[CR] Pacific Coast Highway - America Southwest Road Trip ภาค 1


สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูแบบเต็มๆไม่มีโลโก้เกะกะเชิญที่เว็บไซต์ส่วนตัวผมได้เลยครับ https://www.nopeopletravelphoto.com/

ตอนนี้เป็นตอนที่ 1 นะครับ ตอนอื่นๆดูได้จากลิงค์ด้านล่างเลยครับผม
ตอน 2 - https://www.nopeopletravelphoto.com//post/death_valley_2021
ตอน 3 - https://www.nopeopletravelphoto.com//post/las_vegas_page_arizona_2021
ตอน 4 - https://www.nopeopletravelphoto.com/post/monument_valley_grand_canyon_2021

เดือนที่เดินทาง - พฤศจิกายน 2021

สำหรับคนที่การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นสิ่งเติมเต็มความรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่ สองปีที่ผ่านมาคงเป็นอะไรที่สุดแสนจะห่อเหี่ยว ผมเองก็เช่นกันกับการที่ต้องติดเกาะอยู่ที่สิงคโปร์เป็นเวลานานเกือบสองปี ในที่สุดก็มีโอกาสได้ลางานยาวๆไปเที่ยวเล่นอย่างที่รอคอย

ด้วยวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุและเวลาวางแผนแค่เดือนเดียวเราสองคนเลยตัดสินใจจะเดินทางไปอเมริกาเป็นที่แรกและฟื้นคืนชีพแผนเดิมที่โควิดทำพัง การเดินทางครั้งนี้เราไปกันสองสัปดาห์ ขับรถไกลกว่า 3,000 กิโลเมตรทะลุ 4 รัฐ เริ่มกันตั้งแต่ลงเครื่องที่ San Francisco จนจบที่ Arizona ตอนนี้เป็นตอนแรกเท่านั้น เพราะฉะนั้นรออ่านต่อตอน 2 และ 3 ได้เลย

ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมดไม่รวมนั่งเครื่องบินที่ 15 วัน 14 คืน และตอนที่ 1 นี้เป็นช่วง 4 วัน 4 คืนแรก
วันที่ 1: San Francisco ถึงตอนเย็น
วันที่ 2: San Francisco เต็มวัน
วันที่ 3: เริ่มต้น Pacific Coast Highway
วันที่ 4: สิ้นสุด Pacific Coast Highway

ออกบิน
การเดินทางในยุคโควิดก็มีความทุลักทุเลกันบ้างแต่ด้วยความที่เตรียมตัวมาดีทำให้ไม่มีอะไรให้กังวล ตรวจโควิดก่อนบิน มีในประกาศฉีดวัคซีนครบ และหน้ากากต้องใส่ตลอดเวลายกเว้นตอนกินข้าว ที่สิงคโปร์ยังเคร่งมากต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาอยู่นอกบ้านจะในหรือนอกอาคาร การเดินทางในช่วงนี้ควรจะเผื่อเวลาไว้มากกว่าปกติ อย่างผมมาถึงสนามบินก่อนเวลา 3 ชั่วโมงไปเลย

บินมาถึงซานฟรานซิสโกก็เย็นแล้วและตอนนี้ที่แคลิฟอร์เนียฟ้ามืดไวมากที่ 5 โมงเย็น วันนี้เรายังไม่เช่ารถเพราะอยู่ในตัวเมืองสองคืน ไม่อยากจะผจญกับถนนในเมืองและมีความเสี่ยงว่ารถโดนทุบกระจกขโมยของ อันนี้ไม่ได้พูดเอาเองเพราะว่าเจ้าหน้าที่ต.ม.กำชับกับเราสามรอบก่อนปล่อยให้เข้าประเทศ "อย่าทิ้งของไว้บนรถเด็ดขาด ถ้าจำเป็นให้ไว้กระโปรงหลังรถ ห้ามขึ้นรถสาธารณะพร้อมกระเป๋าเดินทาง เพราะถ้าโจรรู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวจะเข้ามาปล้นแน่นอน" ออกมาจากสนามบินฟ้าก็มืดแล้วเลยแค่เรียกรถ Uber ไปที่โรงแรมข้างๆ Union Square และหาข้าวกินก่อนเข้านอน

San Francisco
ด้วยความ Jetlag อย่างไม่ต้องสงสัย นอนกันไม่หลับเลยตัดใจออกมาเดินเที่ยวใกล้ๆรอรถราง Powell Blvd & Market St เปิดบริการเพื่อจะนั่งไปเที่ยวเล่นที่ Fisherman's Wharf เดินเล่นไปจนถึง Pier 39 ที่แมวน้ำมานอนพักผ่อน



แถวนี้เดินอยู่ริมๆน้ำพื้นเปียกมาก ตอนแรกก็งงเพราะฝนไม่ได้ตกซะหน่อย ปรากฏว่าเป็นเพราะเมืองนี้หมอกลงจัดมากและจะมาตอนไหนก็ไม่รู้อีกด้วย ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่าอยากจะขึ้นรถสาธารณะกันเพราะจุดหมายอยู่บนทางตรงทางเดียวไม่หลงแน่นอน พอรถมาก้าวขึ้นไปแล้วเท่านั้นแหละ เป็นเครื่องหยอดเหรียญหรือแบงค์ที่เค้าทอนเงินไม่ได้ ลนลานกันใหญ่พยายามจะหาทางจ่ายผ่านแอพ แอพก็สมัครไม่ผ่าน ในระหว่างที่ทำอะไรไม่ถูกก็ถึงเสียแล้ว เลยขอลงไปแบบเงียบๆ ถ้าใครจะขึ้นรถแบบในภาพให้เตรียมเงินให้พอดีก่อนขึ้นนะ

ตอนช่วงเช้าก็มีแรงกันดีสนุกสนาน พอช่วงบ่ายเท่านั้นแหละ ง่วงมาก! ตอนบ่ายเราเลยไปชิวๆกันที่สวนสาธารณะ Presidio อากาศเย็นกำลังดีให้นั่งง่วงกันสบายๆ ด้านในถ้าใครเป็นติ่ง Star Wars จะมีสำนักงานของ Lucasfilm และด้านหน้ามีรูปปั้นอาจารย์โยดาไว้ให้ไปกราบไหว้กันด้วย! เท่าที่ศึกษามาด้านในล็อบบี้ของสำนักงานจะเข้าไปเดินดูได้นิดหน่อยและมีหุ่นตัวละครจากหนังเยอะแยะรวมถึง R2-D2 ด้วย กรีดร้องได้เจออาร์ทู

ด้านข้างสวนจะมองเห็นมาแต่ไกลคือ The Palace of Fine Arts เป็นสิ่งก่อสร้างใหญ่อลังการที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับงาน Expo ตั้งแต่ปี 1915 เป็นที่พักผ่อนของคนแถวนี้ หลายคู่มาถ่ายพรีเวดดิ้ง

เดินทะลุต่อมาอีกเราก็เจอกับ Crissy Field เป็นสวนสาธารณะติดชายหาดที่มองไปเห็นสะพานโกลเด้นเกท (Golden Gate Bridge) อากาศเย็นๆได้โดนแดดแล้วมันรู้สึกดี

คำเตือนว่าเส้นทางเดินในสวนมีทางออกได้แค่ทางเดียว ถ้าเดินไปถึงกลางๆทางแล้วจะเดินกลับก็ไกลเดินไปสุดก็ไกล แต่มาแล้วก็ต้องไปให้สุดจ่ะ แถวนี้เป็นที่ทำกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นคนรักสุขภาพ ปิคนิคกับครอบครัว ปั่นจักรยาน ถึงจะเป็นเมืองใหญ่แต่ถือว่าใกล้ชิดธรรมชาติ


เดินๆนั่งๆกันซักพักก็เลยแวะกลับโรงแรมแป๊บนึงเพราะ Jetlag ร้ายแรงมาก 555 ทีนี้ทริปเราต้องไม่พลาดคือพระอาทิตย์ตก ตั้งใจจะไปถ่ายภาพสะพาน Golden Gate ฝั่งเมือง แต่พอนั่งรถมาเห็นสะพานอยู่ไกลๆก็รู้ตัวว่าหมอกลงตรงอ่าว! ด้วยความที่เห็นภาพสะพานโกลเด้นเกทมามากและภาพที่มีหมอกนี่มันสุดยอดมาก ไม่รอช้าบอกพี่คนขับ Uber ให้ไปส่งยอดเขาฝั่งตรงข้ามเลย ได้ภาพแน่นอน พอไปถึงลงรถแฟนหันมาถามว่าจะหารถกลับได้หรอ

พอมาถึงแล้วช่วงที่แสงกำลังสวยหมอกที่เยอะๆก็เหลือนิดเดียวซะอย่างงั้น พอฟ้าเริ่มมืดถ่ายรูปเริ่มไม่ค่อยสวยนี่ละกลับมาเพียบอย่างภาพที่สองเลยจ้า เอาเป็นว่าชีวิตนี้ได้เห็นกับตาก็ถือว่าคุ้มละ

พอถ่ายรูปเสร็จปรากฏว่าเรียกรถไม่ได้จริงด้วย รอบแรกจะเปลี่ยนที่ตั้งก็เนียนๆไปอาสาช่วยถ่ายภาพให้คนแถวนั้นแล้วก็ขอนั่งรถไปด้วย พอขากลับไม่มีคนถ่ายรูปเลยต้องหน้าด้านไปขอนักท่องเที่ยวด้วยกันติดรถกลับ อ๊ายอายบอกตรงๆ

Pacific Coast Highway
เช้าวันถัดมาเป็นวันที่เราจะออกจาก San Francisco แล้วและมุ่งหน้าเดินทางตามเส้นทาง California 1, Pacific Coast Highway เช้านี้เป็นเช้าที่ระทึกเพราะว่าต้องมาเช่ารถและเรามาเสี่ยงดวงเพราะไม่มีใบขับขี่สากลที่เป็นแผ่นพับสีขาวๆมาด้วย ด้วยความที่ยังกลับประเทศไทยไม่ได้ก็เลยมาวัดดวงใช้ใบขับขี่ smart card ไปเลย แบบว่าถ้าเช่าไม่ได้พังทั้งทริป

แต่หายห่วงเพราะที่นี่เค้าไม่เคยสนใจใบขาวๆนั่นเลยแค่ใบขับขี่ของเรามีภาษาอังกฤษก็เรียบร้อย ใครที่จะเช่ารถสำคัญต้องมีบัตรเครดิตและอย่าลืมบอกธนาคารให้เปิดใช้ต่างประเทศด้วย พอรับรถที่สนามบินที่ซานฟรานซิสโกแล้วก็เปิด Google Map เพื่อเข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 1 ได้เลย

Santa Cruz
ตามเส้นทางก็จะเลาะริมเขาริมทะเลไปเรื่อยๆโดยมีเมืองเล็กอยู่ตามทางไปทั่ว ที่แรกขับมาได้ 1 ชั่วโมงก็จะเจอแล้วคือเมือง Santa Cruz เมืองเล็กๆที่มีท่าเรือเป็นแลนด์มาร์คหลัก

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงเข้าไปแล้วน้ำทะเลสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ นี่สินะการที่ได้ออกไปเที่ยวตามธรรมชาติที่ไม่ได้ทำมาปีกว่า

ใต้ท่าเรือที่เป็นเสาไม้ก็มีน้องๆมานอนกันร้องระงม ได้ยินไกลๆนึกว่าหมาเห่า นอนหลับกันดูอบอุ่น


Monterey
เป็นที่จอดแวะนิดหน่อยให้สำหรับใครอยากเข้าห้องน้ำหาอะไรกินได้ แต่ก็เป็นเมืองเล็กเราเลยไปต่อดีกว่า ที่ต่อไปก็เป็นเมืองเล็กๆคล้ายๆกันชื่อว่า Monterey ตรงนี้จริงๆแล้วเป็นจุดออกไปทัวร์ดูปลาวาฬแต่เสียดายเวลาเราน้อยก็เลยแค่เดินเล่นนิดหน่อยและก็แวะกินข้าวกลางวัน รสชาติก็เป็นอาหารบ้านๆอร่อยแบบง่ายๆ


กินข้าวเสร็จก็ไปต่อเลย เดี๋ยวจะไม่ทันพระอาทิตย์ตกที่จุดหมายหลักเพราะแวะตามทางเยอะมากแถมว่ายังต้องเดินเยอะแยะอีกด้วย

พูดถึงเรื่องแวะตามทาง ตลอดทางจะมีไหล่ทางที่ทำไว้กว้างขวางสำหรับคนขับผ่านไปมาให้จอดรถดูวิวถ่ายภาพ และแต่ละที่ก็สวยจนถ้าไม่ห้ามใจก็ต้องจอดไปทุกอัน อย่างเช่นอันแรกนี้ตอนที่จอดก็ไม่รู้ว่าเป็นจุดชมวิว Garrapata State Park Vista Point แต่เห็นคนอื่นเค้าจอดกันเยอะก็เลยเอาบ้าง

การได้ยินเสียงคลื่นกระทบโขดหินอย่างรุนแรงมันทำให้รู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่และความรุนแรงของธรรมชาติ คือพูดง่ายๆก็คือเวลายืนริมๆหน้าผาแล้วมันรู้สึกหวิวๆกลัวจะตกลงไปแล้วไม่รอดชีวิตนั่นเอง

พูดถึงตกหน้าผา ใครมาเที่ยวตรงนี้ถึงจะสวยแค่ไหนแต่ความปลอดภัยต้องเป็นหลัก ตรงแลนด์มาร์คจุดต่อไป Bixby Creek Bridge มีอาม่าคนนึงเค้าพลาดไถลลงนิดหน่อยเนื่องจากพื้นเป็นทรายแล้วแถง่ายมาก ครอบครัวใจหายใจคว่ำ เคราะห์ดีไม่ตกไปไกลมากแต่ถึงกับหมดสติต้องพาส่งโรงพยาบาลกันเลย พอเห็นแล้วก็หายซ่าเลยสิ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่จบ
ชื่อสินค้า:   Pacific coast highway
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่