เราทราบกันแล้วว่าในการศึกษาวัคซีนเข็ม 3 ทั้งจาก UK
https://m.pantip.com/topic/41145071
และของ ศรร
https://m.pantip.com/topic/41211934
วัคซีนตัวสุดท้ายจะเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพสุดท้าย โดยไม่ขึ้นกับ 2 เข็มแรกสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า 2 เข็มแรกเป็นวัคซีนที่ฉีดตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ ( homologous schedule )
แต่มาดูเรื่องการปูพื้นของวัคซีนไขว้หน่อยบ้างเป็นไร
จากการศึกษา ศรร นี้
https://www.facebook.com/104663661197163/posts/452238069773052/?d=n
ถ้าดูเฉพาะกลุ่มที่เข็ม 3 เป็นตัวที่ประสิทธิภาพดี( PZ ) โดยที่ primary series 3 กลุ่ม เป็นแบบ homologous 2 กลุ่ม( SV+SV ) และ ( AZ+AZ ) และ heterologous ( วัคซีนไขว้ ) 1 กลุ่ม ( SV+AZ )
1.primary series เป็น SV+SV
( = SV+SV+PZ )
2.primary series เป็น AZ+AZ
( = AZ+AZ+PZ )
3.primary series เป็นวัคซีนไขว้ SV+AZ
( = SV+AZ+PZ )
โดยวัด NAb ต่อ Omicron ผลคือ 👉
SV+SV+PZ มี NAb= 543 GMT
AZ+AZ+PZ มี NAb = 521 GMT
SV+AZ+PZ มี NAb = 150 GMT
ถ้าเราปูพื้นโดยวัคซีน homologous ( = ไม่ไขว้ ) ตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ ( SV+SV หรือ AZ+AZ ) ซึ่งทางบริษัทวัคซีนได้ทำวิจัยมาแล้วถึง 3 phase
เมื่อบูสเข็ม 3 ด้วยวัคซีนที่ประสิทธิภาพดี ( PZ ) แล้ว ผลสุดท้ายจะได้ผล NAb ที่ดี ใกล้เคียงกัน ( 543 , 521 )
แต่ถ้าเราฉีดแบบไขว้ ( heterologous ) ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ พอเราเอามาบูสเข็ม 3 ด้วยวัคซีนประสิทธิภาพดี ( PZ ) กลับได้ผลไม่ค่อยดี ( 150 )
แบบนี้ก็แปลว่าการที่เราฉีดแบบไขว้เอง ไม่ทำตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ เป็นการปูพื้นที่แย่ ทำให้พอบูสเข็ม 3 แล้วได้ผลน่าผิดหวัง ใช่หรือไม่ครับ
แล้วทีมแพทย์ที่พาคนไทยมารับวัคซีน SV+AZ จะแก้ไขอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ครับ ไปต่อเข็ม 3 ด้วยวัคซีนประสิทธิภาพดี ( PZ ) ผลแพ้คนที่ฉีด 2 เข็มแรกด้วยวัคซีนประสิทธิภาพต่ำ 2 เข็ม ( SV+SV ) แบบไม่ไขว้
จากการศึกษา ศรร วัคซีนไขว้เป็นการปูพื้นที่แย่ ใช่ไหมครับ
และของ ศรร https://m.pantip.com/topic/41211934
วัคซีนตัวสุดท้ายจะเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพสุดท้าย โดยไม่ขึ้นกับ 2 เข็มแรกสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า 2 เข็มแรกเป็นวัคซีนที่ฉีดตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ ( homologous schedule )
แต่มาดูเรื่องการปูพื้นของวัคซีนไขว้หน่อยบ้างเป็นไร
จากการศึกษา ศรร นี้ https://www.facebook.com/104663661197163/posts/452238069773052/?d=n
ถ้าดูเฉพาะกลุ่มที่เข็ม 3 เป็นตัวที่ประสิทธิภาพดี( PZ ) โดยที่ primary series 3 กลุ่ม เป็นแบบ homologous 2 กลุ่ม( SV+SV ) และ ( AZ+AZ ) และ heterologous ( วัคซีนไขว้ ) 1 กลุ่ม ( SV+AZ )
1.primary series เป็น SV+SV
( = SV+SV+PZ )
2.primary series เป็น AZ+AZ
( = AZ+AZ+PZ )
3.primary series เป็นวัคซีนไขว้ SV+AZ
( = SV+AZ+PZ )
โดยวัด NAb ต่อ Omicron ผลคือ 👉
SV+SV+PZ มี NAb= 543 GMT
AZ+AZ+PZ มี NAb = 521 GMT
SV+AZ+PZ มี NAb = 150 GMT
ถ้าเราปูพื้นโดยวัคซีน homologous ( = ไม่ไขว้ ) ตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ ( SV+SV หรือ AZ+AZ ) ซึ่งทางบริษัทวัคซีนได้ทำวิจัยมาแล้วถึง 3 phase
เมื่อบูสเข็ม 3 ด้วยวัคซีนที่ประสิทธิภาพดี ( PZ ) แล้ว ผลสุดท้ายจะได้ผล NAb ที่ดี ใกล้เคียงกัน ( 543 , 521 )
แต่ถ้าเราฉีดแบบไขว้ ( heterologous ) ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ พอเราเอามาบูสเข็ม 3 ด้วยวัคซีนประสิทธิภาพดี ( PZ ) กลับได้ผลไม่ค่อยดี ( 150 )
แบบนี้ก็แปลว่าการที่เราฉีดแบบไขว้เอง ไม่ทำตามที่บริษัทวัคซีนแนะนำ เป็นการปูพื้นที่แย่ ทำให้พอบูสเข็ม 3 แล้วได้ผลน่าผิดหวัง ใช่หรือไม่ครับ
แล้วทีมแพทย์ที่พาคนไทยมารับวัคซีน SV+AZ จะแก้ไขอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ครับ ไปต่อเข็ม 3 ด้วยวัคซีนประสิทธิภาพดี ( PZ ) ผลแพ้คนที่ฉีด 2 เข็มแรกด้วยวัคซีนประสิทธิภาพต่ำ 2 เข็ม ( SV+SV ) แบบไม่ไขว้