เรื่องนี้ไม่มีตรงกลาง: ไม่มีลูกหรือมีลูกดี?

สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน โดยเฉพาะสาวๆวัยทำงานที่แต่งงานแล้ว (เดี๋ยวจะบอก…ว่าทำไมเน้นที่สาวๆ) ในประเด็นตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ

หลายคนชอบแสดงความเป็นห่วงเรื่องอัตราการเกิดของประชากรไทยซึ่งลดลงต่อเนื่องมานานแล้ว จนชูประเด็นว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทั้งๆที่ยังไม่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเราคิดว่าเรื่องนั้นไม่น่าเป็นกังวลมากเกินไปค่ะ ทุกประเทศย่อมปรับเข้าหาสมดุลประชากรใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ robot แทนแรงงานคน หรือการให้สัญชาติแก่ผู้ย้ายถิ่นฐานมาทำงาน และควรเน้นให้ประชาชนเก็บออมเพื่อการเกษียณ

ในปัจจุบันทุกประเทศพัฒนาแล้ว หรือประเทศกำลังพัฒนาล้วนเจอปัญหานี้หมดค่ะ หลักๆน่าจะมาจากโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงของสังคมแหละ

ถ้าคุณเป็น working woman คนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว วัย 30 กลางๆ ทำงานมาสิบกว่าปี มีตำแหน่งความรับผิดชอบสูง มีรายได้ดี นอนคืนละ 5-6 ชม. เวลานอกนั้นยุ่งอยู่แต่กับการทำงานและการเดินทาง สุดสัปดาห์เคลียร์งานเสร็จค่อยมีเวลาแฮงก์เอ้าท์กับสามี หรือบางทีก็มีนัดกับกลุ่มเพื่อนสาว แต่ก็สามารถแพลนลางานยาวหน่อยไปเที่ยวต่างประเทศได้ปีละ 1-2 ครั้ง สิ้นปีจัดรางวัลใหญ่ๆให้ตัวเองซักครั้ง (ปีนี้อาจจะ Hermes Constance 555 กำลังดังเลย) มีเงินเปย์พ่อแม่ได้เต็มที่ค่ะ มีเหลือลงทุน เก็บออม ชนิดที่ว่าถ้าชีวิตเดินไปตามนี้เรื่อยๆ มีเงินเก็บเกิน 8 หลักไว้ใช้ดูแลตัวเองยามเกษียณแน่นอน เผลอๆไม่ถึง 60 ด้วยค่ะ คุณรักชีวิตอิสระนี้ คิดว่าอีกหน่อยไม่ต้องทำงานแล้วอยากเดินทางไปให้ทั่วๆ และไม่ต้องการมีลูกหลานดูแลในตอนแก่ (คิดว่าจะดูแลตัวเองให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ถ้าถึงจุดที่ต้องการคนดูแล ให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพดีกว่าค่ะ)

แต่ๆๆ…สามีก็มาถามว่า มีลูกกันมั้ย? คำถามนี้เล่นเอาทะเลาะกันมาเป็นเวลาเกือบสิบปีของชีวิตคู่เหมือนกันนะคะ เลยคิดว่าจะชวนสนทนาประเด็นนี้แหละ (กว่าจะเข้าเรื่องเนอะ)

สำหรับชีวิตคู่ การมีลูกหรือไม่ ควรเป็นการที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกันค่ะ ถ้าทั้งคู่ต้องการมี…จบ ถ้าทั้งคู่ไม่ต้องการมี…จบเหมือนกัน ถ้าขัดแย้งกันล่ะ?

1. ผู้หญิงต้องการมี ผู้ชายไม่ต้องการมี (จริงๆเคสนี้ส่วนน้อย ผู้ชายไทยส่วนใหญ่ต้องการมีลูกกันทั้งนั้นล่ะค่ะ) - ส่วนตัวแนะนำว่า "อย่าหาทำ" ค่ะ เห็นมาหลายคู่คือจบไม่สวย เพราะถ้าภรรยาเซ้าซี้มากๆ การที่สามีจะจัดให้มีลูกได้นั้นง่ายจะตายไป (ถ้าไม่มีภาวะมีบุตรยาก) ปัญหาคลาสสิกที่เจอคือ สามีนอกใจระหว่างภรรยาตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด, สามีไม่ช่วยเลี้ยงลูก (ก็เขาถือว่าเขาไม่ได้อยากมี) ไม่ช่วยค่าใช้จ่ายลูก ไปจนหัวเสียทะเลาะกันเรื่องลูก บางทีถึงขั้นหย่าร้างค่ะ แนะนำว่าจบกับคนนี้ แล้วไปเริ่มต้นใหม่กับคนที่เห็นตรงกันดีกว่า

2. ผู้หญิงไม่ต้องการมี ผู้ชายต้องการมี ***ขอเน้นข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะพวกเราสาวๆเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงนะคะ*** ก่อนอื่นอยากชวนให้สำรวจตัวเองกันก่อน

- ถ้าคุณเป็นคน "เกลียดเด็ก" ลองสำรวจตัวเองว่าคุณเป็นคนเกลียดเด็กแท้หรือเทียมค่ะ แบบแท้ๆคือ Child phobia เป็นที่ระดับจิตใต้สำนึกเลย อาจจะถึงขั้นเห็นเด็กแล้วขยะแขยง ได้ยินเสียงเด็กร้องแล้วแพนิค อันนี้ก็ไม่ควรมีลูกนะคะ มันไม่มีความสุขกันซักฝ่ายแหละ ไม่ว่าจะพ่อ แม่ หรือลูก แต่ถ้า "เกลียดเด็กเทียม" หรือเรียกได้ว่า เกลียดเฉพาะเด็กเปรต อาจจะยังพอน่าพิจารณาว่าจะมีดีหรือเปล่า (เราเข้าข่ายนี้ค่ะ เดิมเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองเกลียดเด็ก เพราะเด็กรอบๆตัวที่เจอมาก่อนหน้านี้คือไม่โอเคทั้งหมด เอาแต่ใจ โวยวาย กินยากต้องป้อนกันยันประถม ดื้อไม่มีเหตุผล ขี้เกียจเรียน ติดแต่มือถือ ฯลฯ แต่พอเจอลูกเพื่อนที่ถูกเลี้ยงมาดี 2 ขวบกว่ากินข้าวเองได้ 4 ขวบนี่พูดจารู้เรื่องเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็กๆเลยค่ะ มารยาทดี ไปไหนก็ปรับตัวง่าย ก็รู้สึกชื่นชมค่ะ)

- ถ้าขอคำแนะนำจากใคร ให้ขอจากผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน (อย่าไปถามรุ่นแม่นะคะ นั้นร้อยทั้งร้อยจะบอกให้มีหมด) โปรไฟล์คล้ายๆกัน ที่มีลูกแล้วยิ่งดีค่ะ

- อย่าขอคำแนะนำจากผู้ชายค่ะ ส่วนมากก็จะบอกให้มีลูกเหมือนกัน ซึ่งเหตุผลของพวกเขาจะใช้กับพวกเราไม่ได้ค่ะ
   • มีลูกแล้วมีความสุข ใช่ค่ะ…ผู้ชายสุขอย่างเดียวล้วนๆ ส่วนพวกเราหุ่นพังค่ะ ลาก่อน…หุ่นเพรียวและร่อง 11 ฮอร์โมนแปรปรวนอย่างมาก บางคนหน้าเป็นสิว หน้าดำ คอดำ ตัวดำ ผิวแตกลาย อาเจียน ปัญหากลิ่นตัว ท้องผูก ท้องเริ่มโตก็นอนหงายไม่ได้ นอนไม่หลับ ฯลฯ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเจอ
   • มีลูกแล้วเป็นแรงผลักดันในชีวิต สำหรับพ่อก็คงได้ จะมุงานมากขึ้นแค่ไหนก็ได้ แต่สำหรับแม่ ขอยืนยันเลยค่ะ…ไม่ใช่ผลักดันแต่ตรงกันข้าม คุณต้องลดโหลดงานลง ต้องพักผ่อนให้พอ ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์และตรงเวลาด้วย เดินทางสมบุกสมบันก็ไม่ได้ ไม่งั้นมีผลต่อลูกในท้องนะคะ เผลอๆถึงขั้นแท้งได้
   • โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายไม่คิดเยอะเรื่องเลี้ยงลูกค่ะ ตัวอย่างจากสามีเราเองผู้ซึ่งอยากมีลูกมากกกก ขอมาจะสิบปีแล้ว แต่เวลาเราถามกลับ ไม่เคยมีคำตอบ (ที่น่าพอใจ) ให้เราได้เลยค่ะ เช่น

8 ปีที่แล้ว…
สามี: เรามีลูกกันดีมั้ย?
เรา: เราก็ทำงาน เธอก็ทำงาน แล้วใครเลี้ยง?
สามี: แม่เราไง
เรา: ไม่เอาอ่ะ เห็นเลี้ยงหลานเธอ สปอยล์ตามใจ ของเล่นท่วมบ้าน เปิดแต่ทีวีให้ดูทั้งวัน
สามี: งั้นแม่เธออ่ะ
เรา: ก็ไม่เอา เห็นหลานเรามั้ย กินแต่ขนมไม่กินข้าว ดูแต่มือถือ ป่านนี้ยังไม่พูดเลย แถมชอบร้องวี้ดๆ
สามี: …
ปัญหาตอนนั้นก็คาราคาซังไว้ค่ะ หาทางออกไม่ได้ เราก็หัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมมี (ไม่อยากจำต้องส่งให้คนอื่นเลี้ยงแทน แล้วเราอาจจะมาเกลียดนิสัยลูกตัวเองทีหลังก็ได้) จนตอนนี้เราทำงาน flexible พอที่จะเลี้ยงเองได้ และรายได้มากพอที่จะจ้างพี่เลี้ยงมาช่วย ถึงได้ยอมมี

ปัจจุบัน 1
เรา: นี่ต้องเริ่มเตรียมของใช้ลูกแล้ว เธอรู้มั้ยว่าต้องซื้ออะไรบ้าง? (จริงๆเราหาข้อมูลมาหมดแล้วค่ะ แต่ถามลองภูมิสามีผู้แสนจะอยากเป็นคุณพ่อไปงั้น)
สามี: (ทำตาปริบๆ) ก็…เสื้อผ้าเด็ก (พ่อสั่งมาบ้างแล้วด้วยความเห่อ) ที่เหลือเดี๋ยวเราโทรถามแม่เราให้นะ
เรา: ไม่เป็นไร จริงๆลิสต์ไว้แล้วแหละ (ส่งที่ลิสต์ไว้ให้) เธอลองดูแล้วกัน เผื่อมีอะไรเพิ่มเติม (และแน่นอนว่า no comment)

ปัจจุบัน 2
เรา: อีกหน่อยให้ลูกเรียนที่ไหนดี?
สามี: ค่อยคิดก็ได้มั้ง อีกหลายปี
เรา: ไม่ได้ บางโรงเรียนต้องจองล่วงหน้า 2-3 ปีเลยนะ คิดช้าเดี๋ยวไม่ทัน
สามี: (ทำตาปริบๆ) แถวนี้มีที่ไหนดีๆบ้างอ่ะ? ฝากด้วยนะ

- ถ้าถามใจตัวเองแล้วไม่อยากจะมีลูกจริงๆ ก็แยกย้ายค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ตอบสามีแบบนั้นมาตลอด ว่าถ้าอยากมีจริงๆก็เลิกกัน เธอไปหาคนอื่นที่เค้าอยากมีลูกเถอะ เราเพิ่งมาเปลี่ยนใจเอาปีหลังๆ
- ถ้าฝ่ายหญิงยอมตามใจมีลูก อย่างน้อยผลลัพธ์จะออกมาดีกว่ากรณีที่ฝ่ายหญิงอยากมี แล้วฝ่ายชายยอมตามใจนะคะ คุณสามีเราถึงจะไม่ลงดีเทลของลูกเท่าไหร่ แต่ดูแลดีมาก หาของกินบำรุงให้ตลอด นวดหลังนวดขาให้ จะซื้อจะทำอะไรให้ลูกคือไม่ขัดเลย ถึงขั้นบอกว่าคลอดแล้วเราไม่ต้องตื่นกลางคืนหรอก ให้ปั๊มนมแช่ไว้แล้วนอนไปเลย จะตื่นมาอุ่นนมป้อนเอง (จะรอดูค่ะ 555)

นั่นล่ะค่ะ บอกลาชีวิตเดิมๆ งานและเงินไม่ใช่ priority แรกอีกต่อไป (อย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 ปีนี้) บอกลาชีวิตอิสระ ชิลล์ๆ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ (เสียดายมากนะรู้มั้ย) นอกจากนี้ก็จะต้องมีภาระเลี้ยงดูมนุษย์คนหนึ่งตั้งแต่ทารกจนเป็นผู้ใหญ่ถึงจะวางมือได้ จนกว่าเค้าจะไปมีชีวิตของตัวเอง เงินเกษียณก็คงจะเหลือน้อยลงกว่ากรณีไม่มีลูก (ค่าเรียนดีๆสมัยนี้แพงมากค่ะ) และก็ไม่ต้องการให้ลูกมาคอยดูแลหรือส่งเงินให้ตอนแก่ด้วย อยากให้ตัดสินใจดีๆ หาข้อมูลจากแหล่งที่ใช่ และฟังเสียงจากใจตัวเองก่อนตัดสินใจค่ะ มันเป็นจุดที่ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้นะคะ หมาแมวเลี้ยงต่อไม่ไหวยังอย่างน้อยเอาไปหาบ้านได้ ลูกทั้งคน…ทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ lifelong commitment เป็นแม่ลูกกันก็คือเป็นไปชั่วชีวิต จะเลิกเป็นไม่ได้

ไม่ได้หมายความว่าเราเกิดเสียใจที่ตัดสินใจมีลูกนะคะ…ไม่เลย ที่เราพร้อมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจเองนี่แหละ แต่เราเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ไม่อยาก และอยากมีค่ะ ไม่มีผิดไม่มีถูก มีแค่ทางเลือกที่เราต้องการเท่านั้นค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่