“ซึมเศร้า” นับเป็นโรคใกล้ตัวของคนในยุคปัจจุบัน ด้วยบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป ทั้งในเรื่องของงานที่มีความกดดันและเร่งรีบ ปัญหาเรื่องความรัก ข่าวสาร สถานการณ์บ้านเมือง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสมจนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า แต่ทุกคนสามารถรับมือเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้าได้ดังนี้
1. ฝึกยอมรับความเป็นตัวเองทั้งข้อดีและข้อเสีย รู้สึกขอบคุณและภาคภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ เพื่อฝึกความพร้อมรับกับสถานการณ์ความเศร้าหรือความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้น
2. พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนเพลิดเพลินเมื่อรู้สึกเศร้าหรือทุกข์ เช่น ดูภาพยนตร์ตลก อ่านเรื่องขบขัน หรือพูดคุยกับเพื่อน ๆ ในเรื่องสนุกสนาน จะช่วยคลายเครียดและลืมความเศร้าได้
3. ระบายความรู้สึกด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกเศร้า โกรธหรือผิดหวัง เช่น เล่าให้คนที่ไว้ใจฟัง ตะโกนเพื่อปลดปล่อยความรู้สึก ร้องไห้ หรือเขียนระบายความรู้สึกใน Diary ส่วนตัว
4. ออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มระดับสารเชโรโทนินในสมองและหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น
5. เดินทางท่องเที่ยว เป็นการออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมที่ทำให้รู้สึกเบื่อ เหนื่อยหน่าย เศร้า ฯลฯ เปลี่ยนไปสู่สิ่งแวดล้อมและเรื่องราวใหม่ ๆ จะช่วยคลายความเครียดและความเศร้าได้ดีเช่นกัน
6. ทำในสิ่งที่ชอบ เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป ระบายสี ทำอาหาร เย็บปักถักร้อย เป็นต้น ก็จะช่วยให้เพลิดเพลินและเอาใจออกจากความเศร้าได้
7. Positive Thinking ฝึกมองโลกในแง่บวกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกคิดในมุมบวก มองคนอื่นในแง่ดี และชื่นชมคนอื่น จะช่วยเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตได้มากขึ้น เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก การมองคนอื่นในมุมบวกจะช่วยให้เราเปิดใจและพูดคุยกับคนรอบข้างได้มากขึ้น
ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะเริ่มดูแลสุขภาพจิตของตัวเองเมื่อไหร่ดี ลองใช้วันขึ้นปีใหม่ 2022 นี้เป็นการเริ่มต้นในการฝึกและดูแลจิตใจ เพราะการจะเป็นคนที่มีความสุข สุขภาพกายและสุขภาพใจต้องแข็งแรงไปพร้อม ๆ กัน
บทความโดย นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ โฆษกกรมสุขภาพจิตและจิตแพทย์ที่ปรึกษาโรงพยาบาลเวชธานี
สุขภาพจิตดี รับปีเสือ ด้วย 7 ข้อนี้
1. ฝึกยอมรับความเป็นตัวเองทั้งข้อดีและข้อเสีย รู้สึกขอบคุณและภาคภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ เพื่อฝึกความพร้อมรับกับสถานการณ์ความเศร้าหรือความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้น
2. พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนเพลิดเพลินเมื่อรู้สึกเศร้าหรือทุกข์ เช่น ดูภาพยนตร์ตลก อ่านเรื่องขบขัน หรือพูดคุยกับเพื่อน ๆ ในเรื่องสนุกสนาน จะช่วยคลายเครียดและลืมความเศร้าได้
3. ระบายความรู้สึกด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกเศร้า โกรธหรือผิดหวัง เช่น เล่าให้คนที่ไว้ใจฟัง ตะโกนเพื่อปลดปล่อยความรู้สึก ร้องไห้ หรือเขียนระบายความรู้สึกใน Diary ส่วนตัว
4. ออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มระดับสารเชโรโทนินในสมองและหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น
5. เดินทางท่องเที่ยว เป็นการออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมที่ทำให้รู้สึกเบื่อ เหนื่อยหน่าย เศร้า ฯลฯ เปลี่ยนไปสู่สิ่งแวดล้อมและเรื่องราวใหม่ ๆ จะช่วยคลายความเครียดและความเศร้าได้ดีเช่นกัน
6. ทำในสิ่งที่ชอบ เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป ระบายสี ทำอาหาร เย็บปักถักร้อย เป็นต้น ก็จะช่วยให้เพลิดเพลินและเอาใจออกจากความเศร้าได้
7. Positive Thinking ฝึกมองโลกในแง่บวกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกคิดในมุมบวก มองคนอื่นในแง่ดี และชื่นชมคนอื่น จะช่วยเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตได้มากขึ้น เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก การมองคนอื่นในมุมบวกจะช่วยให้เราเปิดใจและพูดคุยกับคนรอบข้างได้มากขึ้น
ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะเริ่มดูแลสุขภาพจิตของตัวเองเมื่อไหร่ดี ลองใช้วันขึ้นปีใหม่ 2022 นี้เป็นการเริ่มต้นในการฝึกและดูแลจิตใจ เพราะการจะเป็นคนที่มีความสุข สุขภาพกายและสุขภาพใจต้องแข็งแรงไปพร้อม ๆ กัน
บทความโดย นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ โฆษกกรมสุขภาพจิตและจิตแพทย์ที่ปรึกษาโรงพยาบาลเวชธานี