
เตรียมแผนอพยพ! นายกฯย้ำมีแผนดูแลคนไทย หากพม่าปะทะรุนแรง
วันจันทร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 16.23 น.
เลขาฯสมช.เผย"นายกฯ"ย้ำความปลอดภัยคนไทยต้องมาก่อน แจงมีแผนอพยพ หากเมียนมาปะทะรุนแรง ชี้ผู้หลบหนีเกือบ 5 พันคน ด้านจังหวัดตั้งศูนย์อำนวยการฯประสานดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ปะทะรุนแรงในเมียนมา และมีผู้อพยพเข้ามายังประเทศไทย ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนมาก ว่า.....👩💻
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นห่วง และสั่งการไว้แล้วว่าอาจจะมีเหตุการณ์สู้รบและปะทะกันรุนแรง ดังนั้น สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องดูแลและดำเนินการคือปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยเป็นลำดับแรก ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความจำเป็นหากมีเหตุรุนแรง ทางจังหวัดจะร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงได้เตรียมแผนอพยพประชาชนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากมีการหนีภัยเมื่อเข้ามาหน่วยงานความมั่นคงจะประสานตรงไปถึงรัฐบาลเมียนมาและหน่วยกองกำลังที่อยู่ตามชายแดน
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่หนีภัยเข้ามาตามแนวชายแดน ในปัจจุบันยังไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 แต่ได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงกองกำลังในพื้นที่ จ.ตาก เรื่องการรับผู้หนีภัยความไม่สงบ ตามที่นายกฯ เป็นห่วง และกำชับให้มีการคัดกรอง หากพบว่ามีลักษณะเสี่ยงติดเชื้อ จะคัดแยกและแจ้งทางจังหวัดให้ดำเนินการรักษาต่อไป
ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุดยังมีสถานการณ์สู้รบในเมียนมา โดยมีผู้หนีภัยเข้ามาประมาณ 4,800 คน บางส่วนขอกลับประเทศไปแล้ว โดยกระจายในพื้นที่ 3 จุด ที่มีการจัดระเบียบไว้อย่างเหมาะสม ขณะที่ทางจังหวัดได้ตั้งกองอำนวยการประสานงาน ขึ้นมาดูแลผู้ที่หนีภัยตามหลักมนุษยธรรม โดยมีกองทัพเป็นผู้สนับสนุนดูแลความเรียบร้อยในภาพรวม และมีองค์กรอื่นๆเข้าไปช่วยเหลือผ่านกองอำนวยการฯ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนที่มีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปดูแลในพื้นที่นั้น เนื่องจากทหารจะมีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจน ส่วน ตชด.ถือเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชายแดน ถือเป็นการทำงานอย่างสอดคล้องและมีเอกภาพในการบังคับบัญชา
https://www.naewna.com/politic/624998

ทอ.ยัน'เครื่องบินเมียนมา'ยังไม่ล้ำแดนไทย เผยเขตเฝ้าระวัง 50 ไมล์ไม่ตายตัว
วันศุกร์ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 14.46 น.
ทอ.ยัน"เครื่องบินเมียนมา"ยังไม่ได้ล้ำแดนไทย เผยเขตเฝ้าระวัง 50 ไมล์ไม่ได้ตายตัวขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ เมียนมา-ไทยเป็นมิตรที่ดี แจงดราม่าใช้เครื่องบินโปรยน้ำดับฝุ่นพีเอ็ม ยันพิจารณาทางเทคนิค อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมหากรัฐบาลสั่ง
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่การสู้รบบริเวณชายแดนเมียนมาได้รับสัญญาณหรือการแจ้งเตือนการลุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยหรือไม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พบว่ามีเครื่องบิน หรืออากาศยานที่มีเจตนารมณ์หรือเป้าหมายเข้ามาในประเทศไทย ยังคงประสานงานกับหน่วยป้องกันเฝ้าระวังในพื้นที่ตามปกติ ยืนยันว่า รายงานล่าสุดก็ยังไม่มีบินล้ำเข้ามาในประเทศไทย
ทั้งนี้ ภารกิจ ทอ.มีภาระหน้าที่ในการตรวจระบบเฝ้าระวังภัยทางอากาศ ป้องกันภัยคุกคามทั้งหมดของปะเทศ มีสถานีเรดาร์รายงาน 11 แห่งทั่วประเทศ ในด้านตะวันตกนั้น ทอ.มีระบบเฝ้าตรวจ เฝ้าระวัง ค้นหาพิสูจน์ และดำเนินการตามกระบวนการตลอด 24 ชั่วโมง
"ระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศไทยมีความพร้อม และเราเห็นภาพที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการให้ข้อมูลในลักษณะที่เป็นภาพ ไม่สามารถให้ได้ เพราะจะเกิดผลกระทบทั้งสองฝ่าย จะเป็นการชี้เป้าไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์กับไทย เขาไม่มีเจตนาลุกล้ำเข้ามา และเป็นเรื่องภายในประเทศเพื่อนของเรา เขาเป็นมิตรที่ดีกับเรา ทั้งนี้ ได้มีการประสานงานกันตลอด ตัวเลขเขตเฝ้าระวังเข้มข้น 50 ไมล์นั้นก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัว เป็นเรื่องลักษณะทางภูมิประเทศ การเฝ้าระวังทางอากาศต้องดูเจตนาว่าเราตั้งใจที่จะพุ่งเข้ามาสู่เป้าหมายอะไรหรือไม่อย่างไร เราก็พิสูจน์ฝ่าย หากเครื่องบินนั้นมีการส่งแผนการบินที่ชัดเจน เราก็เฝ้าระวังและเฝ้าดูไม่ให้กระทบต่อแนวชายแดยของไทย เขาก็ปฏิบัติภารกิจในแนวชายแดนของเขา" โฆษกกองทัพอากาศ ระบุ
นอกจากนี้ โฆษกกองทัพอากาศ ยืนยันว่า มาตรการใช้เครื่องบินโปรยน้ำลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ตามที่ ผบ.ทอ.ได้ให้ไปสัมภาษณ์ไปนั้น ทอ.ก็รอดูว่ารัฐบาลต้องการสนับสนุนหรือไม่อย่างไร ในทางเทคนิค เราก็พยายามระมัดระวังว่าจะเกิดประโยชน์มากน้อยแคไหน อย่างไรก็ตาม เราเตรียมพร้อมตลอดในการสนับสนุนรัฐบาล ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน และแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุดนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการสั่งการ การที่ ผบ.ทอ.ตอบคำถามสื่อคือการเตรียมพร้อมในการบรรเทาปัญหาหากรัฐบาลสั่งการ
https://www.naewna.com/politic/624369

เลขาฯสมช. เผยมีผู้หนีภัยสู้รบเกือบ 5 พันคน ยันดูแลตามหลักมนุษยธรรม
27 ธันวาคม 2564 เวลา 16:28 น.

27 ธ.ค.2564 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ปะทะรุนแรงในเมียนมา และมีผู้อพยพเข้ามายังประเทศไทยด้านอ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนมาก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นห่วง และสั่งการไว้แล้วว่าอาจจะมีเหตุการณ์สู้รบและปะทะกันรุนแรง ดังนั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องดูแลและดำเนินการคือปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยเป็นลำดับแรก ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความจำเป็นหากมีเหตุรุนแรง ทางจังหวัดจะร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงได้เตรียมแผนอพยพประชาชนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากมีการหนีภัยเมื่อเข้ามาหน่วยงานความมั่นคงจะประสานตรงไปถึงรัฐบาลเมียนมาและหน่วยกองกำลังที่อยู่ตามชายแดน
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่หนีภัยเข้ามาตามแนวชายแดน ในปัจจุบันยังไม่พบการติดเชื้อโควิด แต่ได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกองกำลังในพื้นที่จ.ตาก เรื่องการรับผู้หนีภัยความไม่สงบ ตามที่นายกฯเป็นห่วงและกำชับ ให้มีการคัดกรอง หากพบว่ามีลักษณะเสี่ยงติดเชื้อ จะคัดแยกและแจ้งทางจังหวัดให้ดำเนินการรักษาต่อไป ทั้งนี้สถานการณ์ล่าสุดยังมีสถานการณ์สู้รบในเมียนมาร์ โดยมีผู้หนีภัยเข้ามาประมาณ 4,800 คน บางส่วนขอกลับประเทศไปแล้ว โดยกระจายในพื้นที่ 3 จุด ที่มีการจัดระเบียบไว้อย่างเหมาะสม ขณะที่ทางจังหวัดได้ตั้งกองอำนวยการประสานงาน ขึ้นมาดูแลผู้ที่หนีภัยตามหลักมนุษยธรรม โดยมีกองทัพเป็นผู้สนับสนุนดูแลความเรียบร้อยในภาพรวม และมีองค์กรอื่นๆเข้าไปช่วยเหลือผ่านกองอำนวยการฯ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนที่มีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปดูแลในพื้นที่นั้น เนื่องจากทหารจะมีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจน ส่วนตชด.ถือเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชายแดน ถือเป็นการทำงานอย่างสอดคล้องและมีเอกภาพในการบังคับบัญชา
https://www.thaipost.net/general-news/53828/

ประเทศมั่นคงผู้นำเข้มแข็ง มั่นใจในทหารและผู้นำค่ะ


......

💛มาลาริน/ขอให้มั่นใจไม่ทอดทิ้งใคร..นายกฯย้ำมีแผนดูแลคนไทย หากพม่าปะทะรุนแรง ทอ.ย้ำไม่รุกล้ำแดนไทย ยันดูแลช่วยผู้ลี้ภัย
วันจันทร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 16.23 น.
เลขาฯสมช.เผย"นายกฯ"ย้ำความปลอดภัยคนไทยต้องมาก่อน แจงมีแผนอพยพ หากเมียนมาปะทะรุนแรง ชี้ผู้หลบหนีเกือบ 5 พันคน ด้านจังหวัดตั้งศูนย์อำนวยการฯประสานดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ปะทะรุนแรงในเมียนมา และมีผู้อพยพเข้ามายังประเทศไทย ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนมาก ว่า.....👩💻
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นห่วง และสั่งการไว้แล้วว่าอาจจะมีเหตุการณ์สู้รบและปะทะกันรุนแรง ดังนั้น สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องดูแลและดำเนินการคือปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยเป็นลำดับแรก ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความจำเป็นหากมีเหตุรุนแรง ทางจังหวัดจะร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงได้เตรียมแผนอพยพประชาชนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากมีการหนีภัยเมื่อเข้ามาหน่วยงานความมั่นคงจะประสานตรงไปถึงรัฐบาลเมียนมาและหน่วยกองกำลังที่อยู่ตามชายแดน
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่หนีภัยเข้ามาตามแนวชายแดน ในปัจจุบันยังไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 แต่ได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงกองกำลังในพื้นที่ จ.ตาก เรื่องการรับผู้หนีภัยความไม่สงบ ตามที่นายกฯ เป็นห่วง และกำชับให้มีการคัดกรอง หากพบว่ามีลักษณะเสี่ยงติดเชื้อ จะคัดแยกและแจ้งทางจังหวัดให้ดำเนินการรักษาต่อไป
ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุดยังมีสถานการณ์สู้รบในเมียนมา โดยมีผู้หนีภัยเข้ามาประมาณ 4,800 คน บางส่วนขอกลับประเทศไปแล้ว โดยกระจายในพื้นที่ 3 จุด ที่มีการจัดระเบียบไว้อย่างเหมาะสม ขณะที่ทางจังหวัดได้ตั้งกองอำนวยการประสานงาน ขึ้นมาดูแลผู้ที่หนีภัยตามหลักมนุษยธรรม โดยมีกองทัพเป็นผู้สนับสนุนดูแลความเรียบร้อยในภาพรวม และมีองค์กรอื่นๆเข้าไปช่วยเหลือผ่านกองอำนวยการฯ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนที่มีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปดูแลในพื้นที่นั้น เนื่องจากทหารจะมีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจน ส่วน ตชด.ถือเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชายแดน ถือเป็นการทำงานอย่างสอดคล้องและมีเอกภาพในการบังคับบัญชา
https://www.naewna.com/politic/624998
วันศุกร์ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 14.46 น.
ทอ.ยัน"เครื่องบินเมียนมา"ยังไม่ได้ล้ำแดนไทย เผยเขตเฝ้าระวัง 50 ไมล์ไม่ได้ตายตัวขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ เมียนมา-ไทยเป็นมิตรที่ดี แจงดราม่าใช้เครื่องบินโปรยน้ำดับฝุ่นพีเอ็ม ยันพิจารณาทางเทคนิค อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมหากรัฐบาลสั่ง
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่การสู้รบบริเวณชายแดนเมียนมาได้รับสัญญาณหรือการแจ้งเตือนการลุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยหรือไม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พบว่ามีเครื่องบิน หรืออากาศยานที่มีเจตนารมณ์หรือเป้าหมายเข้ามาในประเทศไทย ยังคงประสานงานกับหน่วยป้องกันเฝ้าระวังในพื้นที่ตามปกติ ยืนยันว่า รายงานล่าสุดก็ยังไม่มีบินล้ำเข้ามาในประเทศไทย
ทั้งนี้ ภารกิจ ทอ.มีภาระหน้าที่ในการตรวจระบบเฝ้าระวังภัยทางอากาศ ป้องกันภัยคุกคามทั้งหมดของปะเทศ มีสถานีเรดาร์รายงาน 11 แห่งทั่วประเทศ ในด้านตะวันตกนั้น ทอ.มีระบบเฝ้าตรวจ เฝ้าระวัง ค้นหาพิสูจน์ และดำเนินการตามกระบวนการตลอด 24 ชั่วโมง
"ระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศไทยมีความพร้อม และเราเห็นภาพที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการให้ข้อมูลในลักษณะที่เป็นภาพ ไม่สามารถให้ได้ เพราะจะเกิดผลกระทบทั้งสองฝ่าย จะเป็นการชี้เป้าไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์กับไทย เขาไม่มีเจตนาลุกล้ำเข้ามา และเป็นเรื่องภายในประเทศเพื่อนของเรา เขาเป็นมิตรที่ดีกับเรา ทั้งนี้ ได้มีการประสานงานกันตลอด ตัวเลขเขตเฝ้าระวังเข้มข้น 50 ไมล์นั้นก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัว เป็นเรื่องลักษณะทางภูมิประเทศ การเฝ้าระวังทางอากาศต้องดูเจตนาว่าเราตั้งใจที่จะพุ่งเข้ามาสู่เป้าหมายอะไรหรือไม่อย่างไร เราก็พิสูจน์ฝ่าย หากเครื่องบินนั้นมีการส่งแผนการบินที่ชัดเจน เราก็เฝ้าระวังและเฝ้าดูไม่ให้กระทบต่อแนวชายแดยของไทย เขาก็ปฏิบัติภารกิจในแนวชายแดนของเขา" โฆษกกองทัพอากาศ ระบุ
นอกจากนี้ โฆษกกองทัพอากาศ ยืนยันว่า มาตรการใช้เครื่องบินโปรยน้ำลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ตามที่ ผบ.ทอ.ได้ให้ไปสัมภาษณ์ไปนั้น ทอ.ก็รอดูว่ารัฐบาลต้องการสนับสนุนหรือไม่อย่างไร ในทางเทคนิค เราก็พยายามระมัดระวังว่าจะเกิดประโยชน์มากน้อยแคไหน อย่างไรก็ตาม เราเตรียมพร้อมตลอดในการสนับสนุนรัฐบาล ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน และแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุดนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการสั่งการ การที่ ผบ.ทอ.ตอบคำถามสื่อคือการเตรียมพร้อมในการบรรเทาปัญหาหากรัฐบาลสั่งการ
https://www.naewna.com/politic/624369
27 ธันวาคม 2564 เวลา 16:28 น.
27 ธ.ค.2564 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ปะทะรุนแรงในเมียนมา และมีผู้อพยพเข้ามายังประเทศไทยด้านอ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนมาก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นห่วง และสั่งการไว้แล้วว่าอาจจะมีเหตุการณ์สู้รบและปะทะกันรุนแรง ดังนั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องดูแลและดำเนินการคือปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยเป็นลำดับแรก ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความจำเป็นหากมีเหตุรุนแรง ทางจังหวัดจะร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงได้เตรียมแผนอพยพประชาชนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากมีการหนีภัยเมื่อเข้ามาหน่วยงานความมั่นคงจะประสานตรงไปถึงรัฐบาลเมียนมาและหน่วยกองกำลังที่อยู่ตามชายแดน
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่หนีภัยเข้ามาตามแนวชายแดน ในปัจจุบันยังไม่พบการติดเชื้อโควิด แต่ได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกองกำลังในพื้นที่จ.ตาก เรื่องการรับผู้หนีภัยความไม่สงบ ตามที่นายกฯเป็นห่วงและกำชับ ให้มีการคัดกรอง หากพบว่ามีลักษณะเสี่ยงติดเชื้อ จะคัดแยกและแจ้งทางจังหวัดให้ดำเนินการรักษาต่อไป ทั้งนี้สถานการณ์ล่าสุดยังมีสถานการณ์สู้รบในเมียนมาร์ โดยมีผู้หนีภัยเข้ามาประมาณ 4,800 คน บางส่วนขอกลับประเทศไปแล้ว โดยกระจายในพื้นที่ 3 จุด ที่มีการจัดระเบียบไว้อย่างเหมาะสม ขณะที่ทางจังหวัดได้ตั้งกองอำนวยการประสานงาน ขึ้นมาดูแลผู้ที่หนีภัยตามหลักมนุษยธรรม โดยมีกองทัพเป็นผู้สนับสนุนดูแลความเรียบร้อยในภาพรวม และมีองค์กรอื่นๆเข้าไปช่วยเหลือผ่านกองอำนวยการฯ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนที่มีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปดูแลในพื้นที่นั้น เนื่องจากทหารจะมีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจน ส่วนตชด.ถือเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชายแดน ถือเป็นการทำงานอย่างสอดคล้องและมีเอกภาพในการบังคับบัญชา
https://www.thaipost.net/general-news/53828/