาวใจหายวาบ ทางออกซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางออกชัดเจนทางเดียวถูก ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ ปิดมันลงราวกับจะสกัดทางหนี พอได้สติเด็กสาวก็รีบปีนบันไดขึ้นไปลองผลักประตูไม้ทดสอบดู และเป็นไปอย่างที่คิดไม่มีผิด .. มันปิดสนิทแนบแน่น ชนิดไม่สั่นหวั่นไหวต่อการออกแรงผลักจนสุดกำลังแม้แต่น้อย ราวกับด้านบนถูกทับไว้ด้วยก้อนหินขนาดยักษ์
นึกเสียใจว่าไม่น่าลงมาเลย แต่ถ้าไม่ลงมาจะไปไหนล่ะ จะออกจากประตูห้องพักของอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะมันล็อคตาย....เหลือทางเดียว ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
เด็กสาวปีนลงมา พลางมองหาสิ่งของพอใช้เป็นอาวุธสักอย่างพอให้อุ่นใจ แต่ก็ไม่มีอะไรจะใช้เป็นอาวุธได้ ถึงแม้ว่าจะได้มีด หรือไม้สักท่อน ก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้กับ ‘อะไร’ เหมือนกัน
“อาจารย์คะ......" ลองเรียกดูด้วยเสียงค่อนข้างดัง เสียงเรียกของเธอก้องกังวานในห้องอันเงียบงัน ไม่ว่าใครก็ตามอยู่บริเวณนั้น ต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับปราศจากเสียงตอบกลับขานรับ
มีเสียงใครบางคนถอนหายใจ ดังแว่วออกมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งอย่างจับทิศทางไม่ได้ แต่ทำให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง เด็กสาวพยายามตั้งสติ รวบรวมกำลังใจเรียกขวัญกำลังใจ ที่กำลังจะโบยหนีไปในความเวิ้งว้างเร้นลับให้กลับมาอีกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้น อาจเสียสติกับสถานการณ์น่าสะพรึงกลัว เธอนึกถึงคุณพระคุณเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง เราไม่ใช่คนบาป ชีวิตผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครสาหัสสากรรจ์ เราไม่ควรมาเจอความน่ากลัววิปริตโหดร้าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดก็ได้ช่วยด้วยเถิด...
อายามิสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เมื่อบอกกับตนเองว่าพร้อมแล้ว จึงค่อยเดินอ้อมตู้ที่วางขวางทาง ไปยังด้านหลังอันน่าสงสัยอย่างระมัดระวัง ไม่อยากมองเต็มตา แต่ก็ต้องมองให้หายสงสัย หลังตู้ไม้ใหญ่เป็นเตียงนอนหรูหรา บนเตียงใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย แสงตะเกียงโบราณ สาดส่องจับไปยังใบหน้าของร่างนั้นเห็นชัดเจน
ใบหน้าขาวผมยาวสยายหลับตาพริ้ม แต่พอเห็นเต็มตาเด็กสาวก็ถึงกับขนลุกซู่สมองลั่นเปรี๊ยะ.. ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า พื้นห้องเหมือนหมุนวนจมดิ่งลงไปข้างล่างอย่างไม่หยุดยั้ง เข่าอ่อนจนเซไปปะทะกับตู้ด้านหลังดังตึง...สมองมึนงงอย่างไม่รู้วิธีจะจัดการอย่างไรกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
ต่อให้ร่างนั้นนอนหลับตา ก็จำได้ชัดเจนว่า เป็นคนเดียวกับร่างที่เห็นว่าเดินออกมาจากเงาไม้หน้าหอพักช่วงหัวค่ำ ก่อนจะหายไปจากสายตาอย่างไร้วี่แวว.. เป็นร่างเดียวกับหญิงสาวผู้ผลุดโผล่ขึ้นมาจากเตียงนอนในห้องพัก พร้อมกับอาการดิ้นรนอยู่บนกองเลือด ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้ แสงตะเกียงไหววูบวาบเงาบนใบหน้าขาวซีด ประหนึ่งว่าขนตายาวงอนกำลังขยับกะพริบไหวของคนกำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมา อายามิพยายามบังคับให้ตัวเองเบือนหน้าหนี แต่บางอย่างสะกดตอกตรึงสายตาเธอ ให้จับจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาไปได้
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วเธอเป็นใคร ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว หรือว่าเป็นเพียงภาพหลอน คำถามมากมายผุดขึ้นมาในความคิดประเดประดัง จนสมองพองโต แทบระเบิดด้วยความสงสัยและความกลัว ทำให้นึกถึงภาพสยองจิตที่อาจเกิดขึ้นต่อไปได้ เช่นถ้าเธอคนนี้ลุกขึ้นมาจะทำอย่างไร เด็กสาวรู้สึกว่ากาลเวลาถูกตอกตรึงปักสนิท แน่นิ่งเนิ่นนาน
(มีต่อ)