พท.แฉหลักฐาน กังขา รัฐปกปิดข้อมูล! "อหิวาต์ในหมู" ปูดเอกสาร ขอเบิกงบแก้โรค
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6827491
เพื่อไทย ไล่ “ประยุทธ์” ลาออก เย้ยอายแทนรัฐ “ปกปิดข้อมูลอหิวาต์แอฟริกาในหมู” ปูด รัฐขอเบิกงบแก้โรค จ่อซักฟอก พร้อมยื่น ป.ป.ช. เอาผิดต่อ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ม.ค.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. พร้อมด้วยนาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ฐานะประธาน ส.ส.พรรค และ น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค พท.ร่วมแถลงกรณี “
อหิวาในหมู รัฐปกปิดข้อมูลพร้อมเรียกร้องให้ปลดผู้รับผิดชอบ และของแพง แต่ชีวิตประชาชนราคาถูก”
นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องหมูที่ไม่ใช่หมู เพราะจะเป็นเรื่องล้มรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ปล่อยปละละเลย ก่อความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง เศรษฐกิจฐานรากพังพินาศ เพราะเป็นโรคระบาดสัตว์ รัฐบาลชุดนี้แปลก เจอโรคระบาดแล้วทำงานไม่เป็น ล้มเหลวผิดพลาดตลอด
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีประกาศชัดเจนว่าให้การแก้ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ เม.ย.62 หลังจากนั้นรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ต่อมา 15 ส.ค.62 นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรค พท. ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่องอหิวาต์ในสุกร แต่ก็ไม่มีคำตอบ แต่กลับไปตอบในราชกิจจาฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.62 โดยที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ถือเป็นการปล่อยปละละเลย ทำให้ราคาหมูแพง ต่อเนื่องไปถึงราคาอาหารสัตว์อื่นๆ
นพ.
ชลน่าน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ต้องถามว่ามีหลักฐานชัดเจนว่ามีการปกปิดข้อมูล ถามว่าทำไมต้องปกปิด เพราะ 1.กลัวต้องชดเชยเยียวยาเกษตรกรหรือไม่ 2.ต้องการทำลายล้างเกษตรกรรายย่อยในการเลี้ยงหมู และ 3.ท่านต้องรับผิดชอบทางด้านการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปอยู่ไหน ถึงไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน รมว.เกษตรฯ หายไปไหน ทำไมไม่ประกาศว่ามีการะบาดของโรคเกิดขึ้น โดยพรรค พท.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาฯ และขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลยอมให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาเพื่อหาทางออก หามาตรการและแนวทางในการแก้ปัญหาประชาชนโดยด่วน
นอกจากนี้จะตั้งกระทู้ถามสด เราต้องการคำตอบจาก รมว.เกษตรฯ ว่าไปดักดานอยู่ที่ไหน ใครเอาเท้าเหยียบปากคุณไว้ และขอประกาศเลยว่ารื่องนี้จะอยู่ในญัตติของการอภิรายทั่วไปตาม ม.152 และถ้าไม่มีความรับผิดชอบจากนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ รวมทั้งข้าราชการและผู้เกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป และจะยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพื่อถามหาความรับผิดชอบทางการเมือง ส่วนระดับอธิบดีก็จะต้องโดนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ยอมบอกความจริง ปกปิดข้อมูล จนทำให้เกิความเสียหายไปทั่วประเทศ คือหนังสือของกระทรวงเกษตรฯ มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และ โรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า
จากนั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 เรื่องอนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวประมาณ 574 ล้านบาท แสดงว่ามีความเสียหายจริง แล้วนายกฯ ไปอยู่ไหน ไม่ทราบเรื่องนี้จริงหรือ แบบนี้เสียหาย ในฐานะคนไทยรู้สึกอาย เพราะมีการเกิดโรคระบาดจริง เพราะท่านใช้งบประมาณแผ่นดินแก้ปัญหา แล้วแบบนี้เรียกว่าเบิกเงินเท็จหรือไม่ ขอฝากให้ฝ่ายกฎหมายพรรคดำเนินการด้วย
วิจัยกรุงศรี ประเมิน "โอมิครอน" ระบาดทำเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า
https://www.thairath.co.th/business/feature/2285325
วิจัยกรุงศรี ประเมินโอมิครอนระบาดรอบนี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 65
เศรษฐกิจในช่วงแรกของปีเผชิญความท้าทายจากการระบาดของโอมิครอน กระทบต่อความต่อเนื่องของการฟื้นตัว จากเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดเดือนพ.ย. 64 สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นในเกือบทุกภาค โดยภาคส่งออกเติบโตสูง (+23.7% YoY) ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า
ขณะที่ภาคท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยับขึ้นเกือบแตะแสนคน หลังทางการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวภายใต้มาตรการ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64
ด้านการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวต่อเนื่อง (+0.9% MoM_sa) หลังสถานการณ์ระบาดในประเทศและการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น หนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชน (+4.3%) ที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ
สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะการระบาดจากสายพันธุ์โอมิครอน ล่าสุดวิจัยกรุงศรีได้คาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจากแบบจำลอง SIR ไว้ 3 กรณี คือ
- กรณีฐาน จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเกือบ 1.1 หมื่นคนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ก่อนลดลงอย่างช้าๆ จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดที่ประมาณ 50 คนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
- กรณีเลวร้าย จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 1.6 หมื่นคนปลายเดือนก.พ.และมีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดที่ประมาณ 100 คน
- กรณีเลวร้ายสุด วัคซีนเข็มกระตุ้นไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดประมาณ 3.2 หมื่นรายในช่วงกลางเดือนก.พ. และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึง 300 รายต่อวัน
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานระดับความเข้มงวดของมาตรการที่ถูกนำมาใช้ต่างกัน โดยในกรณีฐานความเข้มงวดของมาตรการสูงกว่าช่วงก่อนโอมิครอนระบาดเล็กน้อย ส่วนกรณีเลวร้ายสุด มาตรการควบคุมที่เข้มงวดอาจถูกนำกลับมาใช้อีกรอบ
โดยวิจัยกรุงศรีประเมินผลกระทบต่อทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ (ผลรวมใช้เป็นตัวแทน GDP) ในทั้ง 3 กรณี มีแนวโน้มลดลง 0.6%, 1.4% และ 3.0% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้ยังไม่รวมปัจจัยเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ GDP โดยรวมอาจลดลงจากคาดการณ์เดิมไม่มาก
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธ.ค.ชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 2.17% YoY ชะลอลงจาก 2.71% เดือนพฤศจิกายน ปัจจัยสำคัญจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ขณะที่ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นเล็กน้อย ตามการสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) เท่ากับเดือนก่อนที่ 0.29%
สำหรับในปี 2564 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 1.23% และ 0.23% เทียบกับ -0.85% และ 0.29% ในปี 2563 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม วิจัยกรุงศรีคาดอัตราเงินเฟ้อจะยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและแตะระดับสูงสุดใกล้ 3% ในไตรมาสแรกของปี 2565 ก่อนจะทยอยชะลอลงกลับมาอยู่ใกล้ขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายในช่วงปลายปี
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำมากในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง
โดยการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าอาจยังมีข้อจำกัด เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบางจากการระบาดของ COVID-19 ในประเทศจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยทั้งปี 2565 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5%
เชียงใหม่ฉุดไม่อยู่! ‘ไก่-หมู’ พาเหรดขึ้นราคา แม่ค้าเผยสงสารลูกค้าต้องซื้อของแพง
https://www.dailynews.co.th/news/655971/
เชียงใหม่ราคาฉุดไม่อยู่ 'ไก่-หมู' พาเหรดขึ้นราคา พบเนื้อหมูแพงสุดในรอบ 20 ปี แตะกิโลกรัมละ 250 บาท ส่วนเนื้อไก่ราคาเพิ่มเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-20 บาท เช่นเดียวกัน แม่ค้าระบุรู้สึกสงสารลูกค้าที่ต้องมาซื้อของแพง
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ภายหลังจากที่ราคา “
เนื้อหมู” ได้มีการรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากหมูในหลายพื้นที่ล้มป่วยและตาย จึงทำให้เนื้อหมูเริ่มขาดตลาดและมีราคาแพง ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสำรวจยังตลาดสดสิริวัฒนา ในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ โดยในวันนี้พบว่าราคาเนื้อหมูยังคงปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งราคาหมูเนื้อแดง จากเดิมก่อนหน้านี้กิโลกรัม 190 บาท จนล่าสุดปรับราคาเป็นกิโลกรัมละ 240 บาท หมูสามชั้นและเนื้อหมูสันคอ จากกิโลกรัม 190 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 250 บาท หมูสับปรับขึ้นกิโลกรัมละ 200 บาท ซี่โครงปรับขึ้นกิโลกรัมละ 220 บาท นอกจากนี้ราคาไก่ยังได้เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-20 บาท จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
นาง
ศรีวิไล ท่าชอบ อายุ 40 ปี แม่ค้าเขียงหมูในตลาดสิริวัฒนา กล่าวว่า ตั้งแต่ขายหมูมาปีนี้ เนื้อหมูมีราคาแพงที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งมีการปรับราคาสูงขึ้น ตั้งแต่ก่อนสิ้นปีมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งขึ้นรายวันหรือรายสัปดาห์ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะบ่นตามๆกัน แต่ก็จะมีลูกค้ามาจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำและประชาชนทั่วไป แม้ว่าหมูจะมีราคาแพงแต่ยอดขายยังคงไม่ตก และราคาเนื้อหมูเชื่อว่าจะยังคงปรับราคาขึ้นไปอีกจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างแน่นอน
ด้านแม่ค้าเจ้าของร้านขายเนื้อไก่สดรายหนึ่ง กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้น ราคาเนื้อไก่ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-20 บาท เช่นเดียวกัน อย่างเช่นอกไก่ที่ก่อนหน้านี้ขายกิโลกรัมละ 80 บาท ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาปรับขึ้นเป็น 95 บาท หลังจากราคาหมูที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น ทำให้ประชาชนหลายคนหันมาเลือกที่จะซื้อไก่รับประทาน จนทำให้ไก่ขาดตลาด รวมไปถึงในช่วงนี้ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งท้องตลาดมีความต้องการไก่เป็นอย่างมาก จึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็รู้สึกสงสารลูกค้าที่ต้องมาซื้อของแพง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็พอเข้าใจ
JJNY : 4in1 พท.แฉรัฐปกปิด"อหิวาต์ในหมู"│"โอมิครอน"ทำศก.ฟื้นตัวช้า│เชียงใหม่‘ไก่-หมู’พาเหรดขึ้นราคา│#"แพงทั้งแผ่นดิน"
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6827491
เพื่อไทย ไล่ “ประยุทธ์” ลาออก เย้ยอายแทนรัฐ “ปกปิดข้อมูลอหิวาต์แอฟริกาในหมู” ปูด รัฐขอเบิกงบแก้โรค จ่อซักฟอก พร้อมยื่น ป.ป.ช. เอาผิดต่อ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ม.ค.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ฐานะประธาน ส.ส.พรรค และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค พท.ร่วมแถลงกรณี “อหิวาในหมู รัฐปกปิดข้อมูลพร้อมเรียกร้องให้ปลดผู้รับผิดชอบ และของแพง แต่ชีวิตประชาชนราคาถูก”
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องหมูที่ไม่ใช่หมู เพราะจะเป็นเรื่องล้มรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ปล่อยปละละเลย ก่อความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง เศรษฐกิจฐานรากพังพินาศ เพราะเป็นโรคระบาดสัตว์ รัฐบาลชุดนี้แปลก เจอโรคระบาดแล้วทำงานไม่เป็น ล้มเหลวผิดพลาดตลอด
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีประกาศชัดเจนว่าให้การแก้ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ เม.ย.62 หลังจากนั้นรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ต่อมา 15 ส.ค.62 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรค พท. ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่องอหิวาต์ในสุกร แต่ก็ไม่มีคำตอบ แต่กลับไปตอบในราชกิจจาฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.62 โดยที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ถือเป็นการปล่อยปละละเลย ทำให้ราคาหมูแพง ต่อเนื่องไปถึงราคาอาหารสัตว์อื่นๆ
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ต้องถามว่ามีหลักฐานชัดเจนว่ามีการปกปิดข้อมูล ถามว่าทำไมต้องปกปิด เพราะ 1.กลัวต้องชดเชยเยียวยาเกษตรกรหรือไม่ 2.ต้องการทำลายล้างเกษตรกรรายย่อยในการเลี้ยงหมู และ 3.ท่านต้องรับผิดชอบทางด้านการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปอยู่ไหน ถึงไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน รมว.เกษตรฯ หายไปไหน ทำไมไม่ประกาศว่ามีการะบาดของโรคเกิดขึ้น โดยพรรค พท.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาฯ และขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลยอมให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาเพื่อหาทางออก หามาตรการและแนวทางในการแก้ปัญหาประชาชนโดยด่วน
นอกจากนี้จะตั้งกระทู้ถามสด เราต้องการคำตอบจาก รมว.เกษตรฯ ว่าไปดักดานอยู่ที่ไหน ใครเอาเท้าเหยียบปากคุณไว้ และขอประกาศเลยว่ารื่องนี้จะอยู่ในญัตติของการอภิรายทั่วไปตาม ม.152 และถ้าไม่มีความรับผิดชอบจากนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ รวมทั้งข้าราชการและผู้เกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป และจะยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพื่อถามหาความรับผิดชอบทางการเมือง ส่วนระดับอธิบดีก็จะต้องโดนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ยอมบอกความจริง ปกปิดข้อมูล จนทำให้เกิความเสียหายไปทั่วประเทศ คือหนังสือของกระทรวงเกษตรฯ มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และ โรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า
จากนั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 เรื่องอนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวประมาณ 574 ล้านบาท แสดงว่ามีความเสียหายจริง แล้วนายกฯ ไปอยู่ไหน ไม่ทราบเรื่องนี้จริงหรือ แบบนี้เสียหาย ในฐานะคนไทยรู้สึกอาย เพราะมีการเกิดโรคระบาดจริง เพราะท่านใช้งบประมาณแผ่นดินแก้ปัญหา แล้วแบบนี้เรียกว่าเบิกเงินเท็จหรือไม่ ขอฝากให้ฝ่ายกฎหมายพรรคดำเนินการด้วย
วิจัยกรุงศรี ประเมิน "โอมิครอน" ระบาดทำเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า
https://www.thairath.co.th/business/feature/2285325
วิจัยกรุงศรี ประเมินโอมิครอนระบาดรอบนี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 65
เศรษฐกิจในช่วงแรกของปีเผชิญความท้าทายจากการระบาดของโอมิครอน กระทบต่อความต่อเนื่องของการฟื้นตัว จากเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดเดือนพ.ย. 64 สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นในเกือบทุกภาค โดยภาคส่งออกเติบโตสูง (+23.7% YoY) ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า
ขณะที่ภาคท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยับขึ้นเกือบแตะแสนคน หลังทางการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวภายใต้มาตรการ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64
ด้านการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวต่อเนื่อง (+0.9% MoM_sa) หลังสถานการณ์ระบาดในประเทศและการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น หนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชน (+4.3%) ที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ
สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะการระบาดจากสายพันธุ์โอมิครอน ล่าสุดวิจัยกรุงศรีได้คาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจากแบบจำลอง SIR ไว้ 3 กรณี คือ
- กรณีฐาน จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเกือบ 1.1 หมื่นคนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ก่อนลดลงอย่างช้าๆ จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดที่ประมาณ 50 คนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
- กรณีเลวร้าย จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 1.6 หมื่นคนปลายเดือนก.พ.และมีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดที่ประมาณ 100 คน
- กรณีเลวร้ายสุด วัคซีนเข็มกระตุ้นไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดประมาณ 3.2 หมื่นรายในช่วงกลางเดือนก.พ. และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึง 300 รายต่อวัน
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานระดับความเข้มงวดของมาตรการที่ถูกนำมาใช้ต่างกัน โดยในกรณีฐานความเข้มงวดของมาตรการสูงกว่าช่วงก่อนโอมิครอนระบาดเล็กน้อย ส่วนกรณีเลวร้ายสุด มาตรการควบคุมที่เข้มงวดอาจถูกนำกลับมาใช้อีกรอบ
โดยวิจัยกรุงศรีประเมินผลกระทบต่อทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ (ผลรวมใช้เป็นตัวแทน GDP) ในทั้ง 3 กรณี มีแนวโน้มลดลง 0.6%, 1.4% และ 3.0% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้ยังไม่รวมปัจจัยเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ GDP โดยรวมอาจลดลงจากคาดการณ์เดิมไม่มาก
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธ.ค.ชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 2.17% YoY ชะลอลงจาก 2.71% เดือนพฤศจิกายน ปัจจัยสำคัญจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ขณะที่ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นเล็กน้อย ตามการสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) เท่ากับเดือนก่อนที่ 0.29%
สำหรับในปี 2564 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 1.23% และ 0.23% เทียบกับ -0.85% และ 0.29% ในปี 2563 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม วิจัยกรุงศรีคาดอัตราเงินเฟ้อจะยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและแตะระดับสูงสุดใกล้ 3% ในไตรมาสแรกของปี 2565 ก่อนจะทยอยชะลอลงกลับมาอยู่ใกล้ขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายในช่วงปลายปี
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำมากในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง
โดยการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าอาจยังมีข้อจำกัด เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบางจากการระบาดของ COVID-19 ในประเทศจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยทั้งปี 2565 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5%
เชียงใหม่ฉุดไม่อยู่! ‘ไก่-หมู’ พาเหรดขึ้นราคา แม่ค้าเผยสงสารลูกค้าต้องซื้อของแพง
https://www.dailynews.co.th/news/655971/
เชียงใหม่ราคาฉุดไม่อยู่ 'ไก่-หมู' พาเหรดขึ้นราคา พบเนื้อหมูแพงสุดในรอบ 20 ปี แตะกิโลกรัมละ 250 บาท ส่วนเนื้อไก่ราคาเพิ่มเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-20 บาท เช่นเดียวกัน แม่ค้าระบุรู้สึกสงสารลูกค้าที่ต้องมาซื้อของแพง
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ภายหลังจากที่ราคา “เนื้อหมู” ได้มีการรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากหมูในหลายพื้นที่ล้มป่วยและตาย จึงทำให้เนื้อหมูเริ่มขาดตลาดและมีราคาแพง ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสำรวจยังตลาดสดสิริวัฒนา ในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ โดยในวันนี้พบว่าราคาเนื้อหมูยังคงปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งราคาหมูเนื้อแดง จากเดิมก่อนหน้านี้กิโลกรัม 190 บาท จนล่าสุดปรับราคาเป็นกิโลกรัมละ 240 บาท หมูสามชั้นและเนื้อหมูสันคอ จากกิโลกรัม 190 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 250 บาท หมูสับปรับขึ้นกิโลกรัมละ 200 บาท ซี่โครงปรับขึ้นกิโลกรัมละ 220 บาท นอกจากนี้ราคาไก่ยังได้เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-20 บาท จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
นางศรีวิไล ท่าชอบ อายุ 40 ปี แม่ค้าเขียงหมูในตลาดสิริวัฒนา กล่าวว่า ตั้งแต่ขายหมูมาปีนี้ เนื้อหมูมีราคาแพงที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งมีการปรับราคาสูงขึ้น ตั้งแต่ก่อนสิ้นปีมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งขึ้นรายวันหรือรายสัปดาห์ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะบ่นตามๆกัน แต่ก็จะมีลูกค้ามาจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำและประชาชนทั่วไป แม้ว่าหมูจะมีราคาแพงแต่ยอดขายยังคงไม่ตก และราคาเนื้อหมูเชื่อว่าจะยังคงปรับราคาขึ้นไปอีกจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างแน่นอน
ด้านแม่ค้าเจ้าของร้านขายเนื้อไก่สดรายหนึ่ง กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้น ราคาเนื้อไก่ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-20 บาท เช่นเดียวกัน อย่างเช่นอกไก่ที่ก่อนหน้านี้ขายกิโลกรัมละ 80 บาท ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาปรับขึ้นเป็น 95 บาท หลังจากราคาหมูที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น ทำให้ประชาชนหลายคนหันมาเลือกที่จะซื้อไก่รับประทาน จนทำให้ไก่ขาดตลาด รวมไปถึงในช่วงนี้ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งท้องตลาดมีความต้องการไก่เป็นอย่างมาก จึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็รู้สึกสงสารลูกค้าที่ต้องมาซื้อของแพง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็พอเข้าใจ