- ตัวอย่าง การมองคนที่แต่งกายแบบคนหาเช้ากินค่ำแล้วมาขอซื้อรถหรู แล้วเหยียดว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อ ทั้งๆที่ไม่รอดู ให้เขาทำการซื้อให้เห็นชัดเจนก่อน
- จะยกตัวอย่างอย่างนี้ได้ไหมครับ
- หรือว่า ก่อนที่จะต่อว่าเขาคนเรียนพระอภิธรรมว่าเป็นอุจเฉททิฏฐิ เห็นดับสูญ เพราะเหตุเพียงแค่ คำสอนของพระอรรถกถาจารย์ บอกว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนิจจัง
- การไม่เกิด(ชาติ)อีก กับ การที่ยังไงก็ต้องเกิด(ชาติ) มันแตกต่างกันมากในทางพระพุทธศาสนา ในพรหมชาลสูตร สูตรแรกเลยในพระสุตตันตปิฎก

ก็ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับ พรหม คิด เทวดาคิด ที่เป็นเรื่องอุจเฉททิฏฐิ
- การมองว่า เป็นเรื่องแต่งใหม่ ทั้งๆที่ไม่เคยเรียนมาก่อนว่าเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร และยังไม่เคยได้พิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาโดยการคิดแบบสังเคราะห์แล้ว ถึงจะวิจารณ์ออกมาว่าเป็นเรื่องแต่งไหม่ไม่สมควรเรียน
- แต่การใช้ความคิดความเข้าใจของตนเองแล้วสรุปออกมาให้คนอื่นฟังอ่านคิด ว่าต้องเป็นแบบที่ตนเองคิด
- แต่การใช้เนื้อหาในพระอภิธรรมพระสูตร พระวินัย แล้วสรุปออกมาให้คนอื่นฟังอ่านคิด ว่าต้องเป็นแบบพระไตรปิฎก หรือ พระอรรถกถาจารย์ อธิบายให้ไว้
- ทีนี้ ผมเรียนพระอภิธรรมเข้าใจ เรียนไปเรียนมาก็สนุกดี ตอนแรกก็คิดแบบเดียวกันว่าจะเรียนไปให้มากทำไม ตอนนี้พอเรียนเข้าก็หัวเราะ
- มาเน้นที่หัวข้อกระทู้ครับ อุจเฉททิฏฐิ ตราบใดที่ยังไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจดีพอ ก็ยังจะงงๆอยู่ ใช่ไม่ใช่ แต่พออ่านพรหมชาลสูตร แล้วถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้จริงแต่ก็ยังเชื่อว่า ความเข้าใจแบบพระอภิธรรมนี้ไม่ใช่ อุจเฉททิฏฐิ แต่อย่างไรก็ต้องรอให้ชัดเจนก่อนนะครับ จึงจะมาตะโกนบอกว่า ใช่หรือไม่ใช่
- วิริยะของผม มันมาแล้วก็หาย พอมาก็ได้เรื่องพระธรรมนี่แหละ (หัวเราะ)
- ไปอ่านมาก่อน ศึกษาทำความเข้าใจพระอภิธรรมมาก่อน แล้วค่อยมาตอบนะครับ อย่าคิดเองมากเกินไป ในโลกนี้มีคนคิดเองมากมายเยอะแยะเกินไปแล้ว และที่โลกวุ่นวายก็เพราะคนที่ชอบคิดเองไม่พอแล้วยังชอบคิดแทนคนอื่นอีกด้วย ปล่อยให้แต่ละท่านใช้ความคิดของตนเองบ้างนะครับ
- สำหรับผมเองยังไม่ชัดเจนในประเด็นนี้เพราะยังไม่รู้ชัดนะครับ แต่ที่ว่าไม่ใช่อุจเฉททิฏฐิเพราะความเข้าใจในการเรียน ยังไม่สามารถเข้าใจในการพิจารณาไตร่ตรอง (สุตตะ กับ จินตา ยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้)(แต่ถ้าไม่สุตตะ ก็ไม่อาจมีจินตา และยิ่งไม่อาจมีภาวนา)(พระอรรถกถาจารย์ท่านว่ามา และอาจารย์ท่านว่ามา ผมจำเอามาพูดอีกที)
- หลังจากเรียนพระอภิธรรมก็เจอเยอะ พวกคิดไปเองว่า เป็นโน่นเป็นนี่ ยั๊วเยี๊ยะ ไปหมด แล้วนึกหนาวว่าถ้าไม่เรียนก็คงเสร็จไอ้พวกนี้อีกจนตายไปไม่มีทางได้รู้เรื่องราวใดๆเลย
- สำหรับ ผีไม่มี ผมว่าเรื่องวิถีจิตนี้ตรงประเด็น.... จุติจิต กับ ปฏิสนธิจิต.....นะครับ ส่วนเหตุการณ์ที่ปรากฏผมก็พิจารณาอยู่ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไรสามารถไปเปรียบเทียบได้ในอะไร แต่มันยากครับ เพราะความวิจิตรของสัตว์ที่มาเกิดครับ แค่เดรัจฉานที่ไม่รู้ที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะครับ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
การมองว่าคนเรียนและเข้าใจพระอภิธรรมเป็นอุจเฉททิฏฐิเป็นการมองที่ถูก หรือ ที่ผิด
- จะยกตัวอย่างอย่างนี้ได้ไหมครับ
- หรือว่า ก่อนที่จะต่อว่าเขาคนเรียนพระอภิธรรมว่าเป็นอุจเฉททิฏฐิ เห็นดับสูญ เพราะเหตุเพียงแค่ คำสอนของพระอรรถกถาจารย์ บอกว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนิจจัง
- การไม่เกิด(ชาติ)อีก กับ การที่ยังไงก็ต้องเกิด(ชาติ) มันแตกต่างกันมากในทางพระพุทธศาสนา ในพรหมชาลสูตร สูตรแรกเลยในพระสุตตันตปิฎก
ก็ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับ พรหม คิด เทวดาคิด ที่เป็นเรื่องอุจเฉททิฏฐิ
- การมองว่า เป็นเรื่องแต่งใหม่ ทั้งๆที่ไม่เคยเรียนมาก่อนว่าเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร และยังไม่เคยได้พิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาโดยการคิดแบบสังเคราะห์แล้ว ถึงจะวิจารณ์ออกมาว่าเป็นเรื่องแต่งไหม่ไม่สมควรเรียน
- แต่การใช้ความคิดความเข้าใจของตนเองแล้วสรุปออกมาให้คนอื่นฟังอ่านคิด ว่าต้องเป็นแบบที่ตนเองคิด
- แต่การใช้เนื้อหาในพระอภิธรรมพระสูตร พระวินัย แล้วสรุปออกมาให้คนอื่นฟังอ่านคิด ว่าต้องเป็นแบบพระไตรปิฎก หรือ พระอรรถกถาจารย์ อธิบายให้ไว้
- ทีนี้ ผมเรียนพระอภิธรรมเข้าใจ เรียนไปเรียนมาก็สนุกดี ตอนแรกก็คิดแบบเดียวกันว่าจะเรียนไปให้มากทำไม ตอนนี้พอเรียนเข้าก็หัวเราะ
- มาเน้นที่หัวข้อกระทู้ครับ อุจเฉททิฏฐิ ตราบใดที่ยังไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจดีพอ ก็ยังจะงงๆอยู่ ใช่ไม่ใช่ แต่พออ่านพรหมชาลสูตร แล้วถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้จริงแต่ก็ยังเชื่อว่า ความเข้าใจแบบพระอภิธรรมนี้ไม่ใช่ อุจเฉททิฏฐิ แต่อย่างไรก็ต้องรอให้ชัดเจนก่อนนะครับ จึงจะมาตะโกนบอกว่า ใช่หรือไม่ใช่
- วิริยะของผม มันมาแล้วก็หาย พอมาก็ได้เรื่องพระธรรมนี่แหละ (หัวเราะ)
- ไปอ่านมาก่อน ศึกษาทำความเข้าใจพระอภิธรรมมาก่อน แล้วค่อยมาตอบนะครับ อย่าคิดเองมากเกินไป ในโลกนี้มีคนคิดเองมากมายเยอะแยะเกินไปแล้ว และที่โลกวุ่นวายก็เพราะคนที่ชอบคิดเองไม่พอแล้วยังชอบคิดแทนคนอื่นอีกด้วย ปล่อยให้แต่ละท่านใช้ความคิดของตนเองบ้างนะครับ
- สำหรับผมเองยังไม่ชัดเจนในประเด็นนี้เพราะยังไม่รู้ชัดนะครับ แต่ที่ว่าไม่ใช่อุจเฉททิฏฐิเพราะความเข้าใจในการเรียน ยังไม่สามารถเข้าใจในการพิจารณาไตร่ตรอง (สุตตะ กับ จินตา ยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้)(แต่ถ้าไม่สุตตะ ก็ไม่อาจมีจินตา และยิ่งไม่อาจมีภาวนา)(พระอรรถกถาจารย์ท่านว่ามา และอาจารย์ท่านว่ามา ผมจำเอามาพูดอีกที)
- หลังจากเรียนพระอภิธรรมก็เจอเยอะ พวกคิดไปเองว่า เป็นโน่นเป็นนี่ ยั๊วเยี๊ยะ ไปหมด แล้วนึกหนาวว่าถ้าไม่เรียนก็คงเสร็จไอ้พวกนี้อีกจนตายไปไม่มีทางได้รู้เรื่องราวใดๆเลย
- สำหรับ ผีไม่มี ผมว่าเรื่องวิถีจิตนี้ตรงประเด็น.... จุติจิต กับ ปฏิสนธิจิต.....นะครับ ส่วนเหตุการณ์ที่ปรากฏผมก็พิจารณาอยู่ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไรสามารถไปเปรียบเทียบได้ในอะไร แต่มันยากครับ เพราะความวิจิตรของสัตว์ที่มาเกิดครับ แค่เดรัจฉานที่ไม่รู้ที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะครับ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง