สวัสดีค่ะ เรื่องนี้ยาวมากๆ เลยค่ะ แต่ว่าเป็นเพราะไม่รู้จะตัดพาร์ทไหนออกจริงๆ555
เราเป็นเลสเบี้ยนค่ะ อายุ 25 ไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิต
เคยแค่คุยๆ ไม่ก็ ons คุยนานสุด 1 เดือน เพราะไม่เคยอินกับใคร
อาจเพราะเจอในแอปด้วย ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่า connect
และไม่เคยใช้คำว่าอกหักเลย เพราะไม่เคยเสียใจ ไม่เคยเป็นฝ่ายโดนทิ้ง
เราไม่ได้โหยหาความรักเท่าตอนที่ยังเด็กกว่านี้ คิดว่าอยู่คนเดียวก็สบายใจดี
คือถ้ามีคนคุยก็แค่แก้เหงา ไม่อินก็เลิก ไม่ค่อยได้ใส่ใจใคร
หรือจะเรียกว่าไม่เคยใส่ใจใครเลยก็ได้ค่ะ...
แต่แล้ววันนึง วันที่อยู่คนเดียวแล้วรู้สึกแย่ก็มาถึง
คนนี้เขาเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะ ตอนแรกเราไม่ได้คิดจะชอบเขาเลยเพราะไม่ใช่สเปค
ยิ่งช่วง wfh ยิ่งไม่ค่อยได้เจอ แต่เรามีคุยกันบ้างใน google meet เรื่องงาน หรืออะไรต่างๆ
ก็เรียกว่าสนิทที่สุดในออฟฟิศก็ได้ อาจเพราะอายุเท่ากันด้วย
และรู้มาว่าเขาก็ชอบผู้หญิงเหมือนกัน แถมยังคนละโพอีก (เราคิง เขาควีน)
อยู่มาวันนึงเราก็มีไปกินเบียร์กันหลังเลิกงาน ซึ่งปกติเราไม่ค่อยแตะตัวใคร
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะโอเคให้ใครมาแตะต้องตัวแม้จะเป็นเพื่อน
แต่วันนั้นเราเมาไปซบไหล่เขา จับมือเขา เขาเองก็ลูบมือตอบ ลูบหัวปลอบ
เราหวั่นไหวมากๆ ใจเต้นแรง แต่ยังไม่ได้คิดที่จะ take action เพราะไม่แน่ใจว่าเขาคิดด้วยมั้ย
และ ณ ตอนนั้นเรายังรู้สึกว่าเราสามารถห้ามใจได้ทัน
ถ้าเขาไม่ได้อะไร เราพร้อมจะ continue being friends กับเขาได้สบายมาก
แต่พอไปถาม เขาก็ตอบกลับมาอย่างน่าดีใจว่าเขาก็คิดเหมือนกัน...
เราเลยตกลงว่าเราจะคุยกันก่อน 1 เดือน ถ้าจะพัฒนาต่อ ก็เดี๋ยวมารีวิวกันหลังจากนั้น
ช่วงแรกๆ มันดีมากเลยค่ะ เขินๆ นิดหน่อยเพราะด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน
เราพยายาม flirt เขาบ่อยๆ เพราะอยากให้เราหลุดจากคำว่าเพื่อนเร็วๆ
จนเริ่มชินและสามารถคุยกุ๊กกิ๊กกันได้มากกว่าเพื่อนในเวลาต่อมา เขาสนใจเรามาก
ไม่ว่าเราจะทำอะไรเขาสนใจทุกอย่าง บ่นอยากเจอ คิดถึงตลอด
ซึ่งปกติเราไม่ชอบคนที่มาเจ๊าะแจ๊ะ แต่สำหรับคนนี้เราไม่เคยรำคาญเลย
เขาชอบเรียกเราว่าผัว5555 ซึ่งเราชอบ
ชอบที่เขาเอาเราไปอวดกับเพื่อนว่าเราดีอย่างนู้นอย่างนี้ น่ารักอย่างนี้อย่างนั้น
เรามองเห็นตัวเองเป็นแฟนกับเขาในอนาคต เรามองเห็นว่าเราน่าจะอยู่ด้วยกันได้
เรามองเห็นว่าเราไปเที่ยวด้วยกันไกลๆ ได้ไป invest เวลาด้วยกันที่ไหนสักที่สองคน
แต่ก็อาจจะด้วยความที่เราไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน
เราแสดงออกไม่เก่ง เรา communicate ไม่พอ
เราไม่ค่อยมี sense ในเรื่องนี้ เดาใจใครไม่ค่อยออก
เพราะความที่เราตรงไปตรงมามากๆ ถ้าเราต้องการอะไรเขาไม่ต้องมานั่งแก้สมการอะไรทั้งนั้น
1 ของเรา จะเท่ากับ 1 มันจะไม่ใช่ 1 = 2-1 หรือ 1 = 2x+y-1
ซึ่งมันแตกต่างกับเขา เขาจะทิ้งปริศนาเอาไว้ให้เราไปแก้เองว่าเขาต้องการอะไร
และอย่างที่บอกว่าเราโง่มากในเรื่องของการแก้โจทย์ปัญหา
เราเคยคุยกันแล้วว่าถ้าต้องการอะไร ให้พูดมาได้เลยนะ มันจะไม่ใช่การฝืนทำ
แต่มันคือเต็มใจทำให้ขอแค่เธอบอกมาตรงๆ ถ้าทำให้ไม่ได้จริงๆ เรามาคุยกันได้
และเรื่องนี้มันก็เป็นปัญหาแบบแก้ไม่หาย จนมันสะสมมาเรื่อยๆ
แบบที่เราไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอึดอัดจนทนไม่ไหวระดับไหนแล้ว
ปกติเวลาเขางอน เขาจะเงียบๆ ไปก่อน ซึ่งเราก็ไม่ใช่คนคาดคั้น
ถ้ารู้สึกโอเคขึ้นเราค่อยมาคุยกันก็ได้ แต่การที่เขาเงียบไปคือเขาไปปรึกษาเพื่อน
ไม่รู้ว่าไปปรึกษากันยังไง แต่เขาก็จะกลับมาบอกว่าเขาโอเคขึ้นแล้วทุกครั้ง
ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเขาโอเคแล้วจริงมั้ย แต่เขาก็คุยปกติเราเลยปล่อย
หลังจากนั้นประมาณ 3 วีคตั้งแต่ที่เราตกลงคุยกัน ปัญหาที่มันสะสมมาเรื่อยๆ ก็เริ่มพอกเป็นหางหมู
เขาบอกว่าคุยกับเราแล้วเค้าเกร็งๆ คิดเยอะคิดมากตลอดเวลา
self-esteem ต่ำมาก เขามองว่าเราดีเลิศมาก เขาก็เลยเครียดไปหมด
กลัวว่าทำอะไรลงไปแล้วเราจะไม่ชอบใจหรือเปล่า
เราก็บอกเขาว่าเขาดีมากๆ เขา worth มากๆ นะ ปัจจุบันนี้ที่เรามีกันเรามีความสุขมาก
เราเองก็มีข้อเสียเหมือนกัน nobody's perfect ไม่ต้องคิดเยอะนะ
แต่ action ของเราคงไม่ได้สมพงษ์กับสิ่งที่เราพูด
ทุกอย่างที่แสดงออกไปมันเหมือนกับว่าเราไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์นี้เท่าเขา
และเราไม่ได้ put เขา in first priority
ซึ่งพอมานั่งคิดดูมันก็ถึงกับเถียงไม่ออก...
เราเป็นคนทื่อๆ (จากที่ไปถามคนอื่น) ทื่อเกินไปจนแข็ง
เราเป็นคนกวนทีน ในเวลาที่เขาอยากมีโมเม้นหวานๆ เราก็ไปเล่นมุกใส่
เราขี้เกียจออกจากบ้าน จนบางทีมันก็คงเหมือนกับว่าเราไม่ได้อยากเจอเขา
เราคิดน้อย จนบางทีมันก็เหมือนเราไม่ได้แคร์ความรู้สึกเขาเลย
เราเดาใจเขาไม่ค่อยถูก จนเขาคงเหนื่อยที่จะมานั่งบอกอะไรไปซะทุกอย่าง
การ์ดวันคริสต์มาสที่เขาให้ เรายังลืมเปิดเลยเพราะคืนนั้นเราเมามาก
ตื่นเช้ามาทำงานก็ยังคิดไม่ได้เลยว่าลืมอะไร....
แต่เราก็ secure มากจนไม่ทันคิดว่าความรู้สึกมันก็มีวันหมดอายุเหมือนกันถ้าไม่รักษา
และแล้ว ในวีคที่ 4 เขาก็มาบอกว่ารู้สึกกับเราน้อยลง
เขาไม่อยากจะคิดจริงจังอะไรกับเราแล้ว
และพอเขาปรับ mindset ของตัวเองแบบนั้น เขาก็พบว่าเขารู้สึกสบายใจขึ้น
ตอนนั้นเองที่เรารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันโครมลงมา
มันเพิ่งจะมา realise ได้เดี๋ยวนั้นเองว่าเรารู้สึกกับเขามากขนาดไหน
เพิ่งจะมาคิดได้ว่า เออเนอะ ไม่เคยทำอะไรให้เขามั่นใจเลยนี่หว่า
ไม่เคย cherish เขามากพอใน way ที่เขา expect เลย
ทำไมตอนนั้นทำแบบนี้ ทำไมตอนนั้นพูดแบบนี้ ทำไมตอนนั้นไม่ทำแบบนี้
ทุกคำถามมันโถมมาใส่จนเราหนักอึ้งไปหมด เราไม่ทันตั้งรับจริงๆ
ไม่สามารถตกตะกอนได้ เรางอแงใส่เขาหนักมาก
ขอโอกาสโดยไม่ได้พยายามจะอธิบายถึงสาเหตุของปัญหา
เขาบอกว่าคุยเหมือนเดิมได้นะ แต่ว่าตอนนี้ก็จะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามา
เราก็ยิ่งไม่เกท เรารู้สึกว่าถ้าคุยกันแบบที่ยังเปิดโอกาสให้คนอื่น งั้น what's the point?
ถ้าสุดท้ายเขาไปชอบคนใหม่ แล้วคนที่ยังรู้สึกอยู่ล่ะ เอาไงต่อดี?
เรางอแงมาก บอกเขาไปว่าถ้างั้นก็ไม่ต้องคุยแล้ว กลับไปเป็นเพื่อนเถอะ
ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาเสียใจมากนะที่เราตัดสินใจแบบนี้
และสุดท้ายก็เป็นเราเองที่ทำไม่ได้อย่างที่ลั่นออกไป
เราคุยกับเขาแบบปกติไม่ได้ ตอนคุยกันที่เหมือนจะดี แต่ได้ทีก็แอบงอแงใส่ว่า กลับมาไม่ได้เหรอ
เราอยากตามไปง้อถึงบ้าน แต่เราก็มานึกถึงคำพูดของเขาที่ว่า เขาอยากเปิดโอกาสให้คนอื่น
ก็เก็บมาน้อยใจไปอีก จนทุกอย่างมันดูจะสายไปแล้วมากๆ แล้วในตอนนี้
วันปีใหม่เราขอไปหาเขาเพราะอยากเคาท์ดาวน์ด้วย และอยากไปขอโอกาส
เขาก็ยอมให้ไปหาโดยที่ไม่ได้มี sign อะไรบอกเลยว่าเขาไม่อยากให้มา
เราก็เลยมีความหวังมาก แต่เขาก็กลับมาบอกว่ามันไม่ทันแล้วจริงๆ
และตอนนี้เขากำลังคุยกับน้องคนนึงที่เขาเคยคุยมาก่อนหน้าเรา...
ตอนนั้นกับน้องมันไม่เวิร์คก็เลยตัดสินใจมาคุยกับเรา
แต่ตอนนี้ในเมื่อเราไม่ได้คุยกันแล้ว และเด็กนั่นดันทักมาหาใหม่
เขาก็เลยเปิดโอกาสให้อีกครั้ง
เราจุกมาก แต่ก็กลั้นใจถามออกไปว่ากลับไปคุยแล้วเป็นยังไง
เขาก็ตอบกลับมาจุกๆ กว่าเดิมว่า รู้สึกสบายใจมากๆ เขาไม่เครียดเลย
self-esteem กลับมาสูงขึ้นจนอยู่ในระดับปกติ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ไม่ต้องมาคิดมากว่าน้องจะไม่ชอบมั้ยเพราะเขามั่นใจทั้งในตัวเองและตัวน้องด้วย
เราเจ็บจนพูดไม่ออกเลยตอนนั้น เพราะมันตรงกันข้ามกับตอนอยู่กับเราทุกอย่างเลย...
และคืนเดียวกันนั้นเองเด็กนั่นก็โทรมา ซึ่งเขาก็ดันตอบน้องไปว่าอยู่กับเรา
น้องไม่ชอบใจ และทั้งสองคนก็ทะเลาะกันต่อหน้าเรา เขาทำหน้าไม่โอเคมากๆ
ซึ่งมันเป็นอะไรที่เจ็บมากๆ กับการที่เห็นคนที่เรายังรู้สึกอยู่กำลังเจ็บปวดเพราะคนอื่น
มันคือที่สุดของการอกหักสำหรับเราเลยค่ะ
แต่เราไม่ยอมกลับบ้านเพราะเราไม่อยากกลับไปนั่งเหงาคนเดียว (คืนนั้นที่บ้านไม่มีใครอยู่)
เรายอมรับว่าเราเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมกลับ เราดึงดันที่จะอยู่และขอให้เขาอยู่
จนเราคิดว่าเขาคงอยากไล่เรากลับเต็มทนแต่แค่ไม่กล้าใจร้าย
เราก็เลยตัดสินใจกลับบ้านในเวลาตี 4 กว่าๆ
เราทักไปขอโทษเขา ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาก็คือเขาบอกว่าเขาโกรธ
และเขาอยากให้เราเลิกคุยกัน คุยแค่เรื่องงานเท่านั้นเพราะเขาไม่อยากมีปัญหากับน้องอีก
เขาบอกว่าเขาใจดีมามากแล้ว เขาไม่อยากเห็นเราร้องไห้ก็เลยไม่กล้าไล่
แต่ต่อไปนี้เขาจะใจร้ายแล้วนะ เขาจะเลือกสักคน ซึ่งคนๆ นั้นก็คือเด็กนั่น
เราเจ็บมากจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย เป็นการเริ่มปีใหม่ที่แสนจะแย่
เราคิดวนๆ แต่เรื่องนี้ โทษตัวเองทั้งวันจนปวดหัว
ต้อง sos ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเพราะดิ่งไม่ไหว
เรามีเพื่อนกี่คนเราโทรหาหมด มันก็แอบรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเพราะเพื่อนบอกว่าเราไม่ได้ผิดหมด
ถ้าเขาไม่อะไรด้วยแล้วจริงๆ เขาจะไม่ยอมให้เราไปหา
และเขาจะบอกเรื่องน้องคนนั้นแล้วแต่เนิ่นๆ เพราะเขาก็รู้ดีว่าเรายังไม่จบ
เพราะงั้นเขาเองก็กั๊กเราเหมือนกัน
ตอนนี้แอบดีขึ้นบ้าง เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่คิดว่าตอนนี้เขาจะชอบเด็กนั่นมากแค่ไหน
ตอนนี้จะออกไปเที่ยวกันที่ไหน ทำอะไรกัน เด็กนั่นจะทำอะไรดีๆ ให้เขาชอบกว่าตอนอยู่กับเรามากมั้ย
มันก็เจ็บปวดจนทนไม่ไหวเลยค่ะ คิดแทบไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่มีเขาเราอยู่ได้ยังไง
เรารู้ตัวว่าตอนนี้ยังตกตะกอนไม่พอ
และเรายังแอบหวังอยู่ว่าถ้าใจมันนิ่งได้แล้ว และถ้าเขาเลิกกับเด็กนั่นแล้ว เราจะกลับมาคุยกันอีกได้มั้ย
หรือกว่าจะถึงตอนนั้นเราจะ move on ได้หรือยัง
เขาเหมือนเข้ามาเพื่อ shape เราเลยค่ะ
เขาเป็นคนที่สอนให้เรารู้ว่าความสัมพันธ์มันเป็นยังไง
และมันจะจบยังไงถ้าไม่ได้รักษาไว้ดีๆ ตอนนี้เราเข้าใจมากๆ
เรารู้แล้วว่าเราพลาดตรงไหน แต่พูดไปก็ไม่จบเพราะแผลสดเหลือเกิน
ถ้าใครเคยเจออะไรแบบนี้ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะว่าผ่านมายังไง และสุดท้ายมันจบยังไง
อยากอ่านมากๆ ค่ะ และขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ขอบคุณจริงๆ
จากคนที่ไม่เคยเป็นฝ่ายโดนทิ้งเลยตลอดชีวิต แต่วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะลืมเขายังไงดี (เลสเบี้ยน)