สวัสดีค่ะ เพิ่งมาตั้งกระทู้เป็นครั้งแรกหากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าทำงานที่นี้มาได้ 4 เดือนแล้วค่ะ ตอนเข้ามาแรกๆเราก็คิดว่าเราทำได้และอยากทำที่นี้ไปนานๆ
ชอบเนื้องาน ชอบงานเอกสาร ชอบอยู่กับเด็กๆ เป็นงานด้านการศึกษา ทำตำแหน่งธุรการฝ่ายวิชาการแต่พอมาเจอเจ้านายแบบนี้รู้สึกลังเลมากๆค่ะ
เนื่องจากเราเองไม่มีประสบการณ์ด้านงานธุรการแต่ก็โชคดีมากที่เจ้านายให้โอกาสแต่ในขณะเดี๋ยวกันเจ้านายก็จะพูดเปรียบเทียบ
เรากับคนเก่าที่อยู่มาเป็น 10 ปี ( แต่ตอนนี้พี่คนที่ทำมาเป็น 10 ปี เขาลาออกไปทำกิจการของตัวเองแล้วค่ะ )
ก่อนหน้าที่เราจะมาสมัครและได้ทำงานก็มีคนมาทำเหมือนกัน 3-4 คน แต่ก็อยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก
ยกตัวอย่างที่เรารู้สึกอึดอัดและคิดว่าไปต่อไม่ไหว คือ เจ้านายชอบเอาโทรศัพท์เราไปดู เพราะว่าเราต้องคุยกับเด็กที่ติดต่อมาขอใบจบ
ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องเรียน และเราต้องประสานงานกับอาจารย์ผู้สอน เจ้านายชอบเอาโทรศัพท์เราไปดูว่าเราคุยอะไรบ้าง ซึ่งเราไม่โอเคต่อให้เป็นเรื่องงาน
โทรศัพท์เป็นของส่วนตัว บางทีเราเข้าไลน์ไว้ในคอมฯ ของบริษัท เขาก็เอาหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ คุยกับใครคุยเรื่องอะไร ซึ่งเราเอาไว้ส่งงานกับอาจารย์ผู้สอน และส่งงานกับคนที่ทำงานด้วยกัน เราไม่ได้คุยอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน เวลาเจ้านายสั่งงานอะไร วันนี้พูดอีกอย่างพรุ่งนี้จะเป็นอีกอย่าง เราตามไม่ทัน เขาก็จะว่าเรา ล่าสุดคือเราต้องส่งข้อมูลการสอนให้อาจารย์ผู้สอนทางเมล์ก่อนจะถึงวันสอนจริงประมาณ 1 อาทิตย์ เจ้านายเราเขียนตารางวิชาพร้อมกับชื่ออาจารย์มาให้เราถึงต้นเดือน ก.พ.65 เราก็ส่งข้อมูลล่วงหน้าตามชื่อที่ลงมาให้ เราเริ่มรู้ว่าเจ้านายเราเป็นคนยังไงสุดท้ายเราก็ยังพลาด เราใช้วิธีการคือ ถ่ายเอกสารตารางวิชาใบที่เจ้านายเราเขียนเพื่อที่จะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่แล้วเจ้านายเปลี่ยนชื่ออาจารย์ผู้สอนโดยไม่บอกเรา ทำให้อาจารย์ผู้สอนเข้าใจผิดหาว่าเราส่งข้อมูลผิดให้เขา แต่เราไม่รู้เลยว่าเจ้านายเปลี่ยนอาจารย์เป็นอีกคนตอนไหน เราต้องกลายเป็นคนผิดเหมือนเดิม
และต่อมาเราแจ้งล่วงหน้ากับอาจารย์ผู้สอนว่าจะมีพิธีมอบเข็มตราสัญลักษณ์ของ รร. เราแจ้งล่วงหน้าไป 1 วัน ( เรามีหลักฐานโดยการพิมพ์ข้อความในไลน์ไปแจ้ง ซึ่งก็มีการตอบรับทราบ ) แล้ววันที่เป็นวันมอบเข็มจริงๆ ในช่วง 7:24 น. เราก็ไลน์ไปเตือนอีกครั้ง งานมอบเข็มจัดประมาณ 9:00 น. ก็เป็นเรื่องจนได้ เพราะอาจารย์ผู้สอนหาว่าเราไม่บอก ทั้งๆที่เราบอกล่วงหน้าแล้ว สุดท้ายเจ้านายให้เราไปขอโทษอาจารย์ผู้สอนทั้งๆที่เราไม่ผิด แต่เราก็ยอมขอโทษ แต่อาจารย์ผู้สอนไม่คุยกับเรา มีแต่คำถามในหัวเต็มไปหมด ว่าเราผิดอะไรทำไมเราต้องขอโทษ เจ้านายคุมเราตลอดเวลาทุกเรื่องนั่งติดกับเราแทบจะทุก ชม. ของการทำงาน คุมเราแม้กระทั้งการตีเส้นไม้บรรทัดในงานวิชาการต่างๆ เราไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นใดๆ เราเคยจะอธิบาย อ้าปากพูดไม่ถึง 3 ประโยค เขาก็ไม่ฟังเราไม่ให้เราพูด เอาแต่ความคิดเขาอย่างเดียว ส่วนใหญ่เราจะทำอะไรไม่ค่อยถูกใจเจ้านายเลย มีครั้งหนึ่งเจ้านายบอกเราช่วงเย็นว่าจะให้เราพูดในหัวข้อที่ต้องไปพูดเล่าให้เด็กๆฟังหน้าชั้นเรียนแต่ช่วงนั้นเรางานเยอะมาก ไม่มีเวลาที่จะซ้อมพูด เราเกิดความเครียดความกดดันที่เราไม่ได้ซ้อมพูด โดยปกติเราเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งแต่ถ้าได้มีเวลาในการซ้อมเราพูดได้ สุดท้ายวันที่เราจะต้องไปพูดจริงๆเราเกิดความเครียดและกลัวเราหนีงานช่วงเวลาประมาณ ครึ่ง ขม. ไปร้องไห้ในห้องน้ำ เราโกรธที่เจ้านายไม่บอกเราล่วงหน้า ไม่ให้เวลาในการซ้อมพูด สุดท้ายเจ้านายรับสมัครคนเข้ามาเพิ่มให้มาทำตำแหน่งเราแต่ในความรู้สึกเรา เรารู้สึกได้ว่าเขากำลังจะบีบเราออก เราจำวันนั้นได้ดีที่เจ้านายรับคนเข้ามาจะเอามาแทนที่เรา ด้วยความที่คนใหม่มีประสบการณ์เป็นเลขาของหมอ เป็นกู้ภัยรู้เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ และอายุเยอะกว่าเราหลายปี เจ้านายเราชอบคนอายุเยอะ พี่คนนั้นมาเรียนรู้งานวันเดียวพูดอะไรเจ้านายก็ฟังหมด ผิดกับเรามากๆไม่มีสิทธิ์พูด ( พี่คนใหม่มาเริ่มงานจริงๆเดือน ม.ค.65 ค่ะ ) และที่สำคัญเราเงินเดือน 15000 แต่ทางบริษัทส่งฐานเงินเดือนประกันสังคม 9000 มันไม่ใช่อ่ะ เรามองไม่เห็นหนทางความก้าวหน้าเลย จะทำธุรกรรมการเงินอะไรก็ยาก
เราควรไปเริ่มต้นใหม่ใช่ไหม หรือเราควรจะดูต่อไปอีกหน่อย
( ไม่อยากเปลี่ยนงานบ่อย แต่ก็รู้สึกอึดอัดมากๆ ร้องไห้บ่อยมาก เราเข้างาน 8 โมง เลิก 6 โมง เกือบทุกวัน บางวันเลิกเกือบ 1 ทุ่ม เงินเดือนเท่าเดิม โอทีไม่มี สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวบ่อยมาก )
เจ้านายคุมตลอดเวลา ทำงานไปร้องไห้ไป ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีคะ
ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าทำงานที่นี้มาได้ 4 เดือนแล้วค่ะ ตอนเข้ามาแรกๆเราก็คิดว่าเราทำได้และอยากทำที่นี้ไปนานๆ
ชอบเนื้องาน ชอบงานเอกสาร ชอบอยู่กับเด็กๆ เป็นงานด้านการศึกษา ทำตำแหน่งธุรการฝ่ายวิชาการแต่พอมาเจอเจ้านายแบบนี้รู้สึกลังเลมากๆค่ะ
เนื่องจากเราเองไม่มีประสบการณ์ด้านงานธุรการแต่ก็โชคดีมากที่เจ้านายให้โอกาสแต่ในขณะเดี๋ยวกันเจ้านายก็จะพูดเปรียบเทียบ
เรากับคนเก่าที่อยู่มาเป็น 10 ปี ( แต่ตอนนี้พี่คนที่ทำมาเป็น 10 ปี เขาลาออกไปทำกิจการของตัวเองแล้วค่ะ )
ก่อนหน้าที่เราจะมาสมัครและได้ทำงานก็มีคนมาทำเหมือนกัน 3-4 คน แต่ก็อยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก
ยกตัวอย่างที่เรารู้สึกอึดอัดและคิดว่าไปต่อไม่ไหว คือ เจ้านายชอบเอาโทรศัพท์เราไปดู เพราะว่าเราต้องคุยกับเด็กที่ติดต่อมาขอใบจบ
ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องเรียน และเราต้องประสานงานกับอาจารย์ผู้สอน เจ้านายชอบเอาโทรศัพท์เราไปดูว่าเราคุยอะไรบ้าง ซึ่งเราไม่โอเคต่อให้เป็นเรื่องงาน
โทรศัพท์เป็นของส่วนตัว บางทีเราเข้าไลน์ไว้ในคอมฯ ของบริษัท เขาก็เอาหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ คุยกับใครคุยเรื่องอะไร ซึ่งเราเอาไว้ส่งงานกับอาจารย์ผู้สอน และส่งงานกับคนที่ทำงานด้วยกัน เราไม่ได้คุยอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน เวลาเจ้านายสั่งงานอะไร วันนี้พูดอีกอย่างพรุ่งนี้จะเป็นอีกอย่าง เราตามไม่ทัน เขาก็จะว่าเรา ล่าสุดคือเราต้องส่งข้อมูลการสอนให้อาจารย์ผู้สอนทางเมล์ก่อนจะถึงวันสอนจริงประมาณ 1 อาทิตย์ เจ้านายเราเขียนตารางวิชาพร้อมกับชื่ออาจารย์มาให้เราถึงต้นเดือน ก.พ.65 เราก็ส่งข้อมูลล่วงหน้าตามชื่อที่ลงมาให้ เราเริ่มรู้ว่าเจ้านายเราเป็นคนยังไงสุดท้ายเราก็ยังพลาด เราใช้วิธีการคือ ถ่ายเอกสารตารางวิชาใบที่เจ้านายเราเขียนเพื่อที่จะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่แล้วเจ้านายเปลี่ยนชื่ออาจารย์ผู้สอนโดยไม่บอกเรา ทำให้อาจารย์ผู้สอนเข้าใจผิดหาว่าเราส่งข้อมูลผิดให้เขา แต่เราไม่รู้เลยว่าเจ้านายเปลี่ยนอาจารย์เป็นอีกคนตอนไหน เราต้องกลายเป็นคนผิดเหมือนเดิม
และต่อมาเราแจ้งล่วงหน้ากับอาจารย์ผู้สอนว่าจะมีพิธีมอบเข็มตราสัญลักษณ์ของ รร. เราแจ้งล่วงหน้าไป 1 วัน ( เรามีหลักฐานโดยการพิมพ์ข้อความในไลน์ไปแจ้ง ซึ่งก็มีการตอบรับทราบ ) แล้ววันที่เป็นวันมอบเข็มจริงๆ ในช่วง 7:24 น. เราก็ไลน์ไปเตือนอีกครั้ง งานมอบเข็มจัดประมาณ 9:00 น. ก็เป็นเรื่องจนได้ เพราะอาจารย์ผู้สอนหาว่าเราไม่บอก ทั้งๆที่เราบอกล่วงหน้าแล้ว สุดท้ายเจ้านายให้เราไปขอโทษอาจารย์ผู้สอนทั้งๆที่เราไม่ผิด แต่เราก็ยอมขอโทษ แต่อาจารย์ผู้สอนไม่คุยกับเรา มีแต่คำถามในหัวเต็มไปหมด ว่าเราผิดอะไรทำไมเราต้องขอโทษ เจ้านายคุมเราตลอดเวลาทุกเรื่องนั่งติดกับเราแทบจะทุก ชม. ของการทำงาน คุมเราแม้กระทั้งการตีเส้นไม้บรรทัดในงานวิชาการต่างๆ เราไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นใดๆ เราเคยจะอธิบาย อ้าปากพูดไม่ถึง 3 ประโยค เขาก็ไม่ฟังเราไม่ให้เราพูด เอาแต่ความคิดเขาอย่างเดียว ส่วนใหญ่เราจะทำอะไรไม่ค่อยถูกใจเจ้านายเลย มีครั้งหนึ่งเจ้านายบอกเราช่วงเย็นว่าจะให้เราพูดในหัวข้อที่ต้องไปพูดเล่าให้เด็กๆฟังหน้าชั้นเรียนแต่ช่วงนั้นเรางานเยอะมาก ไม่มีเวลาที่จะซ้อมพูด เราเกิดความเครียดความกดดันที่เราไม่ได้ซ้อมพูด โดยปกติเราเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งแต่ถ้าได้มีเวลาในการซ้อมเราพูดได้ สุดท้ายวันที่เราจะต้องไปพูดจริงๆเราเกิดความเครียดและกลัวเราหนีงานช่วงเวลาประมาณ ครึ่ง ขม. ไปร้องไห้ในห้องน้ำ เราโกรธที่เจ้านายไม่บอกเราล่วงหน้า ไม่ให้เวลาในการซ้อมพูด สุดท้ายเจ้านายรับสมัครคนเข้ามาเพิ่มให้มาทำตำแหน่งเราแต่ในความรู้สึกเรา เรารู้สึกได้ว่าเขากำลังจะบีบเราออก เราจำวันนั้นได้ดีที่เจ้านายรับคนเข้ามาจะเอามาแทนที่เรา ด้วยความที่คนใหม่มีประสบการณ์เป็นเลขาของหมอ เป็นกู้ภัยรู้เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ และอายุเยอะกว่าเราหลายปี เจ้านายเราชอบคนอายุเยอะ พี่คนนั้นมาเรียนรู้งานวันเดียวพูดอะไรเจ้านายก็ฟังหมด ผิดกับเรามากๆไม่มีสิทธิ์พูด ( พี่คนใหม่มาเริ่มงานจริงๆเดือน ม.ค.65 ค่ะ ) และที่สำคัญเราเงินเดือน 15000 แต่ทางบริษัทส่งฐานเงินเดือนประกันสังคม 9000 มันไม่ใช่อ่ะ เรามองไม่เห็นหนทางความก้าวหน้าเลย จะทำธุรกรรมการเงินอะไรก็ยาก
เราควรไปเริ่มต้นใหม่ใช่ไหม หรือเราควรจะดูต่อไปอีกหน่อย
( ไม่อยากเปลี่ยนงานบ่อย แต่ก็รู้สึกอึดอัดมากๆ ร้องไห้บ่อยมาก เราเข้างาน 8 โมง เลิก 6 โมง เกือบทุกวัน บางวันเลิกเกือบ 1 ทุ่ม เงินเดือนเท่าเดิม โอทีไม่มี สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวบ่อยมาก )