อยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับผู้ชายแบบนี้
เรากับแฟนคบกันมา 7 ปี เราอายุ 34 แฟน 38 ผ่านอะไรมาด้วยก็เยอะ แต่มาคิดๆ ดู เหมือนมีแต่เราเท่านั้นที่เป็นคนเผชิญมันอยู่เพียงลำพัง เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างทำงาน คนละจังหวัด เค้าทำงานขายของ ไม่ใช่เจ้าของกิจการ เงินเดือน 10,000 ต้นๆ เรารับราชการ นานๆ เราจะไปหาเค้า เพราะเดินทางลำบาก ต้องนั่งรถหลายต่อ เพราะตอนนั้นยังไม่มีรถยนต์ส่วนตัว และเค้าก็จะเป็นคนเรียกร้องให้เราไปหาทุกครั้ง ต่อมาเค้าเกิดปัญหาทะเลาะกับที่บ้าน เลยออกมา ไปทำงานเชียงใหม่ เป็นร้านกาแฟ เป็นเวลา 1 ปี เราไม่ได้เจอกันเลย เพราะมันไกลมาก เราไปหาไม่ได้ และเค้าก็มาหาเราไม่ได้ ก่อนไปเค้าซื้ิอโทรศัพท์ IPhone แต่นั้นนามของเรานะ และบอกว่าจะช่วยส่ง สุดท้ายก็ไม่ช่วยสักบาท เราผ่อนเองทั้งหมดและก็ออกจากงานอีก คราวนี้กลับมา อยู่ในจังหวัดเดียวกัน เพื่อเปิดร้านกาแฟ ร้านที่เราทั้งคู่วาดฝันไว้ ว่าต้องออกมาดีแน่นอน เค้าให้เรากู้สหกรณ์จำนวน 400,000 บาท เราก็ยินดี เพราะคิดว่า น่าจะโอเคร แต่ก็เตือนเค้าเสมอ เราเริ่มจากร้านเล็กๆ ก่อนมั้ย เค้าก็พูดจนเราก็ต้องยอม เราก็กู้ โดยหักบัญชีเงินเดือน เดือนละ 7,000 บาท มีหักโน่นนี่นั่นอีก ประมาณ12000 (ปี 2562) ร้านเริ่มส่งสัญญาณไม่ดีตั้งแต่วันแรก รายได้บางวัน 500 บางวัน 200 ไม่พอที่จะจ่ายค่าเช่า 9000/เดือน ค่าไฟ อีก เกือบ10,000 ตอนนั้นเครียดมาก แต่สิ่งที่เค้าทำคือ นั่นดู หนัง ฟังเพลง เพื่อฆ่าเวลาไปวันๆ ไม่คิดที่จะร้านให้ดีขึ้น เพื่อประคองร้าน เราต้องกู้อีก 100,000 เผื่อประคองร้านไว้ รายจ่ายมากมายเริ่มถาโถมเข้ามา เราต้องเวรคืนประกัน ของตัวเอง อีก ประมาณ 140,000 ในขณะที่เค้าไม่ต้องลงทุนอะไรเลย จะทำไงได้ก็เค้าไม่มีหลักทรัพย์อะไร และสุดท้าย ผ่านไป 1 ปี ที่เปิดร้าน แทบจะไม่กำไรอะไรเลยแม้แต่วันเดียว ก็ต้องยอมหยุด จะเซ้งเพื่ิเอาเงินคืนก็ไม่มีใครเซ้ง (เป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีล่ะมั้ง) ค่าเช่า มันกัดกิน ต้องออกมาเช่าบ้านเพื่อไว้เก็บของ พวกเก้าอี้ ถ้วยชาม (เราทำงานต่างจังหวัด ก็อยู่บ้านญาติไม่สามารถเอาของเยอะแยะมากมายทั้งหมดมาเก็บได้) เวลาผ่านไป เค้าก็ไม่หางานทำ มีแต่เราที่ทำงานงกๆอยู่คนเดียว สอนพิเศษเพิ่ม อยู่ได้ประมาณ 5 เดือน เค้าก็ขอลาบวช อะ เราก็ยินดี เผื่ออะไรจะดีขึ้น ข้าวของของร้าน เราก็ต้องเป็นคนขนกลับอีก (บ้านพ่อแม่ค่ะ) ทำให้ที่บ้านรู้ว่า เราปิดร้านนั้นแล้ว แม่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก บวชได้ 1 ปี ออกมาทำงานประจำมี่กรุงเทพ แน่นอนเราไม่ได้ไปหาเค้าเลย เพราะไม่มีเงินพอที่จะเติมน้ำมัน และขับรถเข้ากทม.ไม่แข็ง และด้วยสถานการณ์โควิด เขามีเงินเดือนก็เกือบ 20,000 เป็นพนักงานรายวัน แต่ไม่เคยส่งให้เราเลย ไม่เคยช่วยผ่อนเลย วันไหนหยุดก็ไม่ได้ตังค์ เป็นแบบนี้ 1 ปี ออกอีกแล้ว กลับไปช่วยงานที่บ้านขายของ โดยที่บ้านให้กลับ เพราะทราบว่าเราเป็นหนี้ เพราะเขา พี่ของแฟนให้กลับมาเพื่อช่วยผ่อน แต่เค้าก็ช่วยบ้างเดือนละ 1000 แล้วบอกพี่ว่า ช่วยเดือนละ 5000
(ลืมบอกว่าเราเงินเดือน 20000 เหลือเข้าบัญชี 8000 ผ่อนรถ 4000 เหลือกินเดือนละ 3000 -4000 อยู่มาได้ยังไง) ซึ่งเค้าก็รับรู้นะ ว่าเหลือกินเท่านี้ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่กู้ 2 ปีแต่ก็ยังนิ่งเฉย เขาใช้เงินของตัวเองที่มีไปกับการกิน พอมีก็กิน แรกๆ เราก็เข้าใจ อ่ะเรื่องกิน อย่าไปซีเรียส แต่เริ่มนานๆเข้าๆ เค้ากินแต่ของดีๆ ส่วนเรานี้ไม่ต้องพูดถึง เดือนละ 3000-4000 ค่าน้ำมัน ค่าข้าว ค่าประกัน จิปาถะ เราต้องประหยัดมากถึงมากที่สุด บางทีก็ไม่ไหวจริงๆ ยอมรับหน้าไม่อายว่า ต้องขอตังค์แม่ใช้ (แม่ไม่รู้นะว่ากู้เงินมาทำร้าน แม่คิดว่าเป็นเงินแฟน ) และเมื่อไม่นานมานี้จะให้ดาวน์รถอีก และตัวเองจะเป็นคนผ่อน (อีกแล้วเหรอ จะผ่อนเองเหรอ )และให้เรากู้เงินอีกเพื่อแต่งงาน เราดีใจนะตอนนั้น เค้าคิดจะแต่งงานเหรอ เกือบคิดจะกู้แล้ว (ซึ่งมาทราบภายหลังไม่ได้คิดเอง มีคนยุ) ณ ตอนนี้เราเองเริ่มหวนคิดอีกครั้ง ควรจะหันหลังพอแค่นี้ เหมือนเค้าเห็นแก่ตัว หรือเรามันโง่เองตั้งแต่แรกค่ะ
ขออภัย ยาวนิดหนึ่ง แต่ก็ยังดีได้ระบาย มันออกมา ค่ะ
แฟนไม่ช่วยใช้หนี้ ไม่เคยคิดถึงอนาคตเลย ควรไปต่อหรือพอแค่นี้