ฝันหวาน (Sweet Dream) 91

กระทู้สนทนา

.

           และแล้ววันที่สามสิบเอ็ดธันวาคมก็มาถึง เป็นวันที่พรนภารอคอยมาค่อนปี รอคอยมาทั้งปีเพื่อมาสนุกและมีความสุขเพียงวันนี้วันเดียว ทว่ามันก็คุ้มและมีความสุขมากสำหรับตนเอง ทั้งที่ชีวิตมันก็มีความสุขทุกวัน แต่ วันนี้มีความสุขแบบพิเศษ สุขมากกว่าทุก ๆ วัน

            ทุก ๆ ปีผ่านไปอายุก็มากขึ้นตาม ทำให้ความสุขที่เคยเกิดขึ้นในวันนี้ มันเปลี่ยนแปลงหายไปตามด้วย นั่นก็คือเพื่อน ทุกคนต่างอยู่กับครอบครัวของตนเองเป็นหลัก มีเวลาจริง ๆ ถึงได้มีโอกาสมาพบเจอกัน โชคดีที่เพื่อนสนิทของเธอเป็นญาติของเธอ จึงได้มีโอกาสได้เจอกันในวันเคานต์ดาวน์ปีใหม่

            วันนี้หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จเธอกับเมธีกลับมาที่บ้านของเธออีกรอบ อยู่ยาวไปจนถึงวันที่สามมกราคมกันเลย เป็นข้อตกลงที่ได้ตกลงกันเอาไว้นานแล้ว เมธีก็ไม่ขัดข้องอะไรตามใจเธอเสมอ เป็นสามีที่ตามใจ และ เป็นน้ำเย็นชโลมจิตใจที่เวลาร้อนรุ่ม

            พรนภาชวนลูกชายของสามีมาด้วย ทว่าเจ้าตัวปฏิเสธไม่ขอตามมา เธอไม่คิดอะไรทั้งนั้น ครอบครัวคนที่บ้านของเธอก็ไม่คิดตาม รับได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอตัดสินใจ เมื่อลูกไม่ขอตามมาด้วยพวกเธอก็ไม่บังคับ รับปากว่าก่อนกลับไปทำงานจะแวะมาหาอีกรอบ ร่ำลากันเสร็จพวกเธอก็ออกเดินทางทันที ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านของเธอแล้ว

            ก่อนเข้าบ้านเช่นเคย ไม่ลืมแวะซื้อกับข้าวลาบขมต้มแซ่บร้านเจ้อื๋อเจ้าประจำ คราวนี้ซื้อไปฝากยายไม่ได้ซื้อไปทานกันเอง มาถึงบ้านพบว่ามีเพียงน้องสาวของเธออยู่บ้านคนเดียว คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด ให้เดาพ่อกับแม่น่าจะไปที่บ้านใหญ่ นั่นก็คือบ้านย่าของเธอเอง

            “สวัสดีค่ะพี่เมธี พี่นภาด้วย” น้องสาวของเธอยกมือไหว้ทักทาย ซึ่งเรียกสรรพนามตามเธอว่าพี่ เรียกแบบไม่เคอะเขินเลยสักนิด เมธีเองก็ไม่เขินยิ้มให้พร้อมรับไหว้อย่างคุ้นเคย “ไม่มีใครอยู่บ้านเลย หนูอยู่บ้านคนเดียว” น้องสาวของเธอกล่าว

            “น้องฟ้ามาถึงวันไหนครับเนี่ย” เมธีถามน้องสาวของภรรยา ที่มองคราใดก็หน้าตาคล้ายกันอย่างกับฝาแฝด

            เธอหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บไว้ในห้องนอนตามเดิม ก่อนจะออกมานั่งคุยกันที่ห้องโถงของบ้าน เปิดทีวีดูแก้เซ็ง ช่างเป็นปีใหม่ที่เงียบเหงามาก แต่ว่าก็ไม่ได้เงียบเหงาซะทีเดียว ละแวกบ้านของเธอมีการจัดงานแต่งงาน ทำให้ได้ยินเสียงเพลงอยู่ไม่ขาดระยะ

            “มาถึงวันไหนฟ้า! แล้วทุกคนไปไหนกันหมด” พรนภาถามน้องสาวอีกคน

            “มาถึงตั้งแต่วันที่สามสิบแล้ว พ่อแม่ไปบ้านย่า ส่วนยายไปบ้านลุงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไปนอนที่นั่น ฟ้ารอพวกพี่สองคน ปีนี้ว่าจะไม่ไปหาเพื่อน ๆ เบื่อ! จะเคานต์ดาวน์กับพวกพี่” น้องสาวพูด พรนภากับเมธีพยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจ

            “ปีใหม่เงียบน้อ เพราะโควิดแหละถึงได้เงียบแบบนี้” เมธีบ่น เอนหลังลงนอนไปกับโต๊ะไม้อย่างคุ้นเคย บ้านของภรรยาก็คือบ้านของตนเอง ปรายตามองภรรยาสุดที่รักเธอมีความสุขมาก แค่เห็นเธอมีความสุขตนเองก็พลอยสุขใจไปด้วย

            ไม่อยากคิดหากติดงานด่วนกะทันหัน ไม่ได้พากลับบ้านปีใหม่อะไรจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงงอนหน้างอเป็นไข่มดแดง เผลอ ๆ อาจจะพาลไม่คุยด้วยไปเลย แค่คิดก็สยอง! ดีที่ไม่ติดอะไร ถึงพรนภาจะทำเป็นเข้าใจทุกอย่าง แต่เขาก็รู้ว่าพรนภาก็เสียใจผิดหวังมากเช่นกัน

            “พี่เมธีเคานต์ดาวน์กินไรเรา ฟ้าไม่กินเบียร์นะ ฟ้ามีโซจูของฟ้าแล้ว ฟ้าเลี้ยงเบียร์ลังนึงนะ ” น้องสาวของภรรยาพูดปนยิ้ม ถามพี่เขยอย่างรู้งาน เข้าทางเขาสิ มาบ้านภรรยาได้สนุกเฮฮามากกว่าไปบ้านของเขาเป็นไหน ๆ แต่ถึงอย่างไรก็อยากกลับบ้านตนเองบ้าง คิดถึงพ่อแม่คิดถึงลูก

            “อั้ยยะ! โบนัสหลายติน้อง น้องฟ้าคิดไว้เลยครับอย่างทานไรพี่จัดให้ น้องนภาคืนนี้กินไรดีคะ” เมธีดูตื่นเต้นไปกับสองสาวตรงหน้า ภรรยาและน้องสาวภรรยา “เหล้าสีน้อ เหลืออยู่แบนนึงพี่พกมาด้วยค่ะ”

            “พอรึ!” พรนภาตอบทันควัน ทำหน้าทะเล้นให้สามีไปอีก ส่วนน้องสาวเอาแต่หัวเราะที่พี่สาวกับพี่เขยเล่นกัน แม้จะต่างวัยกันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทะเล้นใส่กันเลย

            เมธีหัวเราะ “ไม่พอก็ไปซื้อสิคะ น้องกินเหล้าสีไปเลย พี่จะกินเบียร์มีคนเลี้ยงตั้งหนึ่งลังแหนะ ฮา” เมธีพูดพร้อมทำท่าทางดีใจไปด้วย “น้องฟ้ากินด้วยมั้ยครับ”

            “ไม่จ้า! ฟ้าจะกินโซจู ซื้อมาตั้งห้าขวดแหนะ เกาหลี ๆ น่ะพี่เมธี อือ.. ไปชวนพี่แฝดก่อน คืนนี้อยากดวลแก้ว ฮา” น้องสาวของเธอพูดอย่างคนอารมณ์ดี พร้อมลุกขึ้นเดินไปยังบ้านญาติ เธอกับเมธีมองตามด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ ตอนเย็นค่อยว่ากันอีกที

            วันพักผ่อนอีกวัน เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือหลาย รู้สึกตัวอีกทีก็วันที่สามสิบเอ็ดแล้ว แค่คิดก็เหนื่อยใจ ไม่อยากกลับไปทำงานเลย อยากอยู่บ้าน อยากอยู่ที่บ้านเช่นตอนนี้

            “เป็นอะไรคะตัวเอง เงียบเชียว” เมธีถาม ดรุณีน้อยผู้เลอโฉมของตนเอง ดูเหมือนหงอย ๆ ซึม ๆ วันนี้กลับมาบ้านของตนเองแท้ ๆ ทำไมต้องหงอย อยากรู้ว่าคิดอะไรอยู่ ต้องยิ้มดีใจมีความสุขสิ ไหงมาซึมแบบนี้ เลิกคิ้วถามรอคำตอบ นึกห่วง เป็นอะไรคิดอะไรอยู่

            “เปล่า! นภาแค่คิดถึงวันที่สามเฉย ๆ ค่ะ วันที่เราต้องกลับไปทำงาน พี่เมธี…” พรนภาถามแล้วเงียบไป มองหน้าเมธี ส่วนเจ้าตัวมองกลับมาอย่างอยากรู้

            “คะ! พี่ทำไมเอ่ย เค้าทำไมคะตัวเอง” ถามพร้อมลุกมานั่งด้วย ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน พวกเขาสองคนสามารถกระหนุงกระหนิงกันได้ น้องสาวภรรยาไปบ้านญาติยังไม่กลับมา ออดอ้อนออเซาะได้

            “นภาอยากกลับมาทำงานที่บ้านเราแหมะ ได้อยู่กับแม่กับลูกด้วย พี่เมธีไม่ชอบเหรอ” เธอพูดเรื่องนี้อีกครั้ง

            เมธีนิ่งมอง มองภรรยาคราวลูกด้วยความเข้าใจ แม่ดรุณีน้อยในดวงใจ หาที่ใดจะเปรียบได้ “พี่ก็อยากย้ายกลับมาอยู่บ้านค่ะ ไม่ใช่พี่ไม่อยากกลับมา อือ… เอาเป็นว่าถ้ามีพร้อมและมีโอกาสพี่จะรีบพาน้องกลับมาเลยนะคะ โอเคมั้ย!” ดมปอยผมของภรรยาสาวเบา ๆ “โอ๋สงสัยอิหล่าสิบ่อยากกลับไปทำงาน บ่อได้เด้! แล้วเมธีสิอยู่กับไผ” ทำหลับตาปริบ ๆ ให้ภรรยาสาวคราวลูกด้วยความตลก ได้ผล! เรียกรอยยิ้มของพรนภากลับมาได้อีกครั้ง

            “จ้า! นภาแค่พูดเฉย ๆ พี่เมธีอยู่ที่ไหน นภาก็อยู่ที่นั้นแหละ” พูดพร้อมโปรยยิ้มให้กับสามีรุ่นพ่อด้วย

            บ่ายโมงน้องสาวกลับมาที่บ้าน “พี่เมธี พี่นภา พี่ ๆ บอกว่าไปที่บ้าน สองคนชวนไปเล่นที่บ้าน ไปมั้ย! พี่ ๆ ให้ฟ้ามาตามพวกพี่ไปที่บ้านกัน” น้องสาวของพรนภากลับมาบ้าน เพื่อมาตามพวกเธอไปยังบ้านของญาติ ที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก

            “ไปมั้ย!” พรนภาหันมาถามผู้เป็นสามี เนื่องจากเกรงว่าบางทีเมธีอาจจะไม่อยากไป อาจต้องการจะพักผ่อน กว่าจะถึงตอนเย็นก็อีกหลายชั่วโมง

            “ไปก็ไปค่ะ จะได้ไม่เงียบเหงา สนุกให้สุดแล้วหยุดที่โรงบาลสนามน้อง ฮา” เมธีพูดกลั้วหัวเราะกับพรนภาและน้องสาวของพรนภา จากนั้นพวกเธอทั้งสามคนก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย เดินตามกันไปบ้านญาติอีกหลัง

            มาถึงที่บ้านพี่สาวลูกพี่ลูกน้องพบเพียงพี่ ๆ สองคนอยู่บ้านกัน ลุงป้าท่าจะไปบ้านย่าเหมือนกับแม่ของเธอ มาถึงพบว่ามีเพียงพี่สาว และ พี่สาวอีกคนพร้อมสามีและลูกชาย

            พวกเธอเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก จึงทำให้สนิทแฟนของกันและกันด้วย ไม่มีใครมองเมธีสามีรุ่นพ่อคนนี้ของเธอไม่ดีเลยสักคน ต่างก็เรียกพี่ตาม ๆ กัน เรียกพี่เมธีเหมือนเธอ ยกเว้นก็แต่พวกผู้ใหญ่ที่เรียก ‘คุณ’ เจ้าตัวเองก็ไม่เขิน เป็นกันเองและกลมกลืนที่สุด นั่งมองรถวิ่งผ่านไปผ่านมา นั่งคุยกันไปสักพักก็บ่ายแก่ และ เย็นเข้าทุกที สุดท้ายก็ถึงเวลาที่รอคอย

            ที่นัดกันไว้พี่กันต์กับพี่นาโทรมาบอกว่าไม่ว่างเลย มาเล่นที่บ้านของเธอด้วยไม่ได้ เธอก็ไม่ว่าอะไร เข้าใจ! ต่างคนต่างมีครอบครัวกันแล้ว แค่วันที่ไปบ้านของเมธี พี่กันต์กับพี่นามาปาร์ตี้ก็เพียงพอต่อใจแล้ว

            ……………………………

            หกโมงเย็นพวกเธอก็ยังขลุกตัวอยู่ที่บ้านญาติ เป็นทั้งพี่สาวเป็นทั้งเพื่อนซี้ ทำให้บรรยากาศมันเป็นกันเองมาก ๆ พรนภาคอยถามสามีว่าอยากกลับไหม อยากพักผ่อนหรือเปล่า อึดอัดหรือไม่ จะพากลับ! เมธีก็ปฏิเสธเสมอ ใบหน้ายิ้มแย้มปนไปด้วยเสียงหัวเราะของทุกคน เห็นสามีเข้ากับพี่น้องได้พรนภาก็ยิ้มออก

            ฟ้าน้องสาวของเธอซื้อเบียร์ยกลังมาเลี้ยงปีใหม่พี่ ๆ ทุกคนปรบมือรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้นกันเลย ต่างแซวฟ้าว่าได้โบนัสเยอะแหง ๆ ทั้งที่น้องสาวของเธอกับเธอไม่มีโบนัสสักบาทเดียว เพียงอยากเลี้ยงพี่ ๆ ปีละครั้งเท่านั้น

            “ฟ้าไม่มีโบนัสจ้า แต่ฟ้าเลี้ยง” น้องฟ้ากล่าว “พึ่งเปลี่ยนงาน ทำไม่ถึงปีเลยไม่ได้กะเค้า”

            “เปลี่ยนบ่อยไม่ดี มันจะไม่มั่นคงนะฟ้า พอทำได้ก็ทำ ๆ ไป เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ลงตัวเอง” พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอเตือนน้องสาวของเธอ

            “ฉันผู้ที่ทำงานมานานหลายปี แต่ไม่มีโบนัสสักบาทเดียว ฮา! งือ… กูเศร้าเด้อ!” เธอพูด ทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่ระหว่างนั่งเม้าท์กัน

            “มืงน่ะควรเปลี่ยนงานใหม่นภา ทำมาตั้งนาน เงินเดือนมืงเท่าไหร่ เหนื่อยอีก เห็นบอกทำงานคนเดียวเวลาอีกคนหยุดหนิ มาทำงานแบบกูก็ได้! เอ่อ ไม่ได้ดิ อายุเกินละ ไม่ตรงสายอีก” พี่สาวลูกพี่ลูกน้องอีกคนแนะนำ

            “ช่าง! ไม่เป็นไรพี่เมธีเลี้ยงได้ น้อพี่เมธี!” เธอแกล้งถาม

            “ค้าบ! ฮา” เมธีรับมุกทันที เรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนได้อีกรอบ “ผมบอกให้ลาออกหลายทีละ ก็ไม่ยอมลาออก อยากทำก็เลยปล่อยให้ทำ แต่ก็ดีจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ให้เป็นแม่บ้านเต็มตัวฟุ้งซ่านอีกล่ะ หาว่าผัวมีชู้อีก แย่เลย! ฮา” แซวภรรยาพร้อมทำหน้ายียวนให้ด้วย

            พวกเธอหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ทว่าเธอแอบค่อนขอดให้ เดี๋ยวเถอะ! กลับบ้านไปจะคิดบัญชีคอยดู บังอาจมาเผากันจะจะแบบนี้

            “ก็นั่นไงนภาเลยอยากทำงานไง พี่เมธีมีเมียน้อย นภาก็จะมีผัวน้อย เสมอกัน หึหึ” เคยยอมที่ไหนเรื่องต่อปากต่อคำ

            “ฟ้าจะเปลี่ยนงานอีกอยู่ ฟ้าสอบเข้าทำงานในมหาลัยขอนแก่นได้แล้ว แต่ว่ารอสัมภาษณ์หลังปีใหม่ กลัวตกสัมภาษณ์มาก! ปีที่แล้วก็ตกสัมภาษณ์ ปีนี้ยิ่งมี ป.โทสองคนมาด้วย ฟ้าตกสัมภาษณ์อีกแหง ๆ เอาคนเดียวนะ สอบข้อเขียนผ่านสิบคน” น้องสาวของเธอบ่นแบบปลง ดูก็รู้ว่าใครจะผ่านสัมภาษณ์ “ถ้าฟ้าได้ทำงานในมอขอฟ้าค่อยจะลาออกจากงานเดิม”

            “ไม่เป็นไรน้อง ปีนี้ไม่ได้ปีหน้าเอาใหม่ บนดิ! ใช้สมองด้วยพึ่งเรื่องแบบนี้ด้วย ลองดูไม่เสียหายครับ” พี่เขยอีกคนพูดให้กำลังใจน้องฟ้า

            “ฟ้า! เมื่อไหร่จะพาแฟนใหม่มาเปิดตัว” พี่สาวลูกพี่ลูกน้องถาม

            “เอ่อ! ฟ้าว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยเถอะค่ะ ฮา” ทุกคนฮากันตรึม จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยจริง ๆ โม้กันไปเรื่อย เพราะไม่เจอกันนาน ถึงแม้จะมีโซเชียลก็ตาม

            พวกเธอนั่งดื่มกันตั้งแต่หัววัน ตอนเย็นพี่เขยอีกคนมาสมทบ คู่ใครคู่มันยกเว้นน้องฟ้าที่ไม่มีคู่กับเขา มีแฟนทว่าไม่ได้พาแฟนมาเปิดตัวด้วย ปาร์ตี้เคานต์ดาวน์คืนนี้แต่ละคนดื่มคนละอย่างกัน

            พี่สาวกับพี่เขยดื่มเบียร์ที่น้องฟ้าซื้อให้ เธอกับเมธีดื่มเหล้ารีเจนซีที่ซื้อมาผสมโซดา น้องสาวของเธอดื่มโซจูคนเดียว กับแกล้มเป็นปลานิลย่าง ส้มตำ กุ้งแม่น้ำ หอยหวาน หมึก เนื้อติดมัน คนย่างคือเมธีและพี่น็อตสามีของพี่สาวอีกคน

            บรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้นเฮฮาตามประสาพี่น้อง มีความสุขเช่นกัน แม้เพื่อนสนิทอีกคนจะไม่ได้มาร่วมวงด้วย เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง ต่างคนต่างอยู่กับครอบครัวของใครของมัน ทว่าเธอก็มิลืมโทรหา คุยกันด้วยความคิดถึง อยากย้อนเวลากลับไปตอนเด็ก ๆ ที่ทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่