กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มังกรวิเศษหลุดเข้าอุโมงค์แห่งกาลเวลาเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเข้าไปแตะต้องสิ่งวิเศษสำคัญ มันสามารถสลายและแยกตัวออกได้หลายร่างโดยทุกร่างมีพลังอำนาจเท่าเทียมกัน เจ้ามังกรหลบหนีผู้ทรงอำนาจทั้งสี่แยกตัวออกเป็นเจ็ดส่วนในเส้นทางแห่งกาลเวลา
ชิ้นส่วนสีม่วงกับพี่น้องในเส้นทางกาลเวลาเพิ่งแยกเป็นเจ็ดส่วนตอนการแทรกแซงมาถึง ความมืดจากแดนอื่นครอบคลุมอนุสติของมันเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ่นชักใย การรับรู้แรกเริ่มถูกปิดกั้นเสมือนเจ้าชายนิทราเรื่อยมาจนได้รับการชำระล้างด้วยเวทมนตร์ย้อนกลับ!
จากความมืดสู่แสงสว่าง จากร่างเนื้อกลับสู่ชิ้นส่วนของชีวิตกลางพายุเวทมนตร์สีขาวเหลือบมุก กระบวนการก่อร่างรอบที่สองเกิดขึ้นโดยไร้สิ่งรบกวน ความอบอุ่นและแสงสว่างทำให้ส่วนธาตุมืดในแกนกลางเด่นชัดขึ้น เกล็ดสีม่วงดำดูดซับเวทมนตร์เพื่อป้องกันตัว หนามตามสันหลังเอาไว้ระบายสิ่งที่รวบรวมจากทั่วตัว
มันรู้ชื่อตัวทันทีที่กายเนื้อสมบูรณ์ นามนั้นคือ ซูเปอร์เบีย...
เบื้องหน้าของมันมีคนสี่คน หนึ่งคือสิ่งที่ทำให้สันหลังของมันสั่นด้วยความกลัว หนึ่งนั่งอย่างอ่อนล้ากับศพคนตาย ส่วนอีกหนึ่งคือลักซูเรีย เหตุใดนางจึงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ได้ มันอยู่ในโถงถ้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยไฟและเลือด เหล่าวิญญาณธาตุและภูตน้อยใหญ่เฝ้าดูจากระยะปลอดภัยเหมือนมันเป็นตัวอันตราย
“เกิดอะไรขึ้นลักซูเรีย” มังกรม่วงถามไปมองสิ่งน่ากลัวจับใจไป ลักซูเรียผู้มีผมสีน้ำเงินโผมากอดขาหน้าด้วยความดีใจ
“มังกรม่วง เจ้าประสงค์สิ่งใดในชีวิต” สิ่งน่ากลัวจับใจเอ่ยถาม
ซูเปอร์เบียกระพริบตาอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้บรรยากาศรายล้อมด้วยความไม่เป็นมิตร มีสิ่งน่ากลัวอันฝังในวิญญาณ สภาพการต่อสู้เต็มพื้นที่ สิ่งมีชีวิตรอบด้านหยุดนิ่งราวรอคำตอบแสนสำคัญ อย่างเดียวที่ก่อกำเนิดความอุ่นใจคือลักซูเรีย พี่น้องย่อมไม่ประสงค์ร้าย ถ้าร่วมมือกันจะต้องหนีจากก้อนความชั่วร้ายแสนน่ากลัวได้แน่!
“ข้าต้องการพบพวกพ้องทั้งหมด แค่แยกตัวสมบูรณ์สติของข้าก็ดับ พวกนั้นยังอยู่ดีใช่ไหม!” มังกรม่วงแยกเขี้ยวใส่สิ่งน่ากลัวจับใจด้วยความกังวลว่าพี่น้องจะถูกสังหาร
การกระทำของมันทำให้ฝ่ายตรงข้ามพอใจ
“อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา ทุกตัวยอมใช้ชีวิตแบบมังกรปกติโดยทำหน้าที่รักษาสมดุลเวทมนตร์ธาตุไปด้วย ถ้ายอมใช้ชีวิตอย่างสงบไม่อาละวาดจะไว้ชีวิตเหมือนตัวอื่น ๆ”
“ทำไมต้องก่อเรื่องวุ่นวายด้วย ถ้าตัวอื่นในฝูงลงความเห็นข้าก็ต้องทำตาม” ซูเปอร์เบียมองสิ่งที่มันกลัวกับลักซูเรียสลับกัน นางกอดขามันแน่นขึ้นกว่าเดิม
คราวนี้สิ่งที่น่ากลัวจับใจหันไปร้องบอกพวกอมนุษย์ด้านหลังด้วยเสียงดังก้องในถ้ำ
“คราวนี้จะได้เลิกคลั่งไร้สาระสักที ถ้ามีใครต่อต้านอีกมนุษย์จะเป็นผู้ปราบให้หมอบแล้วเปลี่ยนกลับมาฝั่งนี้ หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีอีก!” สิ่งน่ากลัวจากอดีตทำให้อมนุษย์รอบด้านโอดโอยอย่างไม่ชอบใจเหมือนเด็กถูกดุด่า “ขอเวลาทำธุระก่อนแล้วจะพาออกไปจากที่นี่ให้ทั้งหมด”
ในเมื่อสิ่งน่ากลัวจับใจบอกว่าไม่ทำร้ายมังกรม่วงก็โล่งขึ้น มันหันไปถามลักซูเรียว่าเกิดอะไรขึ้น...
การทำงานของท่านผู้นั้นดำเนินตามความสำคัญ ระหว่างรอเสาค้ำจุนส่งมอบวิญญาณของโซลาน่าเซธก็ถูกริบเวทมนตร์รวมถึงความรู้ไป ความอบอุ่นที่ได้คืนมาหลังพบอินวิเดียหายไปในบัดดล ความวูบโหวงเหมือนถูกคว้านอวัยวะภายในออกไปดำเนินอยู่หลายนาที แสงจาง ๆ ของเหล่าเวทมนตร์ธาตุรอบตัวท่านผู้นั้นหายไปเหมือนถูกปิดกั้น
“แค่ทำให้กลับเป็นสภาพก่อนหน้านี้ กระบวนการตัดต่อสิ่งผนึกในวิญญาณต้องใช้เวลาและความแม่นยำเอาไว้คราวหน้าค่อยจัดการ ตอนนี้อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวโดน ‘เขา’ พยายามยึดร่างไปง่าย ๆ”
จากการอธิบายคร่าว ๆ การปิดกั้นเวทมนตร์ในร่างของเซธไม่สมบูรณ์ทำให้มีเศษเสี้ยวของ ‘เขา’ เหลืออยู่ เมื่อมีโอกาสมันก็จะเปลี่ยนเซธเป็น ‘เขา’ ด้วยอิทธิพลของอำนาจโบราณ ท่านผู้นั้นพยายามกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเพื่อรอวันตัดเฉือนมันออกตามข้อตกลง กระนั้นการควบคุมยังบกพร่องอย่างตอนซาเรียหรือเมื่อครู่
“จะลบคำสาปให้เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างดำเนินอย่างถูกต้องตามทฤษฎีของเจ้า ถ้าคิดไม่ซื่อก็เตรียมรับความตายครั้งที่สาม...”
สิ้นคำขู่ของท่านผู้นั้นลูกแก้วบรรจุวิญญาณพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันลอยไปอยู่เหนือร่างไร้ชีวิตของรวิกานต์รอการหลอมรวมระหว่างวิญญาณ ร่าง และความทรงจำ เซธกล่าวขอบคุณท่านผู้นั้นและเหล่าเสาค้ำจุนที่ยอมฟังความเห็นของเขาจนนาทีสุดท้าย ไม่มีใครสมควรตายแม้เป็นทรราช สิ่งที่ทำก็แค่ย้อนตัวร้ายให้กลับสู่จุดกำเนิด เหมือนเรื่องเล่าจากหญิงนักท่องเวลาซึ่งฟังมาอีกต่อหนึ่ง
“ลืมพิธีกรรมแบบตอนลาควีล่าไปได้เลย ข้าเกลียดพิธีการ!” ท่านผู้นั้นบ่นกับใครบางคนที่ส่งวิญญาณของโซลาน่ามาให้ ลักซูเรียถูกเรียกตัวมาตามเจตนาสละส่วนหนึ่งเพื่อชีวิตใหม่...
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีอย่างเซธคาดหวัง ซูเปอร์เบียตัวใหม่สร้างข้อกังขาแต่เหล่ามังกรรับปากดูแลต่อจากนี้ การไว้ชีวิตตัวอันตรายทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นมองมนุษย์ในแง่ดีถึงขั้นเผยตัวออกมาช่วยเวลามีเรื่องร้าย นั่นทำให้ท่านผู้นั้นหัวเสียเพราะต้องการให้มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาที่สุดเท่านั้น
“ถ้าอยากอาศัยร่วมกับมนุษย์แบบเสมอกันก็ไปอยู่แดนพันธสัญญาโน่น ถ้าจะอยู่เอนโวลาต่อก็ต้องยอมรับสิทธิชนชั้นสอง!” ท่านผู้นั้นอารมณ์เสียเมื่อมีวิญญาณธาตุมาขอใบระบุตัวตนเป็นพลเมืองเหมือนพวกมนุษย์
วันที่สองนับจากทุกอย่างเสร็จสิ้นประธานาธิบดีซึ่งน่าจะเป็นแค่หุ่นเชิดกลับมีสติรู้ตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันยาวนาน ตัวต้นเหตุบอกทุกคนว่าประธานาธิบดีประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำทั้งหมด จากเคยค้างในเขตรัฐสภาเป็นแรมเดือนก็กลับไปอยู่กับครอบครัวได้ในที่สุด โดยปล่อยหน้าที่ปกครองให้ท่านผู้นั้นกับรองประธานาธิบดีผู้งุนงงกับเหตุการณ์นี้
ส่วนรวิกานต์คนใหม่ถูกส่งตัวกลับที่ทำงานและจัดฉากให้เหมือนอุบัติเหตุ เซธดีใจที่หญิงสาวเป็นเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนยกเว้นวิญญาณภายในเท่านั้น กลายเป็นว่าโซลาน่าเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาว โทรศัพท์มือถือจากท่านผู้นั้นตัวปลอมกับนามบัตรถูกเอามาวางคู่กันบ่อยครั้งแค่ยังลังเลอยู่
เข้าวันที่หกท่านผู้นั้นบอกว่าพร้อมถอนคำสาปให้เซธและจะคุยเรื่องตัวตนตามกฎหมาย เสียงเรียบ ๆ คุ้นเคยบอกให้เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปได้เลย ข้างในห้องท่านผู้นั้นนั่งกลางกองเอกสารพลางบอกให้ไปคุยกับคนอื่นที่เก้าอี้รับแขก หญิงคนนั้นไม่ได้สวมชุดพนักงานของรัฐสภาเขาจึงคิดว่าน่าจะผ่านการจ้างแบบไม่เป็นทางการ
เมื่อเซธนั่งอีกฝ่ายก็เริ่มด้วยการวางใบประวัติบุคคลให้ ชื่อใหม่ของเขาคือ เซธ เธอุส
“พ่อกับแม่ของคน ๆ นี้ยอมให้คุณสวมรอยตามความพอใจแค่ที่อยู่ในบัตรเป็นของญาติ ฟังให้จบแล้วค่อยกลับไปอ่าน สิ่งที่จะพูดมีในนั้นทั้งหมด” นางพูดอย่างเร่งรีบ “เจ้าของตัวตนนี้เรียนจบการศาสนาและบัญชีซึ่งคุณสามารถนำไปใช้สมัครงานได้ เขาเคยทำงานรายชั่วโมงที่คินาเลนดังนั้นอย่าไปที่นั่นโดยไม่ระวังตัว คุณสามารถปลอมเป็นเขาได้ทันทีถ้าต้องการ ทั้งการเรียนต่อ การทำงาน การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจ เบลล่ายอมเป็นบุคคลอ้างอิงให้จนกว่าจะตั้งตัวได้ไปขอบคุณเธอด้วย”
ข้อมูลมากมายไหลบ่าจนเซธจับความได้แค่เขาเป็นพลเมืองเต็มขั้นแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลของนางข่มขวัญว่าห้ามมีคำถามเด็ดขาด
“อยากถามอะไรก็ถามเสียอนาทอล ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก” ท่านผู้นั้นคงเห็นอาการของเซธจึงช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น
“แล้วข้าได้ตัวตนของใครมาใช้หรือ” เซธถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ทายาทของตานั่น คุณนี่ช่างสรรหางานให้พวกเราจริง ๆ” หญิงสาวพยักพเยิดไปทางท่านผู้นั้นโดยไม่ยิ้มเลย “หนุ่มนั่นกับครอบครัวใช้ชีวิตในดินแดนพันธสัญญาอย่างสงบสุขแล้ว ตานั่นคิดให้คุณใช้ชื่อ อนาทอล แต่ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณ และเปลี่ยนชื่อใหม่ก็ควรเปลี่ยนการพูดด้วย น่าจะเปลี่ยนไปตั้งแต่สี่ร้อยปีก่อนแล้วด้วยซ้ำ!”
“เรามีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่าการพูด” ท่านผู้นั้นแก้ตัว
เซธรู้ตัวตนของผู้อยู่ตรงหน้าได้ทันที ในห้องมีกลิ่นเวทมนตร์ของคนอื่นปนอยู่ด้วย เขาเคยได้กลิ่นนี้ที่ชายหาดและตอนพบสายเลือดของท่านผู้นั้นครั้งสุดท้าย! ดวงตาสีน้ำตาลไม่ได้วางอำนาจหรือยิ้มเยาะ แค่ถามทางสายตาว่าเข้าใจครบถ้วนหรือยัง
“ข้าสามารถไปสมัครงานได้เลยใช่ไหม” เซธไม่รู้ทำไมนางอยากเร่งให้จบเร็วนัก
“แนะนำว่าหาที่อยู่ให้เป็นหลักแหล่งก่อน” นักรบเทพหญิงเสริมอีกว่าพอได้บัตรประจำตัวเขาสามารถออกไปทำสัญญาเช่าห้องได้ทันที “และเรียกแทนตัวว่า ผม แทนคนอื่นว่า คุณ อย่าเลียนแบบตาหัวแข็งตรงนั้น!”
คราวนี้ท่านผู้นั้นตอบด้วยภาษาแบบยุคปัจจุบัน
“ผมไม่บ่นเรื่องคุณพาออกนอกเรื่องหรอก อยากให้คุยนาน ๆ ด้วยซ้ำ สาบานกับพี่เฟเรซิสได้เลย” ท่านผู้นั้นเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
มีบางอย่างบอกว่าท่านผู้นั้นต้องการให้คุยต่อแต่เซธหมดคำถามแล้ว เขาเป็นพลเมืองอย่างสมบูรณ์ ในใบประวัติมีวันนัดถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวประทับอยู่ คำกล่าวขอบคุณของเขาปิดการสนทนา
“หมดทุกเรื่องแล้วหรือ” ท่านผู้นั้นพยายามทำให้ยืดเยื้อขึ้น
“ให้เวลาตั้งห้านาทีกับเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ ดูถูกคนอื่นตลอด!” หญิงผมแดงร้องอย่างผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้ยิ้มรับอย่างจำใจ “รักษาสัญญาด้วยคุณผู้ยิ่งใหญ่!”
“ขอบคุณมาก เชิญกลับได้” ความเคร่งเครียดของท่านผู้นั้นกลับมาเร็วกว่าทุกครั้ง “ถ้าอยากพูดอะไรสองแง่สองง่ามเอาไว้ให้งานเลิกก่อน ต้องตรวจสอบแหล่งเงินทุนของกลุ่มพรรคการเมือง”
“เสียมารยาทไม่เปลี่ยน แค่จะบอกว่าอยากกินน้ำผึ้งของคุณอีกเท่านั้นเอง”
“คิดไว้แล้วว่าน้ำผึ้งของที่นี่น่าจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเกิดอีกครั้ง จะซื้อเพิ่มให้” ท่านผู้นั้นปัดความกำกวมในคำพูดจนกระเด็น ความสดใสของนางตัดกับความเงียบขรึมของอีกฝ่ายได้ดี
หญิงผมแดงยังไม่วายหยอกล้อกับผู้ทรงอำนาจสูงสุด ทั้งสองดูเหมือนคู่รักทั้งที่ฝ่ายชายย้ำนักย้ำหนาว่าไม่มีวันไปถึงจุดนั้น ถ้าเซธพยายามคงสนิทกับรวิกานต์ได้อย่างนี้บ้าง ต่อปากต่อคำได้นิดเดียวนางก็ขอตัวกลับตามสมควร
(มีต่อ)
สัญญาอมตะ ตอนที่ 26 (จบ)
ชิ้นส่วนสีม่วงกับพี่น้องในเส้นทางกาลเวลาเพิ่งแยกเป็นเจ็ดส่วนตอนการแทรกแซงมาถึง ความมืดจากแดนอื่นครอบคลุมอนุสติของมันเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ่นชักใย การรับรู้แรกเริ่มถูกปิดกั้นเสมือนเจ้าชายนิทราเรื่อยมาจนได้รับการชำระล้างด้วยเวทมนตร์ย้อนกลับ!
จากความมืดสู่แสงสว่าง จากร่างเนื้อกลับสู่ชิ้นส่วนของชีวิตกลางพายุเวทมนตร์สีขาวเหลือบมุก กระบวนการก่อร่างรอบที่สองเกิดขึ้นโดยไร้สิ่งรบกวน ความอบอุ่นและแสงสว่างทำให้ส่วนธาตุมืดในแกนกลางเด่นชัดขึ้น เกล็ดสีม่วงดำดูดซับเวทมนตร์เพื่อป้องกันตัว หนามตามสันหลังเอาไว้ระบายสิ่งที่รวบรวมจากทั่วตัว
มันรู้ชื่อตัวทันทีที่กายเนื้อสมบูรณ์ นามนั้นคือ ซูเปอร์เบีย...
เบื้องหน้าของมันมีคนสี่คน หนึ่งคือสิ่งที่ทำให้สันหลังของมันสั่นด้วยความกลัว หนึ่งนั่งอย่างอ่อนล้ากับศพคนตาย ส่วนอีกหนึ่งคือลักซูเรีย เหตุใดนางจึงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ได้ มันอยู่ในโถงถ้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยไฟและเลือด เหล่าวิญญาณธาตุและภูตน้อยใหญ่เฝ้าดูจากระยะปลอดภัยเหมือนมันเป็นตัวอันตราย
“เกิดอะไรขึ้นลักซูเรีย” มังกรม่วงถามไปมองสิ่งน่ากลัวจับใจไป ลักซูเรียผู้มีผมสีน้ำเงินโผมากอดขาหน้าด้วยความดีใจ
“มังกรม่วง เจ้าประสงค์สิ่งใดในชีวิต” สิ่งน่ากลัวจับใจเอ่ยถาม
ซูเปอร์เบียกระพริบตาอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้บรรยากาศรายล้อมด้วยความไม่เป็นมิตร มีสิ่งน่ากลัวอันฝังในวิญญาณ สภาพการต่อสู้เต็มพื้นที่ สิ่งมีชีวิตรอบด้านหยุดนิ่งราวรอคำตอบแสนสำคัญ อย่างเดียวที่ก่อกำเนิดความอุ่นใจคือลักซูเรีย พี่น้องย่อมไม่ประสงค์ร้าย ถ้าร่วมมือกันจะต้องหนีจากก้อนความชั่วร้ายแสนน่ากลัวได้แน่!
“ข้าต้องการพบพวกพ้องทั้งหมด แค่แยกตัวสมบูรณ์สติของข้าก็ดับ พวกนั้นยังอยู่ดีใช่ไหม!” มังกรม่วงแยกเขี้ยวใส่สิ่งน่ากลัวจับใจด้วยความกังวลว่าพี่น้องจะถูกสังหาร
การกระทำของมันทำให้ฝ่ายตรงข้ามพอใจ
“อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา ทุกตัวยอมใช้ชีวิตแบบมังกรปกติโดยทำหน้าที่รักษาสมดุลเวทมนตร์ธาตุไปด้วย ถ้ายอมใช้ชีวิตอย่างสงบไม่อาละวาดจะไว้ชีวิตเหมือนตัวอื่น ๆ”
“ทำไมต้องก่อเรื่องวุ่นวายด้วย ถ้าตัวอื่นในฝูงลงความเห็นข้าก็ต้องทำตาม” ซูเปอร์เบียมองสิ่งที่มันกลัวกับลักซูเรียสลับกัน นางกอดขามันแน่นขึ้นกว่าเดิม
คราวนี้สิ่งที่น่ากลัวจับใจหันไปร้องบอกพวกอมนุษย์ด้านหลังด้วยเสียงดังก้องในถ้ำ
“คราวนี้จะได้เลิกคลั่งไร้สาระสักที ถ้ามีใครต่อต้านอีกมนุษย์จะเป็นผู้ปราบให้หมอบแล้วเปลี่ยนกลับมาฝั่งนี้ หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีอีก!” สิ่งน่ากลัวจากอดีตทำให้อมนุษย์รอบด้านโอดโอยอย่างไม่ชอบใจเหมือนเด็กถูกดุด่า “ขอเวลาทำธุระก่อนแล้วจะพาออกไปจากที่นี่ให้ทั้งหมด”
ในเมื่อสิ่งน่ากลัวจับใจบอกว่าไม่ทำร้ายมังกรม่วงก็โล่งขึ้น มันหันไปถามลักซูเรียว่าเกิดอะไรขึ้น...
การทำงานของท่านผู้นั้นดำเนินตามความสำคัญ ระหว่างรอเสาค้ำจุนส่งมอบวิญญาณของโซลาน่าเซธก็ถูกริบเวทมนตร์รวมถึงความรู้ไป ความอบอุ่นที่ได้คืนมาหลังพบอินวิเดียหายไปในบัดดล ความวูบโหวงเหมือนถูกคว้านอวัยวะภายในออกไปดำเนินอยู่หลายนาที แสงจาง ๆ ของเหล่าเวทมนตร์ธาตุรอบตัวท่านผู้นั้นหายไปเหมือนถูกปิดกั้น
“แค่ทำให้กลับเป็นสภาพก่อนหน้านี้ กระบวนการตัดต่อสิ่งผนึกในวิญญาณต้องใช้เวลาและความแม่นยำเอาไว้คราวหน้าค่อยจัดการ ตอนนี้อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวโดน ‘เขา’ พยายามยึดร่างไปง่าย ๆ”
จากการอธิบายคร่าว ๆ การปิดกั้นเวทมนตร์ในร่างของเซธไม่สมบูรณ์ทำให้มีเศษเสี้ยวของ ‘เขา’ เหลืออยู่ เมื่อมีโอกาสมันก็จะเปลี่ยนเซธเป็น ‘เขา’ ด้วยอิทธิพลของอำนาจโบราณ ท่านผู้นั้นพยายามกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเพื่อรอวันตัดเฉือนมันออกตามข้อตกลง กระนั้นการควบคุมยังบกพร่องอย่างตอนซาเรียหรือเมื่อครู่
“จะลบคำสาปให้เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างดำเนินอย่างถูกต้องตามทฤษฎีของเจ้า ถ้าคิดไม่ซื่อก็เตรียมรับความตายครั้งที่สาม...”
สิ้นคำขู่ของท่านผู้นั้นลูกแก้วบรรจุวิญญาณพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันลอยไปอยู่เหนือร่างไร้ชีวิตของรวิกานต์รอการหลอมรวมระหว่างวิญญาณ ร่าง และความทรงจำ เซธกล่าวขอบคุณท่านผู้นั้นและเหล่าเสาค้ำจุนที่ยอมฟังความเห็นของเขาจนนาทีสุดท้าย ไม่มีใครสมควรตายแม้เป็นทรราช สิ่งที่ทำก็แค่ย้อนตัวร้ายให้กลับสู่จุดกำเนิด เหมือนเรื่องเล่าจากหญิงนักท่องเวลาซึ่งฟังมาอีกต่อหนึ่ง
“ลืมพิธีกรรมแบบตอนลาควีล่าไปได้เลย ข้าเกลียดพิธีการ!” ท่านผู้นั้นบ่นกับใครบางคนที่ส่งวิญญาณของโซลาน่ามาให้ ลักซูเรียถูกเรียกตัวมาตามเจตนาสละส่วนหนึ่งเพื่อชีวิตใหม่...
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีอย่างเซธคาดหวัง ซูเปอร์เบียตัวใหม่สร้างข้อกังขาแต่เหล่ามังกรรับปากดูแลต่อจากนี้ การไว้ชีวิตตัวอันตรายทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นมองมนุษย์ในแง่ดีถึงขั้นเผยตัวออกมาช่วยเวลามีเรื่องร้าย นั่นทำให้ท่านผู้นั้นหัวเสียเพราะต้องการให้มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาที่สุดเท่านั้น
“ถ้าอยากอาศัยร่วมกับมนุษย์แบบเสมอกันก็ไปอยู่แดนพันธสัญญาโน่น ถ้าจะอยู่เอนโวลาต่อก็ต้องยอมรับสิทธิชนชั้นสอง!” ท่านผู้นั้นอารมณ์เสียเมื่อมีวิญญาณธาตุมาขอใบระบุตัวตนเป็นพลเมืองเหมือนพวกมนุษย์
วันที่สองนับจากทุกอย่างเสร็จสิ้นประธานาธิบดีซึ่งน่าจะเป็นแค่หุ่นเชิดกลับมีสติรู้ตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันยาวนาน ตัวต้นเหตุบอกทุกคนว่าประธานาธิบดีประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำทั้งหมด จากเคยค้างในเขตรัฐสภาเป็นแรมเดือนก็กลับไปอยู่กับครอบครัวได้ในที่สุด โดยปล่อยหน้าที่ปกครองให้ท่านผู้นั้นกับรองประธานาธิบดีผู้งุนงงกับเหตุการณ์นี้
ส่วนรวิกานต์คนใหม่ถูกส่งตัวกลับที่ทำงานและจัดฉากให้เหมือนอุบัติเหตุ เซธดีใจที่หญิงสาวเป็นเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนยกเว้นวิญญาณภายในเท่านั้น กลายเป็นว่าโซลาน่าเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาว โทรศัพท์มือถือจากท่านผู้นั้นตัวปลอมกับนามบัตรถูกเอามาวางคู่กันบ่อยครั้งแค่ยังลังเลอยู่
เข้าวันที่หกท่านผู้นั้นบอกว่าพร้อมถอนคำสาปให้เซธและจะคุยเรื่องตัวตนตามกฎหมาย เสียงเรียบ ๆ คุ้นเคยบอกให้เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปได้เลย ข้างในห้องท่านผู้นั้นนั่งกลางกองเอกสารพลางบอกให้ไปคุยกับคนอื่นที่เก้าอี้รับแขก หญิงคนนั้นไม่ได้สวมชุดพนักงานของรัฐสภาเขาจึงคิดว่าน่าจะผ่านการจ้างแบบไม่เป็นทางการ
เมื่อเซธนั่งอีกฝ่ายก็เริ่มด้วยการวางใบประวัติบุคคลให้ ชื่อใหม่ของเขาคือ เซธ เธอุส
“พ่อกับแม่ของคน ๆ นี้ยอมให้คุณสวมรอยตามความพอใจแค่ที่อยู่ในบัตรเป็นของญาติ ฟังให้จบแล้วค่อยกลับไปอ่าน สิ่งที่จะพูดมีในนั้นทั้งหมด” นางพูดอย่างเร่งรีบ “เจ้าของตัวตนนี้เรียนจบการศาสนาและบัญชีซึ่งคุณสามารถนำไปใช้สมัครงานได้ เขาเคยทำงานรายชั่วโมงที่คินาเลนดังนั้นอย่าไปที่นั่นโดยไม่ระวังตัว คุณสามารถปลอมเป็นเขาได้ทันทีถ้าต้องการ ทั้งการเรียนต่อ การทำงาน การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจ เบลล่ายอมเป็นบุคคลอ้างอิงให้จนกว่าจะตั้งตัวได้ไปขอบคุณเธอด้วย”
ข้อมูลมากมายไหลบ่าจนเซธจับความได้แค่เขาเป็นพลเมืองเต็มขั้นแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลของนางข่มขวัญว่าห้ามมีคำถามเด็ดขาด
“อยากถามอะไรก็ถามเสียอนาทอล ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก” ท่านผู้นั้นคงเห็นอาการของเซธจึงช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น
“แล้วข้าได้ตัวตนของใครมาใช้หรือ” เซธถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ทายาทของตานั่น คุณนี่ช่างสรรหางานให้พวกเราจริง ๆ” หญิงสาวพยักพเยิดไปทางท่านผู้นั้นโดยไม่ยิ้มเลย “หนุ่มนั่นกับครอบครัวใช้ชีวิตในดินแดนพันธสัญญาอย่างสงบสุขแล้ว ตานั่นคิดให้คุณใช้ชื่อ อนาทอล แต่ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณ และเปลี่ยนชื่อใหม่ก็ควรเปลี่ยนการพูดด้วย น่าจะเปลี่ยนไปตั้งแต่สี่ร้อยปีก่อนแล้วด้วยซ้ำ!”
“เรามีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่าการพูด” ท่านผู้นั้นแก้ตัว
เซธรู้ตัวตนของผู้อยู่ตรงหน้าได้ทันที ในห้องมีกลิ่นเวทมนตร์ของคนอื่นปนอยู่ด้วย เขาเคยได้กลิ่นนี้ที่ชายหาดและตอนพบสายเลือดของท่านผู้นั้นครั้งสุดท้าย! ดวงตาสีน้ำตาลไม่ได้วางอำนาจหรือยิ้มเยาะ แค่ถามทางสายตาว่าเข้าใจครบถ้วนหรือยัง
“ข้าสามารถไปสมัครงานได้เลยใช่ไหม” เซธไม่รู้ทำไมนางอยากเร่งให้จบเร็วนัก
“แนะนำว่าหาที่อยู่ให้เป็นหลักแหล่งก่อน” นักรบเทพหญิงเสริมอีกว่าพอได้บัตรประจำตัวเขาสามารถออกไปทำสัญญาเช่าห้องได้ทันที “และเรียกแทนตัวว่า ผม แทนคนอื่นว่า คุณ อย่าเลียนแบบตาหัวแข็งตรงนั้น!”
คราวนี้ท่านผู้นั้นตอบด้วยภาษาแบบยุคปัจจุบัน
“ผมไม่บ่นเรื่องคุณพาออกนอกเรื่องหรอก อยากให้คุยนาน ๆ ด้วยซ้ำ สาบานกับพี่เฟเรซิสได้เลย” ท่านผู้นั้นเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
มีบางอย่างบอกว่าท่านผู้นั้นต้องการให้คุยต่อแต่เซธหมดคำถามแล้ว เขาเป็นพลเมืองอย่างสมบูรณ์ ในใบประวัติมีวันนัดถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวประทับอยู่ คำกล่าวขอบคุณของเขาปิดการสนทนา
“หมดทุกเรื่องแล้วหรือ” ท่านผู้นั้นพยายามทำให้ยืดเยื้อขึ้น
“ให้เวลาตั้งห้านาทีกับเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ ดูถูกคนอื่นตลอด!” หญิงผมแดงร้องอย่างผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้ยิ้มรับอย่างจำใจ “รักษาสัญญาด้วยคุณผู้ยิ่งใหญ่!”
“ขอบคุณมาก เชิญกลับได้” ความเคร่งเครียดของท่านผู้นั้นกลับมาเร็วกว่าทุกครั้ง “ถ้าอยากพูดอะไรสองแง่สองง่ามเอาไว้ให้งานเลิกก่อน ต้องตรวจสอบแหล่งเงินทุนของกลุ่มพรรคการเมือง”
“เสียมารยาทไม่เปลี่ยน แค่จะบอกว่าอยากกินน้ำผึ้งของคุณอีกเท่านั้นเอง”
“คิดไว้แล้วว่าน้ำผึ้งของที่นี่น่าจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเกิดอีกครั้ง จะซื้อเพิ่มให้” ท่านผู้นั้นปัดความกำกวมในคำพูดจนกระเด็น ความสดใสของนางตัดกับความเงียบขรึมของอีกฝ่ายได้ดี
หญิงผมแดงยังไม่วายหยอกล้อกับผู้ทรงอำนาจสูงสุด ทั้งสองดูเหมือนคู่รักทั้งที่ฝ่ายชายย้ำนักย้ำหนาว่าไม่มีวันไปถึงจุดนั้น ถ้าเซธพยายามคงสนิทกับรวิกานต์ได้อย่างนี้บ้าง ต่อปากต่อคำได้นิดเดียวนางก็ขอตัวกลับตามสมควร
(มีต่อ)