อายุ 21 ปีแล้ว เรียนต่อปริญญาตรี ดีไหม???

เรียนต่อป.ตรี รัฐศาสตร์ ม.ราม 
เราไม่รู้ว่าเรียนดีไหมหรือไม่เรียนดี คือ เราไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร จบมาจะทำอะไร 
1.ตั้งแต่เกิดมาครอบครัวไม่เคยบังคับ ให้อิสระตลอด 

2.ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน (ไม่ได้รวยนะคะ)

3.ตอนเรียนจบปวช.ทำไมไม่เรียนต่อตอนนั้น

-ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร (แต่เรามีประสบการณ์ในการทำงานนะเรียนสายอาชีพก็เรียนด้วยทำงานด้วย)
พ่อแม่:จะจบแล้วเรียนต่อไหน จะเข้าม.รัฐหรือ                   ม.เอกชน จะเรียนคณะอะไร 
เรา:ไม่รู้ ไม่ได้ชอบอะไรเลย
พ่อแม่:คิดดีๆนะตัดสินใจดีๆชีวิตลูก ลูกเลือกเอง พ่อ           แม่จะไม่บังคับ จะเรียนก็เรียน ไม่เรียนก็ไม่             เรียน 
เรา:เรียนจบแล้วจะทำอะไร ไม่อยากเรียนแล้ว 
พ่อแม่:แล้วแต่นะ ไม่เรียนก็กลับมาอยู่บ้าน 
(เราเรียนจบปวช.ก็กลับไปอยู่บ้าน อยู่บ้านได้สัก1-2เดือน ก็เล่นโซเชียลเลื่อนไปเจอการเรียนบริบาล)
เรา:เราบอกพ่อแม่ว่าจะลองเรียนอันนี้ ค่าเรียน49,000
พ่อแม่:ชอบใช่ไหม ถ้าอยากเรียนก็เรียนลองเรียนดู          ไม่เสียหาย
เรา:เรียนได้ใช่ไหม ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม 
พ่อแม่:ไม่มี อยากเรียนก็เรียน เรียนจบมาไม่มีงานทำ          ก็กลับมาอยู่บ้าน ลองไปเรียนดูเรียนไม่สนุกก็          กลับมา

เราก็สมัครเรียนจ่ายค่าเรียนและค่าอะไรต่างๆ เรียนพนักงานผู้ช่วยพยาบาลและเรียนพนักงานผู้ช่วยเภสัชกร ค่าเรียน49,000 ได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาล
เรียนและฝึกงานรวม6เดือน เรียนจบแล้ว (ค่าใช้จ่ายค่าเรียนต่างๆในระยะเวลา 6 เดือน รวมประมาณเกือบๆ120,000)

4.เรียนจบแล้ว 
พ่อแม่:เรียนจบแล้วสมัครงานยัง จะทำงานอะไร                 ที่ไหน 
เรา:กำลังสมัครอยู่สมัครหลายที่ 
พ่อแม่:สู้ๆนะลูก เงินเดือนจะมากจะน้อยก็อย่าไป               สนใจ หาประสบการณ์เรียนรู้เอานะ 
เรา:ค่ะขอบคุณพ่อแม่ที่คอยให้กำลังใจคอย                สนับสนุนทุกๆเรื่องนะ ขอบคุณ ตายาย ลุงป้าน้า      อา และน้องชายด้วย 
(หลายๆที่ก็เรียกสัมภาษณ์แล้ว)
ได้งานแล้ว ได้ทำร้านขายยา ทำได้ประมาณอาทิตย์นึง รู้สึกไม่ชอบก็ออก 
ได้ทำที่โรงพยาบาลอยู่ตึกเด็ก ทำได้เดือนนึง เดือนกว่าๆ ไม่ใช่ทางก็ออก 

5.สุดท้ายกลับไปอยู่บ้าน พ่อแม่เรียกกลับ เราก็เรียนจบมาแล้ว เสียเงินแล้ว กลับไปบ้าน ชาวบ้านต้องนินทาต้องว่าเราแน่ๆ เราก็บอกพ่อแม่ไป พ่อแม่ปล่อยเขาสิ เขาส่งลูกเรียนหรอ เขาเดือดร้อนอะไรด้วย อย่าไปสนใจ กลับมา กลับมาอยู่บ้านนี่ ไม่ต้องไปไหนแล้ว อยู่บ้านก็มีกินมีใช้ 

6.กลับไปอยู่ได้เดือนกว่า ก็รู้ว่างเกินไปแล้ว บอกพ่อแม่ว่าจะลองดูอีกสักครั้ง พ่อแม่ก็บอกตามใจ อย่าคิดมาก ทำอะไรคิดดีๆ มีอะไรปรึกษาพ่อแม่ มีเรื่องทุกข์ใจอะไรบอกกัน อย่าเก็บไว้คนเดียว 

7.ถึงเวลาออกหางานแล้ว ได้งานที่กทม. ก่อนมาทางบ้านก็บอกจะเรียนต่อไหม ถ้าจะเรียนก็เรียนพวกเราสนับสนุน เราก็บอกว่ายัง พวกเขาบอกขาดเหลืออะไรก็บอกนะ ไปทำงานตั้งไกล พ่อแม่ก็ให้เงินหมื่นนึง ตายายหมื่นนึง ลุงป้าน้าอา คนละ500-1000 น้องชายให้ 2000 น้องชายบอกค่าเครื่องกลับมาบ้าน บอกกับพ่อแม่ว่า ดูนะมันไปอยู่ไม่ถึง1อาทิตย์ก็กลับมาแล้ว

8.เดินทางนั่งเครื่องไปทำงานแล้ว ไปคนเดียวไม่มีเพื่อน ทำงานศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เริ่มงาน ทำงานได้2วัน ไม่ไหวแล้ว โทรหาที่บ้าน จะกลับบ้านนะ ขึ้นเครื่องไฟล์ทนี้นะ ถึงประมาณนี้ มารับด้วย เดินทางกลับถึงบ้าน ทุกคนหัวเราะใส่ ขำ เขาบอกไปท่องเที่ยวหรอ (เราไม่โกรธนะ) 

9.กลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงเดือน บอกจะไปอีกแล้ว ทุกคนตกใจ ห่ะ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เรา ทีนี้จะเอาจริงๆแล้ว จะอดทนให้ได้มากกว่านี้ พ่อแม่บอกไม่ไหวอย่าฝืน 

10.บินไปกทม.อีกครั้ง ไปทำงานที่ศูนย์เหมือนเดิม งานหนักงานเบาไม่เคยบ่น ทำเรื่อยๆพ่อแม่โทรมาก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยสักเท่าไหร่ ทำงานได้เกือบปี ก็ลากลับบ้าน กลับมาบ้านทุกคนดูดีใจใหญ่เลยและภูมิใจด้วยที่เรามีความอดทน คำถามแรกที่ได้คือ เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม ทำงานหนักไหม เพื่อนร่วมงานดีไหม เราก็ตอบโอเค แล้วมีคนแถวบ้านถามว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เอากลับมาบ้านเท่าไหร่ เราก็ตอบ ไม่ได้อยู่ในศูนย์อย่างเดียว ศูนย์ส่งไปตามโรงพยาบาลบ้าง ส่งไปตามบ้านบ้าง เงินเดือนรวมโอทีก็21,000ค่าอาหารวันละ150ต่างหาก มีที่พักให้ฟรี เดือนๆนึงมีเก็บประมาณ15000-18000 เพราะ ซื้อของใช้ส่วนตัวสั่งของนู้นนี่บ้าง 

11.ทำงานอยู่ที่ศูนย์ได้ 2 ปีเศษๆ มีเงินเก็บเกือบ350,000
ทุกครั้งที่กลับบ้านหรือเป็นวันสำคัญก็โอนให้พ่อแม่ ตายายและน้องชาย ตลอด บางครั้งให้พ่อแม่1000บ้าง5000บ้าง ให้ตายายและน้องชาย1000บ้าง2000บ้าง ตอนกลับบ้านก็ให้พ่อแม่หมื่นนึงบ้าง ให้ตายาย1พัน น้อง1พัน ซื้อของกินฉลองกับลุงป้าน้าอาพี่ๆน้องๆ ครอบครัวของเรานี่แหล่ะ (ปีนึงพ่อแม่ตายายก็จะให้เงินเราทุกปี ถึงแม้เราจะมีรายได้แล้วก็ตาม)

12.จู่ๆเรามีความคิดขึ้นมาว่าจะเรียนต่อป.ตรีดีไหม ทุกคนทางบ้านพร้อมสนับสนุน แต่เราลังเลอยู่ 
บางทีคิดอยากจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น ทางบ้านก็บอกแล้วแต่ 

13.ที่คิดจะเรียนต่อป.ตรี เพราะเวลากลับบ้านอายคนที่บ้าน คนที่เรียนจบป.ตรีงี้ เขาเรียนจบสูง เราเรียนจบแค่ปวช. แต่มีหลายคนจบป.ตรีแล้วไม่มีงานทำ กลับไปอยู่บ้านเฉยๆ บางคนได้งาน แต่เงินไม่พอใช้ต้องห่างไกลจากครอบครัว บางคนมีหนี้ต่างหาก บางคนก็ประสบความสำเร็จ

#ที่บอกมานี้ไม่ใช่จะมาอวดว่าครอบครัวดีแบบนู้นแบบนี้นะคะ ทุกครอบครัวก็มีทั้งดีไม่ดีกันเกือบทุกครอบครัวแหล่ะ 

#ไม่ใช่เป็นคนที่ไม่มีความอดทนไม่มีความรับผิดชอบนะคะ คือ ถ้าเราอยู่จุดๆที่ไม่โอเค ไม่มีความสุข เราจะฝืนอยู่ ก็ไม่เกิดผลดีอะไร บางทีถ้าเราฝืนอาจเกิดผลเสียผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อคนรอบข้างก็ได้ ไม่ใช่ก็ถอยออกมาก่อน คิดแบบนี้เสมอค่ะ เรายังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เรายังมีอนาคตที่แสนยาวไกล เราสามารถพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆ 

#แต่เราควรเรียนต่อป.ตรีดีหรือไม่ดี ที่เรียนก็ใช่ว่าจะชอบนะคะ ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าชอบอะไร เลยลังเลว่าจะเรียนต่อดีไหม สองจิตสองใจ เรียนดีไม่เรียนดี???

#ช่วยคอมเม้นท์หน่อยนะคะ ผิดพลาดตรงไหน ตรงไหนไม่ดีก็ขออภัยด้วยนะคะ🙏

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่