[CR] ไต่สันเขา เมาริมผา ที่หว่าว่าโจ ดอยหงอนไก่ ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน


สวัสดีครับผม กลับมาอีกครั้งกับทริปเดินป่า ของผมกับเพื่อนๆ วันนี้จะพาขึ้นเหนือ (เกือบ) สุดประเทศ ที่แม่ฮ่องสอน กับดอยที่อาจจะยังไม่ฮอตมาก แต่ความตื่นเต้น และบรรยากาศ ไม่แพ้ที่เที่ยวดังๆ เลย กับ 3 ดอย อย่าง ดอยหว่าว่าโจ ดอยหงอนไก่ และดอยปุยหลวง พร้อมแล้วก็แบกเป้ขึ้นหลังตามผมมาเลย

วันที่ไป : 24 - 27 ธันวาคม 2564
ค่าใช้จ่าย : คนละ 6,500 บาท (ไปกัน 8 คน)

.... ไปจ๊ะ ...

วันที่ 24 - 25 ธันวาคม (เดินทาง กรุงเทพ - แม่ฮ่องสอน พร้อมออกเดิน)
สำหรับการเดินทางในทริปนี้ ผมขอใช้เงินแก้ปัญหา เนื่องจากไปกันหลายคน และคิดว่าคงขับรวดเดียว 15 - 16 ชั่วโมง ไม่ไหว เลยจ้างพี่รถตู้ขับ โดยออกจากกรุงเทพตอน ห้าโมงครึ่ง ไปรับเพื่อนหนึ่งคนที่เชียงใหม่ และอีกคนที่อำเภอปาย

เราไปถึงที่รีสอร์ท บ้านเคียงดอย แม่ฮ่องสอน ตอน เที่ยงๆ โดยนัดกับทีมงานที่โน่น ชื่อว่า พี่รอง และพี่บอย (ก่อนจะไปไกล ขอบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ ให้สองคนนี้ดูแลในการเดินทางจะดีมาก พี่ๆ เทคแคร์ดีเวอร์ แถมยังอัธยาศัยดีสุดๆ) 

หลังจากรถมารับค่อนข้างเลท คือเกือบบ่ายโมงครึ่ง เราต้องเดินทางต่อไปยังจุดเริ่มเดิน ประมาณ 1 ชั่วโมง


สำหรับใครที่คิดจะเปรี้ยวนั่งหลังกระบะ ลองดูภาพนี้ประกอบก่อนนะฮะ 555+ เพราะอาจจะหัวแดงก่อนขึ้น แต่ผมเองก็นั่งหลัง พอมาถึงจุดเดิน ก็เตรียมสัมภาระบางส่วนแบกเอง บางส่วนฝากพี่ลูกหาบไป (คนละ 1,000 บาท แบกได้ 20 โล) เดินขึ้นไปสักหน่อยก็จะตัดเข้าไปในป่าทันที่ ไม่ร้อนมาก


ทางเดินขึ้นดอยหว่าว่าโจ เป็นทางชัน สลับทางราบ (เป็นส่วนน้อย) ระหว่างทางจะพบกับเห็ด กล้วยไม้ และดอกไม้เต็มไปหมด ทางค่อนข้างดี มีการกรุยทางให้เห็นชัด เพราะฉะนั้นแทบไม่ต้องกลัวหลง ยกเว้นเราจะอยากหลงเอง 555+ 

เมื่อเดินมาได้สัก สองชั่วโมง เราจะมาถึงบริเวณที่เป็นสามแยก ถ้าเลี้ยวซ้าย จะเป็นเส้นทางไปยัง ดอยหงอนไก่ ที่มีลักษณะเป็น ยอดดอยติดๆ กัน 3 ดอย คล้ายหงอนไก่ ถ้าเดินไปทางขวาจะเป็น "หว่าว่าโจ" ซึ่งคืนแรกเราจะนอนกันที่นี่ เราเลยเลี้ยวขวากัน


สำหรับใครที่ติดใจ สันคมมีด แห่งเขาช้างเผือก บอกเลยที่นี่มีดีไม่ต่างกัน เส้นทางจากสามแยกไปยัง ที่ตั้งแคมป์ดอยหว่าว่าโจ เป็นการเดินบนสันเขาเป็นหลัก น่ากลัวพอสมควร หากใครกลัวความสูงแนะนำให้มีเพื่อนไปด้วย ไม่งั้นจะเหวอๆ หน่อย โดยจะเดินข้ามเขาไม่สูงมาก 3 ลูกก็จะถึงบริเวณที่เราตั้ง
แคมป์กัน


ความโชคดีของแกงค์เราวันนี้คือ ไม่มีใครมาดอยหว่าว่าโจเลย จึงทำให้เราได้เหมาจุดการเต๊นท์เลย ไม่มีใครรบกวน และที่เด็ดคือตั้งอยู่ริมผาเลย ทำให้เห็นวิวแทบจะ 180 องศา ด้านหลังจะเป็นป่าทึบ หน่อย

กิจกรรมช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก เนืองจากเรามาถึงเกือบ 5 โมง แล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ สองชั่วโมงนิดๆ เลยคุยกันว่าจะไม่ไปไหนต่อ จะตั้งแคมป์แล้วหาไรกินเลย พรุ่งนี้จะออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น


วันที่ 26 ธันวาคม (ดูพระอาทิตย์ขึ้น - ย้ายแคมป์สู่ดอยปุยหลวง)
ตอนเช้าเราตื่นกันหกโมง เพื่อเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ตอนออกเดินทางค่อนข้างมืดอยู่ ทำให้ค่อนข้างอันตราย เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้ไปคนเดียว ควรไปเป็นกลุ่ม 


วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นกือบ เจ็ดโมง และด้วยความที่อากาศหนาว ทัศนวิศัยไม่ดี เราจึงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เป็นดวงๆ สวยๆ เป็นไข่แดง แต่ก็ไปนั่งชิลได้เกือบชั่วโมง


จากภาพด้านบนจะเห็นเลยว่า กลุ่มผมได้ที่ตั้งแคมป์ค่อนข้างดีทีเดียว แต่การนอนริมผามักจะมาพร้อมกับลมแรงทั้งคืน โดยอากาศค่อนข้างเย็นนะข้างบน (เฉลี่ย 12 - 15  องศา) 

เมื่อกินข้าว เก็บเต๊นท์เสร็จ ก็พร้อมออกเดินทางสู่ ดอยปุยหลวงต่อไป ซึ่งระยะทางจะอยู่ที่ประมาณ 3 - 4 กิโลเมตรต้องขอบอกก่อนว่าเส้นทางนี้ค่อนข้างโหด และ "ไม่เหมาะกับมือใหม่อย่างมา" เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะว่าทำไม


ด้วยความที่เราตกลงกันกับทีมว่าจะไม่ใช้เส้นทางเดินขึ้นไปบนดอยหงอนไก่ เนื่องจากปิดอยู่ (โดยหมู่บ้านที่ดูแล) และทางค่อนข้างสูงชัน ลูกหาบเลยพาเดินลัดเลาะเขามาด้านข้างซึ่ง !!! เป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยหญ้าสด และแห้งสลับกัน บาดแขน - ขา ได้ตลอดเวลา รวมถึงเป็นทางริมผา ทำให้การเดินต้องระวังมากกว่าปกติ การวางเท้าแต่ละครั้งต้องดูให้ดี เพราะบางทีเป็นการเหยียบลงบนหญ้ารก ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นหลุมหรือเปล่า 

ช่วงนี้เราเดินทุลักทุเลมาก กว่าจะมาถึงอีกฝากของดอยหงอนไก่ เล่นเอาหมดแรงกว่าเดินวันแรกเสียอีก เราพักอยู่เกือบ 30 นาที ก็เดินต่อ ... เส้นทางข้างหน้าจะเป็นเขาชันอีก 2-3 ลูก เห็นแล้วเป็นท้อ สภาพพพพ 

หลังจากเห็นปากขาวซีดของเรา ลูกหาบเลยพาเราเดินมาเส้นทางลัดที่ไม่ต้องขึ้นเขา แต่จะมีต้นไม้อันนึงชื่อ "ช้างสะดุ้ง" ที่เมื่อโดนแล้วจะคันมาก ทำให้การเดินลัดเลาะในทางลัดครั้งนี้ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครโดนเจ้าต้นไม้ต้นนี้นะ


ดอยปุยหลวงเป็นสถานที่เปิดโล่งกว้างงมาก ยังกับลาน "เทเลทับบีส์" เป็นเนินเขาขนาดใหญ่ แต่มาตอนหน้าหนาวแบบนี้ก็จะเห็นหญ้าเหลือง ดอกไม้แห้งๆ แทน พี่เค้าบอกว่าถ้ามาช่วงตุลาคมจะสวยมาก

สำหรับจุดกางกางเต๊นท์จะอยู่ลึกเข้าไปในป่าหน่อย เขาไม่อนุญาตให้กางบริเวณดอยปุยหลวงนะครับผม

พอจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จ เราก็เดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตก บนยอดดอยปุยหลวง ที่สวยมากกกกก เดินขึ้นไปไม่ถึง 15 นาที จะพบวิวแบบ 360 องศา เห็นทิวเขาสลับตัวไปมา สวยงาม อีกทั้งอากาศเย็นเบาๆ เรานั่งดูพระอาทิตย์เกือบจะลับไปก็เดินลงมาเพราะกลัวมืดแล้วมองไม่เห็น



... จบแล้ว ...

เอาล่ะครับ เป็นไงบ้าง ได้ผจญภัยตามที่ผมบอกหรือเปล่า โดยขอสรุปนะเป็นทริปที่เดินไม่ยาก สำหรับเรา โดยรวมแค่ 10 โลเอง สบายมาก เหมาะสำหรับคนมีประสบการณ์การเดินทางมาระยะนึง แต่ไม่ถึงกับโหดมาก แค่ตึงๆ ขา

โดยบริเวณนี้ยังมีดอยอื่นๆ อีกเยอะนะ ห้าหกดอย แต่ต้องใช้เวลานานกว่านี้ ยังไงใครสนใจลองติดต่อ บ้านเคียงดอยรีสอร์ทได้เลย เอาล่ะครับขอลาไปก่อนวันนี้ แล้วพบกันใหม่กับทริปหน้าจ้าาา

 
ชื่อสินค้า:   หว่าว่าโจ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่