JJNY : ดับ 18 ป่วยใหม่ 2,437 │โอมิครอน โผล่สุรินทร์ ติดแล้ว 3│ประกันผวา"โอไมครอน"│สหรัฐประณามเหตุฆ่ากว่า30ศพหมู่เมียนมา

โควิดไทยวันนี้ ดับลด 18 ราย ป่วยใหม่เพิ่ม 2,437 ราย ติดเชื้อ ATK อีก 505 คน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3105254
 
 
โควิดไทยวันนี้ ดับลด 18 ราย ป่วยใหม่เพิ่ม 2,437 ราย ติดเชื้อ ATK อีก 505 คน
 
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ศูนย์ข้อมูลยอดโควิด 19 เผยแพร่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระบุว่า
 
วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564
รวม 2,437 ราย จำแนกเป็น
ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,307 ราย
ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 20 ราย
ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 18 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 92 ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,183,544 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
หายป่วยกลับบ้าน 3,845 ราย
หายป่วยสะสม 2,128,947 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 34,436 ราย
เสียชีวิต 18 ราย
 

 
โอมิครอน โผล่สุรินทร์ ติดแล้ว 3 ราย ไทม์ไลน์เที่ยวงานช้างแฟร์ ชมคอนเสิร์ตศิลปินดัง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3105286

โอมิครอน โผล่สุรินทร์ ติดแล้ว 3 ราย ไทม์ไลน์เที่ยวงานช้างแฟร์ ชมคอนเสิร์ตศิลปินดัง
 
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของ “ศูนย์ข้อมูล โควิด-19 จ.สุรินทร์” ได้เปิดเผยข้อมูลและทาล์มไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งพบผู้ป่วยแล้วเบื้องต้น 3 ราย ซึ่งเป็นเครือญาติกัน และพบกลุ่มเสี่ยงสูงอีกจำนวนมาก
 
โดยพบว่ารายที่ 1 (หมายเลขผู้ป่วย 19157) เพศชาย อายุ 16 ปี เป็นนักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพปราสาท อ.ปราสาท และเป็นชาว บ.โคกสง่า ต.แนงมุด อำเภอกาบเชิง มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 30 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 21 ราย
 
รายที่ 2, 3 (หมายเลขผู้ป่วย 19158,19159) เพศหญิง อายุ 40 ปี อาชีพแม่บ้าน ชาว บ.โคกสง่า ต.แนงมุด อ.กาบเชิง เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเดนมาร์ก และเพศชาย อายุ 58 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ชาว ต.แนงมุด อ.กาบเชิง มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 19 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 2 ราย ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นเครือญาติกัน ข้อมูล ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2564
 
โดยเฉพาะผู้ป่วยรายที่ 1 ซึ่งเป็นนักศึกษา ได้เดินทางเข้าชมการแสดงดนตรี ภายในงานช้างแฟร์ ซึ่งคืนนั้นวันที่ 17 ธ.ค.64 เป็นการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง ที่พบว่ามีประชาชนเข้าชมนับหมื่นคนอีกด้วย โดยมีอาการไข้ ไอ น้ำมูกและเจ็บคอ หลังจากไปชมคอนเสิร์ตได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น คือวันที่ 20 ธ.ค.64 และมาตรวจพบเชื้อ ยืนยันจาก รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ในวันที่ 23 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งนักศึกษาคนดังกล่าวก่อนหน้านั้นก็ได้เดินทางไปเรียนที่วิทยาลัยการอาชีพ อ.ปราสาท เป็นปกติอีกด้วย
 
ขณะที่ผู้ป่วยรายที่ 2 เดินทางมาจากเมืองโคเปนเฮนเกน ประเทศเดนมาร์ก พร้อมลูกชาย 1 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.64 เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด โดยวิธี RT-RCR ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางไปโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยส์ เทอมินัล 21 โดยรถของโรงแรม และวันที่ 17 ธ.ค.64 จนท.สาธารณสุข แจ้งผลตรวจ ครั้งที่ 1 ไม่พบเชื้อโควิด ก่อนจะเดินทางกลับบ้านที่ บ.โคกสง่า ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พร้อมลูกชายและญาติ 2 คน โดยรถตู้ไม่ประจำทาง ในวันที่ 18 ธ.ค.64 และร่วมรับประทานอาหารกับญาติพี่น้อง 19 คน และพักอาศัยกับครอบครัวญาติพี่น้อง
 
จากนั้นเมื่อมาถึงบ้านเกิดได้ไปเที่ยวผาจำเนียง ต.แนงมุด อ.กาบเชิง ในวันที่ 19 ธ.ค.64 ไปห้างสรรพสินค้าโลตัส อ.ปราสาท ในวันเดียวกัน
 
เวลา 17.00 น.-19.00 น.ก่อนที่ในวันที่ 23 ธ.ค.64 จะพาหลานชายไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมลูกชาย หลานชายและหลานสาว ด้วยรถยนต์ส่วนตัว หลังหลานชายมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ก่อนตรวจหาเชื้อโควิดทั้ง 4 คน ก่อนที่ รพ.จะแจ้งผลพบเชื้อโควิด-19 ยืนยันสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มอีก 2 ราย จากนั้น รพ.สมิติเวช กรุงเทพฯ ได้นำรถออกมารับเพื่อนำไปเข้ารับการรักษาแล้ว
  
ขณะที่ประชาชนชาว จ.สุรินทร์ และชาวโซเชียลต่างตื่นตระหนกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้แพร่ระบาดมาถึง จ.สุรินทร์ แล้ว


 
ประกันผวา "โอไมครอน" เสี่ยงดันเคลมโควิดทะลุแสนล้าน
https://www.prachachat.net/finance/news-828361

หลังจากเชื้อโรคร้าย “โควิด-19” สร้างผลกระทบกับทั่วโลกมาร่วม 2 ปีแล้ว ล่าสุดก็เกิดการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ ชื่อว่า “โอไมครอน” ซึ่งขณะนี้มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก
 
โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เชื้อกลายพันธุ์นี้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล เนื่องจากหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการกระตุ้นของวัคซีน ทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพต้านทานการติดเชื้อลดลง
 
และยังแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20 วัน (ช่วงวันที่ 24 พ.ย.-14 ธ.ค. 2564) แพร่กระจายไปอย่างน้อย 77 ประเทศที่มีการตรวจยืนยันผู้ติดเชื้อแล้ว
 
ซึ่งแน่นอนว่า จะกระทบโดยตรงต่อกรมธรรม์ประกันภัยโควิดแบบ “เจอจ่ายจบ” ที่สถานะยังมีความคุ้มครองผู้เอาประกันอยู่อีกกว่า 7 ล้านกรมธรรม์ หลังจากที่ผ่านมา สายพันธุ์เดลต้าก็ทำให้บริษัทประกันต้องปิดตัวไปแล้วถึง 2 บริษัทด้วยกัน
 
ห่วง “โอไมครอน” ระบาดเร็ว
 
ล่าสุด นักวิจัยของบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ได้เปิดเผยรายงานการศึกษาในต่างประเทศ พบว่า โอไมครอนสามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วกว่าเดลต้าประมาณ 3-4 เท่า
 
และมีความเสี่ยงจะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้ถึง 5.4 เท่า เห็นได้จากการระบาดอย่างรวดเร็วในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง เช่น สหราชอาณาจักร, เดนมาร์ก, อิตาลี, นอร์เวย์, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์ เป็นต้น
 
ซึ่งมีสัดส่วนผู้ฉีดวัคซีนครบโดสมากถึงเกือบ 3 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด ส่วนไทยมีผู้ฉีดวัคซีนแล้ว 72% แบ่งเป็น ผู้ฉีดวัคซีนครบโดส 63% และยังไม่ครบโดส 9% (ณ 18 ธ.ค. 2564)
 
นอกจากนี้ พบว่า กว่า 40 ประเทศได้ออกมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาด ห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางจากประเทศที่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนเข้าประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง รวมถึงไทย
 
ขณะที่อิสราเอลและญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศ และหลายเมืองก็ประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง เช่น กรุงลอนดอน เป็นต้น สำหรับไทยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ยกระดับมาตรการป้องกัน โดยให้เลิกการเดินทางเข้าประเทศแบบ test & go ไปก่อน คงเหลือรูปแบบ sandbox และมาตรการกักตัวเพื่อป้องกันการระบาด
 
ผวาเคลมโควิดทะลุแสนล้าน
 
รายงานยังระบุว่า ก่อนหน้านี้ โควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจประกันวินาศภัยอย่างมาก โดยสมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2564 ธุรกิจประกันวินาศภัยจะต้องจ่ายค่าสินไหมประกันภัยโควิดราว 40,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นประเภท “เจอจ่ายจบ” สูงถึง 34,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ผู้มีประกันภัยโควิด มีอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ 3.8% และยิ่งไปกว่านั้น กรมธรรม์โควิด “เจอจ่ายจบ” มีอัตราการติดเชื้อของผู้มีประกันโควิดในระดับสูงอยู่ที่ 4.2% และยังคงให้ความคุ้มครองไปจนถึงเดือน มิ.ย. 2565 จึงเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจประกันวินาศภัยอาจจะต้องแบกรับค่าสินไหมทดแทนที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าค่าสินไหมที่เกิดขึ้นจากการระบาดในรอบผ่านมา ๆ หลายเท่าตัว
 
“จากการประมาณการ พบว่า หากมีการระบาดโควิดโอไมครอน ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด อาจสูงถึง 110,000-180,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบเป็นหลัก” รายงานระบุ
 
เปิดผลวิจัยกรณีระบาด “รุนแรง”

โดยผู้วิจัยได้ประมาณค่าสินไหม กรณีอัตราการติดเชื้อของผู้มีประกันโควิดโดยรวมเพิ่มขึ้น จาก 3.8% เป็น 4.2% เท่ากับอัตราการติดเชื้อของผู้ถือกรมธรรม์เจอจ่ายจบของบริษัทประกันวินาศภัยที่เป็นท็อป 5 ของบริษัทที่รับประกันเจอจ่ายจบ
 
กรณีที่ 1 สามารถเพิ่มจำนวนเตียงในโรงพยาบาลสนามและฮอสพิเทลให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้ผู้ป่วยที่เข้า home isolation และ community isolation เบิกค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวันได้
ประมาณการค่าสินไหมกรณีนี้จะอยู่ระหว่าง 134,726-179,634 ล้านบาท อัตราการระบาดเทียบเดลต้าคิดเป็น 300-400% เป็นค่าสินไหมเจอจ่ายจบ 112,737-150,316 ล้านบาท และค่ารักษาพยาบาล/โคม่า/ค่าชดเชยรายวัน 21,989-29,319 ล้านบาท
กรณีที่ 2 จำนวนเตียงในโรงพยาบาลสนามและฮอสพิเทล มีอยู่อย่างจำกัดโดยเท่ากับช่วงระบาดของเดลต้า และสำนักงาน คปภ.ไม่ออกคำสั่งนายทะเบียนให้ผู้ป่วยที่เข้า home isolation

และ community isolation เบิกค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวันได้กรณีนี้ประมาณการค่าสินไหมจะอยู่ระหว่าง 120,529-158,108 ล้านบาท อัตราการระบาดเทียบเดลต้าคิดเป็น 300-400% เป็นค่าสินไหมเจอจ่ายจบ 112,737-150,316 ล้านบาท และค่ารักษาพยาบาล/โคม่า/ค่าชดเชยรายวัน 7,792-7,792 ล้านบาท (ดูตาราง)
 
หวั่นประกันเจ๊ง-ปิดกิจการเพิ่ม
 
“อานนท์ วังวสุ” นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า หากการระบาดของโอไมครอนรุนแรงเป็นไปตามสถิติในงานวิจัยข้างต้น และผู้ติดเชื้อกลับไปสูงระดับหลายหมื่นรายต่อวันอีก
 
อาจจะได้เห็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ยังมีความคุ้มครองประกันโควิด “เจอจ่ายจบ” อยู่ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเพิ่มอีกได้ เพียงแต่ขณะนี้ ภาพยังไม่ชัดเจน แต่ถือเป็นตัวแปรสำคัญมาก
 
“ปัจจุบันกรมธรรม์แบบเจอจ่ายจบ ยังเหลือความคุ้มครองอีกกว่า 7 ล้านกรมธรรม์ กว่าจะหมดความคุ้มครองประมาณสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 จึงยังน่าเป็นห่วงมากต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยกล่าว
 
ทั้งนี้ แม้ผลวิจัยข้างต้นจะเป็นการประมาณการ แต่ทุกฝ่ายก็ต้องไม่ประมาท โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องนำบทเรียนที่ผ่านมา มาเตรียมการรับมือไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะตามมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่