ปีศาจแห่งเทือกเขา ผมคือพระเจ้า ฆาตรกรอันดับ2ของโลก l บันทึกลึกลับ

เปโดร อลองโซ โลเปซ เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวโคลัมเบีย ที่หลายคนเชื่อว่าเขาได้ข่มขืนและฆ่าเด็กสาว
และเด็กชายจำนวน 53-300 คนทั่วทวีปอเมริกาใต้ คือ โคลัมเบีย, เอกวาเดอร์และเปรู 
ในช่วงระหว่าง 1969-1980
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เรื่องราวของเปโดรเป็นที่รู้จักกันดีในฐาน สัตว์ประหลาดแห่งเทือกเขาแอนดีส ในปีเขาถูกจับ( ค.ศ.1980)
นั้นเขาได้พาตำรวจไปยังหลุมฝังศพของเหยื่อจำนวนถึง 53 รายในเอกวาเดอร์ ส่วนมากเป็นเด็กผู้หญิง
อายุระหว่าง 9-12 ปี ในปี 1983 เขาได้รับสารภาพลงมือสังหารหญิงสาว 110 คนในเอกวาดอร์เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้เขายังสารภาพอีกว่าเขายังสังหารคนอีก 240 รายในประเทศเพื่อนบ้านในเปรูและโคลัมเบีย
เปโดร อลองโซ โลเปซ เกิดในวันที่ 8 ตุลาคม 1948 เป็นลูกชายคนที่ 7 ในบรรดาลูกทั้งหมด 13 คน
ในครอบครัวที่แม่เป็นโสเภณีในเมืองซาตา อิซาเบล โทลิมา ประเทศ เอกวาเดอร์

ในช่วงโปโดรเกิดนั้นเป็นช่วงประเทศโคลัมเบียกำลังอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวาย เมื่อนักการเมืองเสรีนิยมขวัญใจ
มหาชนชื่อจอร์จ อลิเซอร์ไกแตน ถูกลอบสังหารและการตายของเขานำมาซึ่งสงครามกลางเมือง ความรุนแรง
ปัญหาอาชญากรรม พุ่งถึงขีดสุด บ้านเมืองถึงกวียุคอย่างแท้จริงคนกว่าล้านต้องละทิ้งที่อยู่และทรัพย์สิน
ของพวกเขา สื่อและการสื่อสารล้มเหลว กิจกรรมทั้งหมดถูกยกเลิก และดำเนินมานานกว่ากว่าสิบปี
ประชาชนล้มตายยิ่งกว่าผักปลาประมาณกันว่ามีคนตายกว่าสองแสนคน ซึ่งชาวโคลัมเบียรู้จักเหตุการณ์นี้
ดีในชื่อ La Violencia (1948-1958)

นี้คือสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่เปโดรต้องอยู่และปรับตัว นอกจากนั้นสภาพครอบครัวก็ยังเต็มไปด้วยปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นยากจนและรุนแรง แม่ก็เป็นผู้หญิงที่ชอบใช้อำนาจเผด็จการ ชอบตบตีเขาเวลาเธอต้อนรับลูกค้า
ที่มาบริการถึงบ้าน เมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบถูกแม่จับได้ว่าเขาพยายามมีเพศสัมพันธ์กับน้องสาวจึงต้องโยน
ออกกบ้าน โปโดรเริ่มเดินโต๋เต๋เร่ร่อนไปตามท้องถนนที่อันตรายที่สุดในโคลัมเบียที่เต็มไปด้วยเลือดและ
ซากศพ แต่ในอีกแง่หนึ่งเขาก็สามารถสำรวจสถานที่และละแวกใกล้เรือนเคียงที่เขาไม่มีโอกาสเข้าถึงมาก่อน
แม่ของโปเดร
                     
ในเวลาต่อมา ในขณะที่เปโดรกำลังอยู่บนท้องถนนนั้นก็มีชายชราแปลกหน้าให้อาหาร น้ำ และที่พักให้กับเขา
เปโดรตกลงไว้เนื้อเชื่อใจและซาบซึ้งความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ แต่เมื่อมาถึงบ้านดังกล่าวเขากลับถูกตี
และถูกถอดเสื้อและลงมือข่มขืนเขาทางทวารหนักนับครั้งไม่ถ้วนซ้ำไปซ้ำมา ก่อนที่จะถูกปล่อยทิ้ง ไว้ริมทาง
นับจากนั้นเป็นต้นมา เปโดรได้กลายเป็นคนนิสัยกลัวคนแปลกหน้าเพราะเขามีประสบการณ์ถูกข่มขืนโดย
คนแปลกหน้าในอดีต ด้วยเหตุนี้เขาจึงชอบหลับนอนในทางเท้า กลัวที่ซอยคับแคบ ตึกร้าง ชอบออกหา
อาหารในเวลากลางคืนในถังขยะ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเป็นที่รังเกียจแก่คนรอบข้าง เขาถูกกัดโดยสุนัขจรจัด
และถูกตีโดยคนเร่ร่อนคนอื่นๆ ที่ข้ามถิ่น

วันหนึ่งโปเดรเดินไปตามถนนในโบโกตา เขาได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ขับรถสวนเขาโดยไม่รู้ตัวคู่ชรา
ชาวอเมริกันตนหนึ่งเกิดสงสารเขาที่คุ้ยหาอาหารจากกองขยะ ทั้งคู่ติดสินใจพาเด็กไปอยู่กับเขาและครอบครัว
ของเขาที่บ้าน แล้วพาเขาไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนเด็กกำพร้า

ปี 1963 เมื่อเปโดรอายุ 12 ปี ชะตาก็เล่นตลกกับเขาอีกครั้ง เมื่อการละเมิดทางเพศเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง
เมื่อถูกครูวัยกลางคนคนหนึ่งที่สอนในโรงเรียนเด็กกำพร้าข่มขืนและถูกทำร้ายทางเพศ ความกลัวในวัยเด็ก
เมื่ออายุ 8 ขวบหวนกลับมาอีกครั้ง ภายหลังที่เกิดเหตุดังกล่าว เปโดรได้ขโมยเงินโรงเรียนแล้วหนีออกจากบ้าน
เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมือง โคลัมเบียเริ่มปรับโครงสร้าง บ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
หากแต่ในเวลานั้นยังมีชายคนหนึ่งเริ่มที่จะสู่มุมมืดอย่างเงียบๆ โปโดรในตอนนั้นเริ่มหางานทำ
แต่เขาไม่มีประสบการณ์ทำงาน ไม่มีความรู้และทักษะอาชีพ ทำให้เขาถูกปฏิเสธทุกที่ ที่หางานทำ

และเมื่อจนตรอกเขาก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมเขาโจรกรรมรถยนต์ จนเขาเริ่มมีทักษะการขโมยรถขั้นมือโปร
และเริ่มเลือกเหยื่อที่เป็นรถของนักธุรกิจ ต่อมาในปี 1969 ก็ถูกตำรวจโคลัมเบียจับข้อหาขโมยรถและขับรถข้ามประเทศ
เปโดรได้รับโทษจำคุกแต่ไม่วายที่ต้องตกเป็นเป้าโดนนักโทษร่วมห้องข่มขืนถึง 4 คน ระหว่างนี้เปโดรทำการ
ฆาตกรรมนักโทษร่วมห้องชาย 3 คน ที่ข่มขืนเปโดร ส่วนอีกคนอาการสาหัส โดยเปโดรใช้มีดทำครัวแทงไม่ยั้ง
ทางการเห็นว่าเป็นการป้องตัวจึงเพิ่มไปอีกสองปี

ต่อมาโปโดรได้พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงภายในตัวของเขา เมื่อเมล็ดแห่งความมืดงอกงอมในจิตใจของเขา
เมื่อเขาจะหายกลัวที่แคบกับความมืด หากแต่เขากลับพบว่าตัวเองเป็นโรคหวาดกลัวผู้หญิงขึ้นมาแทน เขาไม่สามารถ
สื่อสารกับพวกเธอได้ เขามองผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องบำบัดทางเพศ จ้องผู้หญิงเหมือนดูนิตยสารลามก เขามีความเชื่อว่า
สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะแม่ที่ตบตีเขาจนทำให้เขาเจ็บปวดทางจิตใจ

ปี 1978 เมื่อเปโดรพ้นโทษออกจากคุกแล้วไปโคลัมเบีย เอกวาเดอร์ แล้วเริ่มเดินทางไปทั่วเปรู เดินทางไปตาม
พรมแดนของประเทศเหล่านั้นโดยเขาเริ่มพบเห็นเด็กมากหน้าหลายตา และนั้นเองทำให้เขาเกิดความคิดที่ว่า
ผมเสียความบริสุทธิ์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ผมกลัวผู้หญิง ผมต้องตัดสินใจที่จะแก้แค้นสิ่งที่ผมเคยโดนมาอดีต
คือจะข่มขืนเด็กผู้หญิงเหมือนที่ผมเคยโดน และต้องทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

โปโดรเริ่มไล่ล่าเหยื่อ โดยเหยื่อส่วนใหญ่ของเขามักจะเป็นเด็กสาวที่อยู่ตัวคนเดียวในท้องถนน ส่วนใหญ่
มักเด็กหญิงเชื้อสายอินเดียแดงเผ่าต่างๆ เพราะเผ่าที่สังคมไม่ค่อยสนใจอยู่แล้วอีกทั้งยังง่ายต่อการหลอกลวง
นำไปฆ่า โดยวิธีฆ่าที่เขามักทำประจำกับเหยื่อก็คือข่มขืนและจบด้วยการรัดคอเหยื่อ ในขณะที่รัดคอนั้น
เขาจะจ้องมองตาของเหยื่อนานหลายชั่วโมง ก่อนที่จะฝังร่างเหยื่อนั้นในหลุมที่เขาขุดเอาเองก่อนที่จะกลบทำลายหลักฐาน
ภายในไม่กี่เดือนเด็กร้อยคนจากโคลัมเบีย เอกวาเดอร์ เปรูก็หายตัวไปอย่างลึกลับ หลายคนถูกพบเป็นศพ
ในสภาพถูกทำร้ายอย่างรุนแรงแล้วถูกฝังอย่างรอบคอบ หากแต่เหยื่อส่วนใหญ่เป็นลูกและหลานชาวอินเดีย
จึงไม่ค่อยถูกนำมาพิจารณาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งทางการยังสันนิษฐานว่าสาเหตุที่เด็กหายน่าจะมาจาก
การลักพาตัวโดยเครือข่ายค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นแก๊งค์ที่ระบาดในภูมิภาคอเมริกาใต้อยู่แล้ว

และเมื่อมีเด็กหายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวพื้นเมืองที่นับถือโชคลางก็เริ่มมีความเชื่อว่าเรื่อง สัตว์ประหลาดแห่งเทือกเขาแอนดีส
วันหนึ่งในภาคเหนือของเปรู โปโดรได้เลือกเหยื่อเป็นเด็กหญิงชาวอินเดียแดง เผ่า อยาคูโซ อายุแค่ 8-9 ขวบ
แต่กระนั้นพอดีตอนที่เขาในขณะกำลังฆ่าเหยื่อ ชาวบ้านอินเดียแดงมาพบพอดี ส่งผลทำให้เขาถูกประชาทัณฑ์
ถูกกระหน่ำตี และพยายามจะฝังเขาทั้งเป็น แต่โชคยังดีที่เวลานั้นมีมัชชันนารีสอนศาสนาชาวอเมริกันมาช่วยเปโดรพอดี
เธอหว่านล้อมให้ชาวอินเดียแดงไม่ให้ฆ่าเขา เพราะเป็นการผิดต่อพระเจ้า จนชนอินเดียแดงใจอ่อน และส่งให้
ทางการเปรูตัดสิน อย่างไรก็ตามทางการตอนนั้นไม่ค่อยสนใจในเรื่องการตายของเด็กหญิงอินเดียแดงมากนัก
ทำให้เปโดรมีโทษแค่เนรเทศกลับไปเอกวาดอร์เท่านั้น

หลังจากนั้นโปโดรยังคงออกอาละวาดฆ่าผู้หญิงในแถบชายแดนเอกวาเดอร์และโคลัมเบีย เขาเรียกเหยื่อผู้หญิง
ที่ชอบเหมือนเลือกผักปลาในตลาด เหยื่อของเขาเริ่มมีอายุน้อยยิ่งขึ้นระหว่าง 8-12 ปี เขาหลอกล่อเด็กด้วยวิธีการง่ายๆ
โดยเอาขนมเข้ามาล่อแล้วพาไปข่มขืนและฆ่า วิธีการเหล่านี้ได้ผลดีจนกระทั้งเหยื่อของเขาถึงตัวเลขสามร้อย
เดือนเมษายน 1980 ในเมืองแอมบาโต เอกวาเดอร์ เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ทางการเริ่มได้ค้นพบซากศพของผู้หญิง
สี่ศพปรากฏตัวขึ้น เมื่อมีการสืบสวนอย่างเป็นทางการพบว่าศพดังกล่าวถูกฆาตกรรมและมีการอำพลางด้วยการฝังศพ
เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดว่าเป็นนี้เป็นฝีมือของฆาตกรที่ฆ่าคนมากที่สุดในโลกสมัยใหม่อย่างโปโดร

เพียงไม่ก็วันหลังจากเหตุน้ำท่วมในโคลัมเบีย ที่ตลาดนัดท้องถิ่นแห่งหนึ่งในเอกวาเดอร์ คาร์วินา รามอน โปเวดา
กำลังเดินช้อปปิ้งอยู่กับลูกสาวมารีอา อายุ 12 ปี แต่แล้วเมื่อเธอเดินไประยะเธอก็พบว่าลูกสาวของเธอได้หายตัวไป
ด้วยความตกใจเธอได้เรียกขอให้คนแถวนั้นมาช่วยเหลือ จนกระทั้งมีคนบอกว่าเห็นลูกสาวของเธอเดินออกนอกตลาด
ไปกลับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง คาร์ลิน่าจึงพาชาวบ้าน ตามล่าชายแปลกหน้าคนนั้น ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้าน
มารีอาปลอดภัย ส่วนชายแปลกหน้าก็ถูกจับได้และโดนรุมสกัมก่อนที่ตำรวจจะมาถึง...
จึงรู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นชื่อ "เปโดร อลองโซ โลเปซ"

หลังจากที่เปโดรถูกจับ ในตอนแรกเขาแสดงท่าทีเป็นบ้า ไม่จาไม่เป็นภาษาคน มือหงิกมืองอ เมื่อถูกนำตัวส่งกับ
สำนักงานใหญ่ เขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับทางการใดๆ ทั้งสิ้น เขานั่งเงียบตลอด ทางการเลยคิดแผนให้เขา
เอยปากสารภาพ โดยให้เจ้าหน้าที่ทางการสวมรอยปลอมเป็นบาทหลวงในท้องถิ่น สวมชุดนักโทษเข้าไปอยู่ในคุกด้วย
เพื่อให้เปโดรเอ่ยปาก ซึ่งแผนนี้ประสบผลสำเร็จ เพราะเปโดรเริ่มเชื่อใจบาทหลวงปลอม จนสารภาพเรื่องราว
การกระทำทั้งหมด

ผมฆ่าเด็กกว่า 300 คน จากนั้นเปโดรเริ่มสารยาย เขาสารภาพว่าเขาทำการฆาตกรรมเด็กหญิโดยแบ่งเป็น
ในเอกวาดอร์ประมาณ 110 คน ในโคลัมเบียอีก 100 คน และที่อื่นๆ อีกมากมายในเปรูอีก 100 คน
ผมชอบผู้หญิงในเอกวาดอร์ โปโดรบอกตำรวจ พวกเธอไร้เดียงสาและอ่อนโยน ไว้เนื้อเชื่อใจง่าย และบริสุทธิ์
ไม่เหมือนเด็กหญิงโคลัมเบีย

หลังจากโปโดรสารภาพ เขาก็ตำหนิชีวิตอันโดดเดี่ยวของตนเองสมัยยังเด็ก ผมสูญเสียความไร้เดียงสา
ตั้งแต่อายุแปดขวบ เขาอธิบาย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะทำแบบเดียวกันกับหญิงสาวอายุเท่ากับผม เท่าที่จะมากได้
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถามโปโดรว่ารู้สึกอย่างไรที่ฆ่าคน เขาตอบว่า...

"ผมมีความสุขในการฆาตกรรมแต่ละครั้ง ผมชอบมองตาเหยื่อเวลาถูกฆ่า มันเป็นช่วงเวลาที่ผมเสมือนพระเจ้า
เวลาที่ผมรัดรอบของเหล่าเด็กผู้หญิงและดูแสงเลือนลงในตาของพวกเขา มันเป็นช่วงเวลาแห่งความตาย
ที่ตื่นเต้นชะมัด เด็กหญิงแต่ะละคนใช้เวลานานกว่าสิบห้านานทีก่อนที่จะตาย หลังจากค่ำคืนการฆาตกรรม
ผมก็รู้สึกเบื่อ และก่อนที่จะเลือกเหยื่อใหม่อีกครั้ง มันเหมือนกับเลือกกินไห่ไม่มีผิด"
ด้วยจำนวนเหยื่อที่มากเกินไป ทำให้ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจโคลัมเบียแทบไม่เชื่อคำสารภาพน่ากลัวที่เปโดรเล่า
แต่เมื่อประสานงานกับทางการเปรูและโคลัมเบียก็เริ่มเชื่อบ้างแต่ไม่มากนัก จนเปโดรทนไม่ไหวจึงขออาสาพาไป
พิสูจน์ตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศที่ตนทิ้งศพไว้

เพียงไม่กี่วันหลังจากโปโดรสารภาพ สำนักงานงานใหญ่ตำรวจในสามประเทศต่างตื่นตัว รีบตั้งกองตำรวจคาราวาน
ไปตามคำบอกเล่าของเปโดรในสภาพโซ่ตรวจ เพื่อนำตัวเขาไปชี้จุดที่เกิดเหตุ ตามที่ต่างๆ เริ่มจากซอกหลืบ
ใกล้เมืองแอมบาโต ตำรวจพบศพเด็กหญิงอายุ 8 ขวบ และ 12 ขวบ ร่วม 53 ศพ นอกจากนี้เปโดรพาตำรวจ
ไปดูตามจุดกว่า 28 แห่ง แต่ไม่พบศพเพิ่มเติม สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะสัตว์มากัดแทะ และถูกอุทกภัย
พัดพาไปที่อื่น

เมื่อกลับมาถึงสำนักงานใหญ่ตำรวจ เปโดรถูกตั้งข้อหา 57 จากคดีฆาตกรรม แม้เขาจะสารภาพว่าฆ่าไป 110 ศพก็ตาม
ส่วนเรื่องราวการพิจารณาคดีของเปโดร ทางการไม่ต้องการเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ว่าปลายปี 1980 เปโดร โลเปซ
ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนมากกว่าหนึ่งคน และพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตและมีสิทธิไต่สวนอีกครั้งที่ศาลในโคลัมเบียและเปรู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่