ทริปคนเดียวครั้งแรกของเราค่ะ
ในเมื่อเพื่อนและคนรอบข้างเราไม่ว่าง เราก็เลยตัดสินใจออกทริปคนเดียวเป็นครั้งแรก
เราเลือกเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี โดยมีแรงบันดาลใจเป็นการออกค้นหาตัวเองอีกครั้ง ทำอะไรที่ไม่เคยทำและทำในสิ่งที่ลังเลมาตลอดโดยการพาไปในที่ที่ตัวเองหลงใหล เราชอบทะเล ชอบเกาะค่ะ
และก็มีหลายๆ อย่างที่เราต้องการพิสูจน์ตัวเอง เช่น เรานอนคนเดียวไม่ได้เพราะเป็นคนกลัวผี เราไม่เคยนั่งรถไฟแบบนอนเลย
และเราไม่เคยไปเกาะเต่า
เอาเป็นว่าตอนนี้เรากลับมาแล้วยังประทับใจอยู่เลยกับการเดินทางคนเดียว 4 วัน 3 คืน
แม้ในบางครั้งก็มีเรื่องตลกแต่ก็ไม่รู้จะหัวเราะกับใคร แต่ก็ทำให้รู้ว่าหัวเราะกับตัวเราเองมันก็เป็นความรู้สึกที่ได้ฟีลไปอีกแบบและได้คุยกับตัวเองมากขึ้น
หลายๆ รูปที่ได้มาเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีสกิลการตั้งกล้อง
บางคนเห็นเรามาคนเดียวก็อาสาถ่ายให้บ้าง ยิ่งทัวร์ที่เราไปด้วยเค้าแชะภาพให้เราใหญ่ สรุปทริปนี้เรารูปเยอะมากกก
และทริปนี้เป็นทริปแรกของเรา เราก็เลยอยากจะเก็บโมเม้นต์ตอนที่ใช้เวลาที่เกาะเอาไว้เป็นพิเศษ
เราเลยใช้เงินแก้ปัญหาค่ะ555 โดยติดต่อจองคิวเช่า Sup board พร้อมช่างภาพและโดรนให้เค้าเก็บภาพและถ่ายวีดีโอสวยๆ ให้และเราก็ได้มาที่ราคาหลักร้อย
เอาเป็นว่ามาเริ่มต้นเดินทางกันดีกว่าค่ะ
เริ่มต้นคือเราก็ search หากระทู้หรือรีวิวเที่ยวเกาะเต่านี่แหละค่ะ แต่ก็เหมือนยังมีน้อยอยู่ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราตัดสินใจตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเช่นกัน เพื่อนๆ มีตรงไหนอยากแนะนำหรือให้เราปรับปรุงด้านใดเพิ่มก็บอกได้นะคะ เรายินดีค่ะ^^
จากที่หาข้อมูลแพ็กแกจที่พักแบบ 4 วัน 3 คืนทั้งอากู๋ ทั้ง FB เราก็ไปเจอ Agency นึงค่ะชื่อว่า The Islander Thailand
อ่อ ต้องบอกก่อนนะคะว่าเราไม่ได้มาโฆษณาแฝงแต่อย่างใด เรามารีวิวด้วยความประทับใจกับประสบการณ์ที่ได้รับมาล้วนๆ ค่ะ^^
ตอนแรกคิดว่าจะเก็บๆ ข้อมูลไปก่อน อย่างที่บอกไปด้วยความที่เราไม่เคยไปเที่ยวเกาะเต่าและไม่เคยไปเที่ยวคนเดียวเลย คำถามในหัวจึงมีเยอะมากๆ และคิดว่าถ้าข้อมูลไม่มากเราก็จะเลื่อนแพลนนี้ไปก่อนเพราะวันหยุดเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เราติดต่อทัวร์ไป 2-3 ที่เห็นจะได้ แต่จะมีที่นี่แหละที่เราแชทไปถามแอดมินทุกครั้งที่คำถามผุดขึ้นมาในหัว แอดมินก็จะตอบเราทุกครั้งเช่นกัน
แบบที่เราถามไป 1 ทุ่มเค้าก็ตอบ ถามไป 4 ทุ่มก็ตอบ พีคสุดตรงตอนตื่นมา 6 โมงเช้าเราถามไปเค้าก็ตอบ ><
เรียกว่าไม่หลับไม่นอน เอ๊ย! ไม่เคยดองแชทกันเลยทีเดียว
ด้วยยิ่งช่วงที่เราไปเป็นต้นเดือนธันวาคม มรสุมเข้า แอดมินก็ไม่กักค่ะ เค้าก็แจ้งตามตรงว่าพายุเข้า เรือไม่ออกวันไหนบ้างและไม่ force เพื่อปิดจบการขายเลย
จนเราเกรงใจและมั่นใจได้ว่าถ้าติดปัญหาอะไรในระหว่างที่ไปคนเดียว Agency นี้จะเป็นที่ปรึกษาให้เราได้อีกทางแน่ๆ
สรุปเราก็จองกับ Agency นี้ไปแบบแพ็กเกจ 4 วัน 3 คืน รวมอาหารเช้าและตั๋วเรือข้ามฟากไป-กลับ (เลือกได้ต้นทางชุมพร สมุยและพงัน - เกาะเต่า)
และเค้าก็มีที่พักให้เลือก 4 ที่แล้วแต่ว่าเราอยากพักโซนไหน ส่วนตัวเราอยากได้แบบไม่เงียบมากเพราะไปคนเดียว เดินทางสะดวก ใกล้ร้านอาหาร บาร์และหน้าหาด
พอแจ้งเค้าไปประมาณนี้ Agency เลยแนะนำเป็น The Tarna Aline resort โดยที่นี่ก็จะมี shattle bus ของทางรีสอร์ทไว้คอยบริการแขกที่ต้องการเดินทางไปหน้าหาดเป็นรอบๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย แต่ถ้าเราอยากไปนอกเหนือจากรอบที่เค้ากำหนดไว้ก็จะเสียค่าโดยสารขาละ 50 บาท
เราว่าก็คุ้มนะสำหรับเรา เพราะจะได้ไม่ต้องเช่ามอไซค์ ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่รับจ้างซึ่งอาจจะราคาแพงกว่าและไม่อันตรายถ้าเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวตอนเย็น
ที่สำคัญเราแพลนไว้ว่าโปรแกรมตอนเย็นจะไปนั่งชิวแถวบาร์หน้าหาด ดูพระอาทิตย์ตกค่ะ เอาเป็นว่าตอบโจทย์นะ ก็เลือกที่นี่เลยละกัน
ทริปนี้ขาไปเราเลือกเดินทางแบบที่เรายังไม่เคยไปเลย นั่นก็คือรถไฟแบบตั๋วนอนและคิดเอาไว้ว่าอยากไปใช้บริการที่หัวลำโพงก่อนที่เค้าจะปิดตัวลง
ถ้าจำไม่ผิดเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเค้าจะเปิดบริการให้ถึงแค่วันที่ 23 ธันวาคม 2564 นี่แหละ (ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าปิดไปแล้ววว)
ตอนไปซื้อตั๋วเจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าถ้าไปคนเดียวก็นอนแบบ ป.2 ที่เป็นแบบตู้ยาวไปเลย โดยที่นอนจะเป็นแบบแยกกันนอนเป็นสัดส่วน
จะดีกว่าแบบป.1 ซึ่งจะเป็นตู้ที่นอนแบบแยกห้อง แต่ละห้องนอนได้ 2 คน โดยแบ่งเป็นชั้นบนและล่าง แต่เราจะไม่รู้เลยว่าอีกคนที่อยู่ตู้เดียวกับเราเป็นผญ หรือ ผช (ที่จริงถ้าเป็นผญ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยอ่ะเนอะ)
เราเลยเลือกแบบป.2 ตามคำแนะนำเป็นรอบทุ่มครึ่ง สนนราคาที่ 730 บาท ไปลงที่ชุมพร ตามตารางคือตี 5:50 น.
โดยปกติเรือที่ไปเกาะเต่าจะมีแค่ 2 รอบคือ 7 โมงเช้ากับบ่ายโมง
- ถ้าเรือรอบ 7 โมงเช้าเราต้องออกที่สถานีรถไฟชุมพรไม่เกิน 6:30 น. แต่รถไฟไปถึงเลทหน่อย
เราไปถึงประมาณ 6:45 น. ก็เลยต้องรอรถตู้รอบถัดไปซึ่งจะมารับประมาณเที่ยงเพื่อไปขึ้นเรือรอบบ่ายโมง
พอรู้ว่าจะเลทเราเลยแชทไปแจ้งแอดมินของ The Islander ที่เราจองที่พักและตั๋วเรือไว้ว่าขอเปลี่ยนรอบเป็นบ่ายโมง
ซึ่งเค้าก็ประสานงานให้ (เห็นมั้ยบอกแล้วไงว่า 6 โมงเช้าเค้าก็ตอบแชท555)
ในระหว่างรอรถตู้มารับไปลงเรือ แอดมินก็แนะนำว่าจะมีบริการรถรับ-ส่งไปในเมืองและให้เบอร์โทรมา
และยังแนะนำอีกว่าไปหาไรทานในระหว่ารอก่อนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นติ่มซำ หรือร้านกาแฟยี่ห้อดังซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ
ด้วยความที่อยากเข้าห้องน้ำสะอาดหน่อยและอยากชาร์จแบตมือถือเตรียมความพร้อม แน่นอนว่าเราเลือกที่จะไปนั่งแช่ ชาร์จแบต เอ๊ยหามื้อเช้ากินที่ร้านกาแฟชื่อดังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟแค่ประมาณ 300 ม.เอง แล้วเราก็เลือกที่จะเดินไปชมบ้านชมเมืองเค้าหน่อย จ.ชุมพร
เรานั่งชิวไปเรื่อยๆ จนเกือบเที่ยงก็มีรถตู้ของลมพระยามารับ โดยใช้เวลาจากสถานีรถไฟไปท่าเรือประมาณครึ่งชม.
จากนั้นก็ทำเรื่องข้ามเกาะโดยกรอกรายละเอียด โชว์บัตรประชาชนและหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม (เราเปิดให้ดูจากแอปเป๋าตังค์ค่ะ สะดวกดี)
จากฝั่งไปยังเกาะเต่าใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ขาไปเราโดยสารเรือเฟอร์รี่ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ชั้น ใครกลัวร้อนก็นั่งล่างสุดได้จะเป็นห้องแอร์ แต่เราว่ามันอึดอัดไปหน่อยและดูท่าจะโคลงๆ เสียงต่อการเมาเรือ เราเลยเลือกไปที่ชั้น 2 เป็นแบบ open air
ส่วนชั้น 3 นี่จะเป็นดาดฟ้าและไม่มีหลังคาเลย เหมาะกับการอาบแดดมากๆ ซึ่งก็คิดว่าไม่เหมาะกับเรา เดี๋ยวหน้ามืดเป็นลดแดดเอา
ระหว่างทางก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาสำรวจเป็นระยะๆ พร้อมถุงในมือ (เผื่อเหตุฉุกเฉินถ้าใครเกิดมีอาการเมาเรือระหว่างทางอ่ะเนอะ)
เรานี่นั่งดูวิวเพลินเลย
พอไปถึงที่เกาะก็ต้องมีการกรอกเอกสารและแสดงผลการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มให้เจ้าหน้าที่ดูอีกรอบ โดยใช้เวลาไม่นาน
และเราก็เห็นว่าพนักงานของรีสอร์ทพร้อมคนยกกระเป๋า อยู่ตรงทางออกพร้อมชูป้ายชื่อรีสอร์ทรอเราอยู่
มาถึงพนักงานก็พาเราไปที่ shattle bus และถามว่ามาคนเดียวเหรอครับ
ไอ้เราก็ตอบไปว่า "ใช่ค่ะ" พนักงานก็ทำหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยพร้อมรีบยกกระเป๋าขึ้นรถให้
เย้!! เรามาถึงเกาะเต่าจริงๆ แล้วสินะ เรากำลังจะเดินทางไปที่พักแล้ววว (คุยและยิ้มคนเดียวอยู่เบาๆ ดีนะใส่แมสไว้ คนอื่นจะได้ไม่เห็นว่าเราแอบยิ้มอยู่คนเดียว)
พอมาที่พัก reception ก็จัดการเช็คอินให้พร้อมกับคำถามแรกที่ว่ามากี่ท่านครับ พอตอบไปว่า "คนเดียว" ค่ะ
เท่านั้นแหละ reception ก็สตั้นไปวินึง (เราแอบเห็นนะ55)
จากนั้นก็มีน้อง reception อีกคนนึงไปส่งเราที่ห้องและแนะนำการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
โดยระหว่างที่นั่งรถกอล์ฟไปส่งก็ไม่วายถามอีก "พี่มาคนเดียวเหรอคะ"
สรุปชม.นี้เราโดนคำถามนี้ไป 3 รอบ เอ๊ะ..ชักไม่มั่นใจกับการมาที่นี่คนเดียวแล้วล่ะสิ
ห้องที่เราได้ทางทัวร์ upgrade ให้จากห้อง Deluxe ไป Villa seaview มาถึงแล้ว แม่เจ้านึกว่าเป็นแบบห้องติดๆ กัน ที่ไหนได้เป็นแบบแยกหลังค่าา
ห้องจะเป็นแบบอยู่บนเขา หลังห้องมีระเบียงเห็นทะเล มีม้านั่งแบบเอนนอน 2 ตัวเอาไว้ดูวิวพระอาทิตย์ตก เพราะอาทิตย์จะตกทิศนี้พอดี
สวยยยยยกว่าคิดไว้เยอะเลย อารมณ์เหมือนพาแฟนมาเที่ยวไรงี้ แต่เดี๋ยว..เรามาคนเดียวว
และก็คิดว่าเราต้องนอนที่นี่คนเดียวจริงๆ สินะ ห้องอ่ะสวยดีแต่ติดที่เรากลัวผีนี่สิและดันเป็นแบบแยกหลังอีก555
ตั้งแต่เช้ามาเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากครัวซองชีสที่ร้านกาแฟดัง ก่อนอาบน้ำแต่งตัวออกไปทัวร์ช่วงเย็นวันนี้เราเลยสั่งข้าวผัดกุ้งมาจานนึง
กุ้งเป็นกุ้ง รสชาติใช้ได้ บริการไว ราคาไม่แพงไป ให้ 9/10 เลยละกัน (เอ๊ะ หรือหิว)
ตามแพลนที่แรกวันนี้จะเป็นหาดรีนี่แหละใกล้ๆ รีสอร์ท รถกอล์ฟมาส่งเราที่ถนนหลักและเค้าก็ให้เราเดินเข้าซอยไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงหน้าหาด
เป็นไงล่ะ เจอต้นมะพร้าวที่เราเห็นในรีวิวเกาะเต่าบ่อยๆ พอดี คงเป็นต้นมะพร้าว signature สินะ
เราเดินเลาะหาดมาเรื่อยๆ ตามหาดก็จะมีร้านอาหาร ร้านนวดเพียบเลย วิวดีซะด้วยเพราะเห็นพระอาทิตย์ตก
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศดีมาก เป็นช่วงที่ทั้งประเทศอุณหภูมิลดลง อากาศเย็นลงหน่อย ที่นี่ก็เช่นกันเย็นนี้อุณหภูมิ 28-29 องศาเอง
ร้านที่เราเลือกสำหรับมื้อเย็นนี้จะเป็น Ban's diving restaurant ที่นี่เป็นทั้งรีสอร์ท รร.สอนดำน้ำ บริการให้เช่า sup board มีร้านอาหารข้างล่างและที่สำคัญมีร้านค็อกเทลอยู่ในนี้อีกทีชื่อ fishbowl ครบสูตรมากแถมบรรยากาศไม่เลวนะ
ที่เราสั่งไปจะเป็นขนมจีนน้ำยาปูและค็อกเทลร้านข้างๆ เรามาก่อน 6 โมงเย็นเลยได้โปรค็อกเทลแบบ Happy hour เป็น 1 แถม 1
ตอนแรกก็งงให้เรามา 2 แก้วทำไม เอาเป็นว่ารสชาติดีใช้ได้ ราคาไม่แรง เรามึนๆ ไปตั้งแต่แก้วแรกละ มันดีย์
นั่งชิวกับบรรยากาศไปเรื่อยๆ ดูเด็กน้อยน่าจะเป็นเด็กที่เกาะนี้เตะบอลกันไปเพลินๆ บวกกับฟังเสียงคลื่นเคล้าเสียงเพลงจากร้านค็อกเทล
ที่นี่เค้าเปิดเพลงแนวเฮ้าส์นะ คือได้ฟีลบีชมาก สมใจเลย
ซักพักเราคงเหนื่อยบวกกึ่มๆ แหละ เพราะเมื่อเช้าตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตี 5 เพราะกลัวนั่งรถไฟเลยสถานี
ง่วงแล้วแต่แค่ 2 ทุ่มเองก็ไม่เป็นไรเรียกรถกอล์ฟมารับกลับรีสอร์ทดีกว่า ระหว่างทางกลับพนักงานขับรถของรีสอร์ทก็ชวนเราคุยไปเรื่อยๆ เราก็เลยให้เค้าแนะนำสถานที่เที่ยวใกล้ๆ เค้าก็แนะนำให้ไปจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ฟรีดอม บีช, หาดตาโต๊ะซึ่งไม่ไกลจากที่รีสอร์ทมากและการันตีว่าสวย
ในใจก็คิดๆ อยู่ว่าจะตื่นดีมั้ย เพราะที่จริงแพลนพรุ่งนี้คืออยากพักซักหน่อยก่อน เอาเป็นว่าเราก็เก็บไว้เป็นอีกหนึ่งแพลน
>> ว้า เต็มโควต้า 1 กระทู้ละ ไปต่อกันอีกกระทู้ดีกว่าค่ะ
ลิงค์กระทู้ต่อนะคะ
https://pantip.com/topic/41175303/comment3
[CR] เที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่เกาะเต่า 6-9 ธันวาคม 2564 (1/2)
ในเมื่อเพื่อนและคนรอบข้างเราไม่ว่าง เราก็เลยตัดสินใจออกทริปคนเดียวเป็นครั้งแรก
เราเลือกเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี โดยมีแรงบันดาลใจเป็นการออกค้นหาตัวเองอีกครั้ง ทำอะไรที่ไม่เคยทำและทำในสิ่งที่ลังเลมาตลอดโดยการพาไปในที่ที่ตัวเองหลงใหล เราชอบทะเล ชอบเกาะค่ะ
และก็มีหลายๆ อย่างที่เราต้องการพิสูจน์ตัวเอง เช่น เรานอนคนเดียวไม่ได้เพราะเป็นคนกลัวผี เราไม่เคยนั่งรถไฟแบบนอนเลย
และเราไม่เคยไปเกาะเต่า
เอาเป็นว่าตอนนี้เรากลับมาแล้วยังประทับใจอยู่เลยกับการเดินทางคนเดียว 4 วัน 3 คืน
แม้ในบางครั้งก็มีเรื่องตลกแต่ก็ไม่รู้จะหัวเราะกับใคร แต่ก็ทำให้รู้ว่าหัวเราะกับตัวเราเองมันก็เป็นความรู้สึกที่ได้ฟีลไปอีกแบบและได้คุยกับตัวเองมากขึ้น
หลายๆ รูปที่ได้มาเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีสกิลการตั้งกล้อง
บางคนเห็นเรามาคนเดียวก็อาสาถ่ายให้บ้าง ยิ่งทัวร์ที่เราไปด้วยเค้าแชะภาพให้เราใหญ่ สรุปทริปนี้เรารูปเยอะมากกก
และทริปนี้เป็นทริปแรกของเรา เราก็เลยอยากจะเก็บโมเม้นต์ตอนที่ใช้เวลาที่เกาะเอาไว้เป็นพิเศษ
เราเลยใช้เงินแก้ปัญหาค่ะ555 โดยติดต่อจองคิวเช่า Sup board พร้อมช่างภาพและโดรนให้เค้าเก็บภาพและถ่ายวีดีโอสวยๆ ให้และเราก็ได้มาที่ราคาหลักร้อย
เอาเป็นว่ามาเริ่มต้นเดินทางกันดีกว่าค่ะ
เริ่มต้นคือเราก็ search หากระทู้หรือรีวิวเที่ยวเกาะเต่านี่แหละค่ะ แต่ก็เหมือนยังมีน้อยอยู่ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราตัดสินใจตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเช่นกัน เพื่อนๆ มีตรงไหนอยากแนะนำหรือให้เราปรับปรุงด้านใดเพิ่มก็บอกได้นะคะ เรายินดีค่ะ^^
จากที่หาข้อมูลแพ็กแกจที่พักแบบ 4 วัน 3 คืนทั้งอากู๋ ทั้ง FB เราก็ไปเจอ Agency นึงค่ะชื่อว่า The Islander Thailand
อ่อ ต้องบอกก่อนนะคะว่าเราไม่ได้มาโฆษณาแฝงแต่อย่างใด เรามารีวิวด้วยความประทับใจกับประสบการณ์ที่ได้รับมาล้วนๆ ค่ะ^^
ตอนแรกคิดว่าจะเก็บๆ ข้อมูลไปก่อน อย่างที่บอกไปด้วยความที่เราไม่เคยไปเที่ยวเกาะเต่าและไม่เคยไปเที่ยวคนเดียวเลย คำถามในหัวจึงมีเยอะมากๆ และคิดว่าถ้าข้อมูลไม่มากเราก็จะเลื่อนแพลนนี้ไปก่อนเพราะวันหยุดเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เราติดต่อทัวร์ไป 2-3 ที่เห็นจะได้ แต่จะมีที่นี่แหละที่เราแชทไปถามแอดมินทุกครั้งที่คำถามผุดขึ้นมาในหัว แอดมินก็จะตอบเราทุกครั้งเช่นกัน
แบบที่เราถามไป 1 ทุ่มเค้าก็ตอบ ถามไป 4 ทุ่มก็ตอบ พีคสุดตรงตอนตื่นมา 6 โมงเช้าเราถามไปเค้าก็ตอบ ><
เรียกว่าไม่หลับไม่นอน เอ๊ย! ไม่เคยดองแชทกันเลยทีเดียว
ด้วยยิ่งช่วงที่เราไปเป็นต้นเดือนธันวาคม มรสุมเข้า แอดมินก็ไม่กักค่ะ เค้าก็แจ้งตามตรงว่าพายุเข้า เรือไม่ออกวันไหนบ้างและไม่ force เพื่อปิดจบการขายเลย
จนเราเกรงใจและมั่นใจได้ว่าถ้าติดปัญหาอะไรในระหว่างที่ไปคนเดียว Agency นี้จะเป็นที่ปรึกษาให้เราได้อีกทางแน่ๆ
สรุปเราก็จองกับ Agency นี้ไปแบบแพ็กเกจ 4 วัน 3 คืน รวมอาหารเช้าและตั๋วเรือข้ามฟากไป-กลับ (เลือกได้ต้นทางชุมพร สมุยและพงัน - เกาะเต่า)
และเค้าก็มีที่พักให้เลือก 4 ที่แล้วแต่ว่าเราอยากพักโซนไหน ส่วนตัวเราอยากได้แบบไม่เงียบมากเพราะไปคนเดียว เดินทางสะดวก ใกล้ร้านอาหาร บาร์และหน้าหาด
พอแจ้งเค้าไปประมาณนี้ Agency เลยแนะนำเป็น The Tarna Aline resort โดยที่นี่ก็จะมี shattle bus ของทางรีสอร์ทไว้คอยบริการแขกที่ต้องการเดินทางไปหน้าหาดเป็นรอบๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย แต่ถ้าเราอยากไปนอกเหนือจากรอบที่เค้ากำหนดไว้ก็จะเสียค่าโดยสารขาละ 50 บาท
เราว่าก็คุ้มนะสำหรับเรา เพราะจะได้ไม่ต้องเช่ามอไซค์ ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่รับจ้างซึ่งอาจจะราคาแพงกว่าและไม่อันตรายถ้าเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวตอนเย็น
ที่สำคัญเราแพลนไว้ว่าโปรแกรมตอนเย็นจะไปนั่งชิวแถวบาร์หน้าหาด ดูพระอาทิตย์ตกค่ะ เอาเป็นว่าตอบโจทย์นะ ก็เลือกที่นี่เลยละกัน
ทริปนี้ขาไปเราเลือกเดินทางแบบที่เรายังไม่เคยไปเลย นั่นก็คือรถไฟแบบตั๋วนอนและคิดเอาไว้ว่าอยากไปใช้บริการที่หัวลำโพงก่อนที่เค้าจะปิดตัวลง
ถ้าจำไม่ผิดเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเค้าจะเปิดบริการให้ถึงแค่วันที่ 23 ธันวาคม 2564 นี่แหละ (ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าปิดไปแล้ววว)
ตอนไปซื้อตั๋วเจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าถ้าไปคนเดียวก็นอนแบบ ป.2 ที่เป็นแบบตู้ยาวไปเลย โดยที่นอนจะเป็นแบบแยกกันนอนเป็นสัดส่วน
จะดีกว่าแบบป.1 ซึ่งจะเป็นตู้ที่นอนแบบแยกห้อง แต่ละห้องนอนได้ 2 คน โดยแบ่งเป็นชั้นบนและล่าง แต่เราจะไม่รู้เลยว่าอีกคนที่อยู่ตู้เดียวกับเราเป็นผญ หรือ ผช (ที่จริงถ้าเป็นผญ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยอ่ะเนอะ)
เราเลยเลือกแบบป.2 ตามคำแนะนำเป็นรอบทุ่มครึ่ง สนนราคาที่ 730 บาท ไปลงที่ชุมพร ตามตารางคือตี 5:50 น.
โดยปกติเรือที่ไปเกาะเต่าจะมีแค่ 2 รอบคือ 7 โมงเช้ากับบ่ายโมง
- ถ้าเรือรอบ 7 โมงเช้าเราต้องออกที่สถานีรถไฟชุมพรไม่เกิน 6:30 น. แต่รถไฟไปถึงเลทหน่อย
เราไปถึงประมาณ 6:45 น. ก็เลยต้องรอรถตู้รอบถัดไปซึ่งจะมารับประมาณเที่ยงเพื่อไปขึ้นเรือรอบบ่ายโมง
พอรู้ว่าจะเลทเราเลยแชทไปแจ้งแอดมินของ The Islander ที่เราจองที่พักและตั๋วเรือไว้ว่าขอเปลี่ยนรอบเป็นบ่ายโมง
ซึ่งเค้าก็ประสานงานให้ (เห็นมั้ยบอกแล้วไงว่า 6 โมงเช้าเค้าก็ตอบแชท555)
ในระหว่างรอรถตู้มารับไปลงเรือ แอดมินก็แนะนำว่าจะมีบริการรถรับ-ส่งไปในเมืองและให้เบอร์โทรมา
และยังแนะนำอีกว่าไปหาไรทานในระหว่ารอก่อนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นติ่มซำ หรือร้านกาแฟยี่ห้อดังซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ
ด้วยความที่อยากเข้าห้องน้ำสะอาดหน่อยและอยากชาร์จแบตมือถือเตรียมความพร้อม แน่นอนว่าเราเลือกที่จะไปนั่งแช่ ชาร์จแบต เอ๊ยหามื้อเช้ากินที่ร้านกาแฟชื่อดังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟแค่ประมาณ 300 ม.เอง แล้วเราก็เลือกที่จะเดินไปชมบ้านชมเมืองเค้าหน่อย จ.ชุมพร
เรานั่งชิวไปเรื่อยๆ จนเกือบเที่ยงก็มีรถตู้ของลมพระยามารับ โดยใช้เวลาจากสถานีรถไฟไปท่าเรือประมาณครึ่งชม.
จากนั้นก็ทำเรื่องข้ามเกาะโดยกรอกรายละเอียด โชว์บัตรประชาชนและหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม (เราเปิดให้ดูจากแอปเป๋าตังค์ค่ะ สะดวกดี)
จากฝั่งไปยังเกาะเต่าใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ขาไปเราโดยสารเรือเฟอร์รี่ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ชั้น ใครกลัวร้อนก็นั่งล่างสุดได้จะเป็นห้องแอร์ แต่เราว่ามันอึดอัดไปหน่อยและดูท่าจะโคลงๆ เสียงต่อการเมาเรือ เราเลยเลือกไปที่ชั้น 2 เป็นแบบ open air
ส่วนชั้น 3 นี่จะเป็นดาดฟ้าและไม่มีหลังคาเลย เหมาะกับการอาบแดดมากๆ ซึ่งก็คิดว่าไม่เหมาะกับเรา เดี๋ยวหน้ามืดเป็นลดแดดเอา
ระหว่างทางก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาสำรวจเป็นระยะๆ พร้อมถุงในมือ (เผื่อเหตุฉุกเฉินถ้าใครเกิดมีอาการเมาเรือระหว่างทางอ่ะเนอะ)
เรานี่นั่งดูวิวเพลินเลย
พอไปถึงที่เกาะก็ต้องมีการกรอกเอกสารและแสดงผลการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มให้เจ้าหน้าที่ดูอีกรอบ โดยใช้เวลาไม่นาน
และเราก็เห็นว่าพนักงานของรีสอร์ทพร้อมคนยกกระเป๋า อยู่ตรงทางออกพร้อมชูป้ายชื่อรีสอร์ทรอเราอยู่
มาถึงพนักงานก็พาเราไปที่ shattle bus และถามว่ามาคนเดียวเหรอครับ
ไอ้เราก็ตอบไปว่า "ใช่ค่ะ" พนักงานก็ทำหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยพร้อมรีบยกกระเป๋าขึ้นรถให้
เย้!! เรามาถึงเกาะเต่าจริงๆ แล้วสินะ เรากำลังจะเดินทางไปที่พักแล้ววว (คุยและยิ้มคนเดียวอยู่เบาๆ ดีนะใส่แมสไว้ คนอื่นจะได้ไม่เห็นว่าเราแอบยิ้มอยู่คนเดียว)
พอมาที่พัก reception ก็จัดการเช็คอินให้พร้อมกับคำถามแรกที่ว่ามากี่ท่านครับ พอตอบไปว่า "คนเดียว" ค่ะ
เท่านั้นแหละ reception ก็สตั้นไปวินึง (เราแอบเห็นนะ55)
จากนั้นก็มีน้อง reception อีกคนนึงไปส่งเราที่ห้องและแนะนำการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
โดยระหว่างที่นั่งรถกอล์ฟไปส่งก็ไม่วายถามอีก "พี่มาคนเดียวเหรอคะ"
สรุปชม.นี้เราโดนคำถามนี้ไป 3 รอบ เอ๊ะ..ชักไม่มั่นใจกับการมาที่นี่คนเดียวแล้วล่ะสิ
ห้องที่เราได้ทางทัวร์ upgrade ให้จากห้อง Deluxe ไป Villa seaview มาถึงแล้ว แม่เจ้านึกว่าเป็นแบบห้องติดๆ กัน ที่ไหนได้เป็นแบบแยกหลังค่าา
ห้องจะเป็นแบบอยู่บนเขา หลังห้องมีระเบียงเห็นทะเล มีม้านั่งแบบเอนนอน 2 ตัวเอาไว้ดูวิวพระอาทิตย์ตก เพราะอาทิตย์จะตกทิศนี้พอดี
สวยยยยยกว่าคิดไว้เยอะเลย อารมณ์เหมือนพาแฟนมาเที่ยวไรงี้ แต่เดี๋ยว..เรามาคนเดียวว
และก็คิดว่าเราต้องนอนที่นี่คนเดียวจริงๆ สินะ ห้องอ่ะสวยดีแต่ติดที่เรากลัวผีนี่สิและดันเป็นแบบแยกหลังอีก555
ตั้งแต่เช้ามาเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากครัวซองชีสที่ร้านกาแฟดัง ก่อนอาบน้ำแต่งตัวออกไปทัวร์ช่วงเย็นวันนี้เราเลยสั่งข้าวผัดกุ้งมาจานนึง
กุ้งเป็นกุ้ง รสชาติใช้ได้ บริการไว ราคาไม่แพงไป ให้ 9/10 เลยละกัน (เอ๊ะ หรือหิว)
ตามแพลนที่แรกวันนี้จะเป็นหาดรีนี่แหละใกล้ๆ รีสอร์ท รถกอล์ฟมาส่งเราที่ถนนหลักและเค้าก็ให้เราเดินเข้าซอยไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงหน้าหาด
เป็นไงล่ะ เจอต้นมะพร้าวที่เราเห็นในรีวิวเกาะเต่าบ่อยๆ พอดี คงเป็นต้นมะพร้าว signature สินะ
เราเดินเลาะหาดมาเรื่อยๆ ตามหาดก็จะมีร้านอาหาร ร้านนวดเพียบเลย วิวดีซะด้วยเพราะเห็นพระอาทิตย์ตก
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศดีมาก เป็นช่วงที่ทั้งประเทศอุณหภูมิลดลง อากาศเย็นลงหน่อย ที่นี่ก็เช่นกันเย็นนี้อุณหภูมิ 28-29 องศาเอง
ร้านที่เราเลือกสำหรับมื้อเย็นนี้จะเป็น Ban's diving restaurant ที่นี่เป็นทั้งรีสอร์ท รร.สอนดำน้ำ บริการให้เช่า sup board มีร้านอาหารข้างล่างและที่สำคัญมีร้านค็อกเทลอยู่ในนี้อีกทีชื่อ fishbowl ครบสูตรมากแถมบรรยากาศไม่เลวนะ
ที่เราสั่งไปจะเป็นขนมจีนน้ำยาปูและค็อกเทลร้านข้างๆ เรามาก่อน 6 โมงเย็นเลยได้โปรค็อกเทลแบบ Happy hour เป็น 1 แถม 1
ตอนแรกก็งงให้เรามา 2 แก้วทำไม เอาเป็นว่ารสชาติดีใช้ได้ ราคาไม่แรง เรามึนๆ ไปตั้งแต่แก้วแรกละ มันดีย์
นั่งชิวกับบรรยากาศไปเรื่อยๆ ดูเด็กน้อยน่าจะเป็นเด็กที่เกาะนี้เตะบอลกันไปเพลินๆ บวกกับฟังเสียงคลื่นเคล้าเสียงเพลงจากร้านค็อกเทล
ที่นี่เค้าเปิดเพลงแนวเฮ้าส์นะ คือได้ฟีลบีชมาก สมใจเลย
ซักพักเราคงเหนื่อยบวกกึ่มๆ แหละ เพราะเมื่อเช้าตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตี 5 เพราะกลัวนั่งรถไฟเลยสถานี
ง่วงแล้วแต่แค่ 2 ทุ่มเองก็ไม่เป็นไรเรียกรถกอล์ฟมารับกลับรีสอร์ทดีกว่า ระหว่างทางกลับพนักงานขับรถของรีสอร์ทก็ชวนเราคุยไปเรื่อยๆ เราก็เลยให้เค้าแนะนำสถานที่เที่ยวใกล้ๆ เค้าก็แนะนำให้ไปจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ฟรีดอม บีช, หาดตาโต๊ะซึ่งไม่ไกลจากที่รีสอร์ทมากและการันตีว่าสวย
ในใจก็คิดๆ อยู่ว่าจะตื่นดีมั้ย เพราะที่จริงแพลนพรุ่งนี้คืออยากพักซักหน่อยก่อน เอาเป็นว่าเราก็เก็บไว้เป็นอีกหนึ่งแพลน
>> ว้า เต็มโควต้า 1 กระทู้ละ ไปต่อกันอีกกระทู้ดีกว่าค่ะ
ลิงค์กระทู้ต่อนะคะ https://pantip.com/topic/41175303/comment3
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้