ไม่อยากให้แม่สามีมาอยู่ด้วย จะพูดอย่างไรดีคะ ให้ไม่ทะเลาะกัน

เราซื้อบ้านกับสามีมา 10 ปีแล้วค่ะ ผ่อนร่วมกันจนหมดหนี้
ตอนแรกอยู่กันเอง 2 คนค่ะ แต่ตอนมีลูก เราจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลตอนเราออกไปทำงาน และแม่สามีมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนพี่เลี้ยง จันทร์-ศุกร์ แล้วเสาร์-อาทิตย์กลับบ้าน (แม่สามีอายุเยอะแล้วค่ะ เลี้ยงหลานไม่ไหว แต่มาอยู่ด้วยช่วงเราออกไปทำงาน) สามีไปรับ-ส่งแม่จากที่บ้านแม่
ตอนนี้เราออกจากงานแล้วเลี้ยงลูกเอง 100% เลยไม่จ้างพี่เลี้ยงแล้ว แม่สามีจึงไม่ได้ทำอะไรแล้วค่ะ
ปกติช่วงที่ให้ช่วยอยู่เป็นเพื่อนพี่เลี้ยง แม่สามีจะลงมาช่วงบ่าย ทานข้าว และสลับให้พี่เลี้ยงไปทานข้าวค่ะ
หลังจากนั้นก็พี่เลี้ยงดูยาวๆจนเรากลับจากที่ทำงาน 

เรารู้สึกอึดอัด ไม่เป็นส่วนตัวเวลาแม่สามีอยู่ด้วย ไม่ใช่แม่เค้าไม่ดีนะคะ แต่เราอยากอยู่กันเองครอบครัวเล็กๆมากกว่า
บ้านเรามีแค่ 2 ห้องนอน 
ห้องใหญ่เรา สามี และลูกนอน
ห้องเล็ก แม่สามีนอน
ปกติเราออกไปทำงานก็จะไม่ได้รู้สึกว่าบ้านอึดอัด เพราะออกเช้าทำงาน ตกเย็นกลับมาก็พาลูกทำกิจกรรม และขึ้นห้องนอนเลย แต่พอมาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน มันรู้สึกอึดอัดคับแคบมากเลยค่ะ

รถที่บ้านมี 1 คันเป็น vios ค่ะ หลังรถจะเป็น car seat เด็ก 2 อัน
ด้านหน้าจึงนั่งได้อีกแค่ 2 คนค่ะ เวลาจะไปไหนที สามีก็อยากให้แม่เค้าไปด้วย ต้องถอดคาร์ซีสเด็กออก เรารู้สึกไม่สบายใจ แต่พอบอกเค้าไป ก็ทะเลาะกัน เค้าก็ว่าจะซื้อรถใหม่ให้แม่ได้นั่งด้วย ทั้งๆที่การเงินที่บ้านก็เรียกว่าตึงมากแล้วค่ะ

สามีให้เงินเดือนแม่ + ถ้ามาอยู่ที่บ้านจะให้อีกเป็นรายอาทิตย์
ค่าอาหารและอื่นๆเวลาแม่มาอยู่บ้านนี้ สามีรับผิดชอบค่ะ (แม่สามี มีรายได้จากค่าเช่าบ้านเช่า + เงินเดือนที่สามีให้)

เรารู้สึกค่าใช้จ่ายมากไปด้วยค่ะ เพราะเราเองจะซื้ออาหารลูกยังต้องเบิกทุกครั้ง (ขนาดกดสั่ง mk ยังโดนว่ากินแพง) แต่พอกับแม่ เค้าจะมือเติบมาก ทานร้านอาหารเกือบทุกมื้อที่ออกจากบ้าน

เคยพูดกันแล้วว่าอยากอยู่ส่วนตัว เค้าก็ถามว่าแล้วแม่จะไปอยู่ไหน ทั้งๆที่แม่ก็มีบ้านของเค้านะคะ อยู่กับน้องชายสามีอีก 1 คน (ทำงานแล้ว) 
เราควรพูดยังไงให้ไม่เข้าใจผิดกันดีคะ

แม่สามีดีนะคะ ไม่ได้ก้าวก่าย แต่เราอึดอัดหลายๆอย่าง เช่นการตื่นสายมาก (บ่ายโมง) เพราะติดละครตอนดึก กับชอบให้สามีจ่าย คชจ ให้น้องแม่(น้าชาย) ที่ไม่มีรายได้ ซึ่งพอเราพูดส่วนนี้ สามีจะว่านี่เงินเค้าค่ะ แต่ถ้าแม่ไม่มาอยู่ที่บ้าน สามีจะไม่ได้ยุ่งตรงนี้ เพราะงานเค้ายุ่งมากๆ แต่แม่อยู่บ้าน เดินเจอกัน ก็จะบอกให้โอนนั่นนี่ให้หน่อย เดี๋ยวแม่โอนคืน แต่สามีไม่เคยเอาเงินคืนค่ะ

เพิ่มเติมข้อมูลในส่วนที่เป็นคำถามนะคะ
- ลูก 2 คนค่ะ คนโต 3 ขวบกว่า อยู่ อ.1 คนเล็ก 6 เดือนค่ะ
- การมองว่าแก่ตัวไปให้ลูกดูแล ส่วนตัวเราเองไม่ได้มองตรงนี้ค่ะ
จากที่บ้านเราเอง พ่อ/แม่ ขออยู่บ้านตัวเอง ลูกๆ 2 คนแวะเวียนไปหา  เราและน้องขายแต่งานแยกบ้านออกมามีครอบครัว เราแวะไปหา 2 อาทิตย์ครั้ง เพราะอยู่คนละจังหวัด ส่วนน้องขายแวะบ่อย เพราะอยู่ใกล้กันทานข้าวพร้อมกันทุกเทศกาล ลูก หลาน ภายในบ้านเราเอง (ญาติพี่น้องคุยกันปกติ เจอกันตามงานต่างๆ)
ทุกครั้งที่เจ็บป่วย พ่อแม่จะนอน admit โรงพยาบาล เรากับน้องสลับวันกันไปเฝ้าค่ะ
- เงินเกษียณเรามีส่วนเก็บไว้จำนวนนึงค่ะ พอเกษียณตัวเองได้ รวมบ้านและที่ดินที่เป็นทรัพย์สินก่อนแต่งงาน เรามองว่านี่คือเงินที่เราวางแผนเพื่อไม่รบกวนลูกหลานค่ะ จึงบอกว่าเรามองไว้จะอยู่กันเอง (ส่วนนี้เรากับสามีเห็นตรงกันค่ะ ให้ลูกรับผิดชอบตัวเอง สอนให้เค้ารักครอบครัว รักตัวเอง ตามแพลนคือส่งไปอยู่ ตปท ช่วงมหาลัยค่ะ แบบไปอยู่ได้เลย ไม่ต้องห่วงทางนี้ เราสอนเองที่บ้านตอนนี้เน้นเป็นภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น
- ปกติเรียนในระบบ เราจะมีค่าเรียนเสริม ภาษาอังกฤษ และพวกกิจกรรมเด็กเล็กต่างๆ แต่ตอนนี้ตัดออกหมด เพราะเราสอนเอง
- เราและสามีไม่ได้เกลียดกัน และไม่คิดจะเลิกกันค่ะ ส่วนที่ไม่อยากให้แม่อยู่ เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ค่ะว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้เหมือนเค้ากลับคำ
- แพลนเปลี่ยนรถ และขยายบ้านมีตอนลูกขึ้น ป.1 ค่ะ เพราะรอดูว่าลูกจะเข้าเรียนที่ไหน จะย้ายไปอยู่แถวโรงเรียนลูกค่ะ
- ปัญหาเงินคือปัญหาหลัก เราไม่อยากนำเงินเก็บที่วางแผนขีวิตไว้แล้วมาใช้ เพราะมันจะดึงกันทุกเรื่อง
- เรื่องการออกไปทำงาน ตัวเราเองเป็นคนชอบออกไปทำงานเจอผู้คนอยู่แล้วค่ะ แต่สถานการณ์โควิด เราไม่อยากให้ลูกเสี่ยงออกไปโรงเรียน หรือตัวเราเสี่ยงออกไปรับเชื้อ
- งานเราปกติทำที่บ้านเป็นหลักค่ะ มีบางครั้งออกไปประชุม จึงจำเป็นใช้พี่เลี้ยง ช่วงแรกแม่สามีไปๆกลับๆ ระยะหลังอยู่ถาวรค่ะ
- ไม่เคยบอกให้สามีทิ้งแม่ การดูแลแม่เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรแยกแยะและจัดการค่ะ พูดง่ายๆว่าเอาตัวเองให้รอดก่อน
- แม่สามีมีรายได้ที่มั่นคง ถึงจะอายุมากแต่ก็เป็นคนที่แข็งแรงดีค่ะ แต่ไม่ได้ให้เลี้ยงหลาน เพราะห่วงสุขภาพแม่ด้วยค่ะ การเลี้ยงเด็กต้องทั้งวิ่งตาม ห้ามละสายตา อุ้ม ควบคุมเด็กต้องร้องไห้ อ่านหนังสือให้ฟัง ท่านดูแลไม่ไหวค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
แนะนำให้คุณหางานทำแทน

เรารู้สึกว่าพอแม่สามีหมดประโยชน์ คุณก็ไม่ต้องการ แล้วหาสารพัดเหตุมาบอกว่าการอยู่ร่วมกันไม่โอเค

แม่แก่แล้ว นิสัยก็ไม่ได้แย่ ไม่มาวุ่นวายอะไร ทำไมต้องผลักภาระให้น้องชายสามี ควรผลัดการดูแลหรือเปล่า ก่อนหน้านี้แม่น่าจะอยู่กับน้องชายหลายปีจนคุณมีลูกถึงให้มาช่วยดู เพราะจ้างพี่เลี้ยงก็ต้องมีคนในบ้านคอยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย
ความคิดเห็นที่ 6
ออกตัวก่อนว่าเราไม่ชอบวัฒนธรรมพ่อแม่ติดลูก
เอือมพวกแก่แล้วยังแข็งแรงอยู่แท้ ๆ แต่อยู่เองไม่ได้
ชอบขอมาอยู่กับลูกเพราะเหงา ถ้าลูกโสดและติดแม่ก็แล้วไป
ถ้าลูกแต่งงานแล้วก็ควรเกรงใจบ้าง
เราชอบคนแก่ที่เก่ง เป็นตัวของตัวเอง ดูแลตัวเองได้

แต่กรณีคุณนี่คือแม่สามีไม่ได้ตั้งใจมาเกาะติดแบบแม่คนอื่น
เขานึกว่าที่เขามาเพราะมาช่วยลูก สามีคุณแหละที่เป็นฝ่ายดึงแม่ตัวเอง
เข้ามาให้เปลืองตัว แทนที่เมียไม่ได้ทำงานก็ให้ดูแลลูกไปสิ
จะรบกวนแม่ให้มาช่วยซ้ำซ้อนทำไม ให้แม่ตัวเองมาเยี่ยมหลาน
มาเป็นแขกเป็นครั้งคราว หรืออุ้มหลานไปเยี่ยมแม่ ยังจะดูดีกว่าอีก

เราเข้าใจทั้งคุณที่อึดอัด และเข้าใจสามีคุณที่อยากเป็นลูกที่ดี
แต่จากการพิจารณาสถานการณ์ตอนนี้ ไม่เห็นทางไหนดีกว่า
เท่ากับแนะนำให้คุณจขกท. กลับไปทำงาน
เพราะตอนนี้สามีคุณที่เป็นคนหาเงินเข้าบ้านคนเดียว เขาก็มองว่า
ถ้าเขาเลี้ยงเมียได้ ทำไมจะดูแลแม่ที่เลี้ยงเค้ามาไม่ได้ และมันก็จริง

และดูจากการเงินแล้ว ก็ไม่ได้เหลือใช้ ทุกวันนี้พี่เลี้ยงก็มี แม่ผัวก็ยังมาไหว
คุณไปทำงานต่อแบบเมื่อก่อนเถอะ จะได้ไม่ต้องอยู่บ้านเจอกันทั้งวัน
ความคิดเห็นที่ 47
กอดๆ จขกท. นะคะ เห็นใจมากๆ เลยค่ะ
เราก็เป็นคนนึงที่ชอบแยกตัวออกมาเป็นครอบครัวเล็ก ตอนนี้คุยกับแฟน ตกลงกันเรียบร้อยดี แต่วันหน้าไม่รู้จะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงรึป่าว

สำหรับคนที่ต่อว่า จขกท. ลองอ่านให้ละเอียดก่อนนะคะ ส่วนตัวเรามองว่า ผช. เห็นแก่ตัว เพราะ

1. ตอนซื้อบ้าน ผ่อนด้วยกันก็ตกลงแล้วว่าจะไม่เอาพ่อแม่ฝ่ายไหนมาอยู่ด้วย แต่พอผ่อนหมด ผช. ดันพลิกลิ้น​ จะเอาแม่ตัวเองมาอยู่ด้วย

2. เท่านั้นไม่พอ ให้ จขกท. ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก 2 คน + งานบ้าน + homeschool แต่ไม่ให้เงิน จขกท. ใช้ จน จขกท. ต้องหาของมาขายเป็นค่าใช้จ่ายเอาเอง (สรุปก็คือต้องทำงานอยู่ดี)​

3. แล้ว ผช. ก็คือมีเงินให้แต่แม่ตัวเองกับน้าตัวเอง  จขกท. ขอค่าขนมลูกก็โดนโกรธ ขอค่าใช้จ่ายในการ homeschool ก็โดนโกรธ แค่ จขกท. ซื้อขนมกินบ้างนิดๆ หน่อยๆ ให้หายเหนื่อยก็โดนโกรธ

4. แล้วเงินที่ ผช. เปย์แม่ตัวเอง เปย์น้าตัวเอง ก็เปย์จนต้องมาเบียดเบียนเงินเก็บกองกลางที่จะเอาไว้ใช้หลังเกษียณ​ของสองคนผัวเมีย มันไม่ใช่แล้วค่ะ

5. พอ จขกท. จะพาลูกไปหาตายายก็ไม่อยากให้พาไปอีก

ผช. รักแม่ รักครอบครัวเป็นสิ่งดีค่ะ
แต่ถ้ารักจนไม่แยกแยะแบบนี้ ได้โปรดไม่ต้องดิ้นรนหาเมียนะ สงสารผู้หญิงเค้า

**แก้ไขคำผิดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 33
เป็นกำลังใจให้คุณนะ

ผมว่าฝ่ายสามีคิดน้อยเกินไป เขาควรจะให้เงินเดือนคุณด้วยซ้ำนะ ในฐานะที่คุณทั้งเลี้ยงลูกทั้งทำงานบ้านเพราะคุณไม่มีงาน จะมาอ้างไม่ให้ไม่ได้
จะให้ออกจากงาน คนทำงานต้องพร้อมรับผิดชอบ

สามีคุณผิดคำพูด เราจะแยกครอบครัวก็คือแยกสิ สามีคุณต้องแก้ปัญหา เพราะก่อนมีครอบครัวคุยกันแล้ว
ถ้าอยากให้แม่มาอยู่เราก็คงไม่แต่งแต่แรก ไม่ได้รังเกียจ แต่มันคือข้อตกลง

ทางแก้ที่คิดออก คือ
สามีต้องให้เงินเดือนเรา เหมือนเราเป็นทั้งครู ทั้งแม่ ทั้งพี่เลี่ยงในตัวคนเดียว
ถ้าคุณมองว่าไม่ให้

เราคงต้องออกไปทำงาน จ้างพี่เลี้ยงแบบเดิม ทำตัวเป็นแบบสามีคนที่สอง
ทำตัวเองให้มีความสุขก่อน แล้วใช้เงินแก้ปัญหาแบบสามีคุณ ก็หารค่าพี่เลี้ยงกันไปแฟร์ๆ หารค่าบิลของลูกทุกอย่างไปแฟร์ๆ
กันเงินส่วนของตัวเองไว้เผื่อตอนตัวเองแก่เฒ่า ประกันสุขภาพต้องพร้อม

รักลูกก็ใช่ แต่ลูกก็ต้องเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เราให้ได้ ความสุขต้องเริ่มจากใจเราก่อน ถึงจะเผื่อแผ่ไปหาคนอื่นๆ
ความคิดเห็นที่ 5
เอาจริงๆ อึดอัดเพราะแม่สามีหรืออิจฉาที่สามีไม่เปย์เหมือนที่เปย์แม่
คุณเป็นภรรยา แต่นั่นคือแม่ที่คลอดเขามา ถ้าวันนึงลูกคุณแต่งงานแล้วสามีหรือภรรยาเขาไม่อยากให้คุณอยู่บ้านด้วย คุณจะรู้สึกยังไง
ทั้งๆที่ เงินค่าบ้านครึ่งนึงก็คือเงินของลูกคุณ
สิ่งที่สามีพูดไม่ผิดนะ เงินเขา บ้านครึ่งนึงก็ของเขา เขาจะทำอะไรก็สิทธิของเขา
การที่คุณบ่นว่าสั่ง MK ให้ลูก สามีบ่นว่าแพง แต่ออกนอกบ้านกินร้านอาหารตลอด คุณไม่ได้กินด้วยหรอ?
เราว่าปัญหาหลักๆคือเรื่องเงิน เพราะฉะนั้น คุณกับสามีก็ควรตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน แล้วเมื่อตกลงกันจบแล้ว
สามีจะเปย์แม่ยังไงก็ปล่อยเขาไป แค่อย่ามากระทบกับเงินส่วนของคุณและลูกก็พอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่