เป็นเวลาสิบปี ที่ผมตามติดข่าวบางอย่าง
ผมเปิดระบบติดตามที่ติดตั้งไว้ในตัวเท็ดดี้ หุ่นเจ้าของบาร์เหล้าชื่อดังคนนั้น -- ผมตามข่าวหน้าหนึ่งของกองหนังสือพิมพ์ตรงหน้า -- มองหาข่าวนักวิทยาศาสตร์ที่พร้อมจะส่งหุ่นยนต์ไปสำรวจพื้นที่ใหม่ในมหาสมุทร ข่าวทางการแพทย์ที่เริ่มให้หุ่นยนต์แพทย์ทดลองปฏิบัติการเชิงสนาม และข่าวต่างประเทศที่ใช้เริ่มใช้ทูตเป็นหุ่นยนต์ในการเจรจาและลงพื้นที่ต่างถิ่น ไปจนถึงข่าวที่พบซากหุ่นถูกชำแหละ แยกชิ้นส่วน ส่งไปขายในตลาดมืด -- ตลาดมืดที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครตามหาพิกัดเจอ
หากแต่ข่าวหนึ่งสะดุดตาผม --
มันคือข่าวละครเวทีเรื่องสุดท้าย ที่กำลังจะแสดงในโรงละครเก่าแก่ของตัวเมืองแห่งนี้
ผมเลื่อนสายตามองไปตามเนื้อหาข่าว ก่อนที่จะพบว่ามันเต็มไปด้วยรายชื่อของแขกคนสำคัญทั้งสิ้น
ทำไม
ทุกคนถึงมาที่แห่งนี้กัน
ผมมองหาข้อมูลสอดแนมที่ได้จากระบบของเท็ดดี้ -- หากแต่ท่ามกลางผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาในบาร์เท็ดดี้นั้น กลับไม่มีใครหลุดพูดถึงข้อมูลนี้เลยสักคน
ครั้งนี้ผมอาจจะติดตามข่าวลือจากเท็ดดี้ไม่ได้
ผมตัดสินใจตามติดบรรดาแขกคนสำคัญที่ถูกเชิญไปยังโรงแรมแห่งนั้น มองสีหน้าอันนิ่งสนิทของพวกเขาในขณะที่คุยกันอยู่ในโถงโรงแรม ในชุดสูท และชุดราตรีอันสวยงามเหล่านั้นอย่างเงียบๆ
ใครเชิญพวกเขามาในเวลาเดียวกัน และที่เดียวกันแบบนี้ --
แล้วผมก็ได้พบคำตอบ ว่าใครคนนั้นก็คือหญิงร่างเล็กคนหนึ่ง
เธอคือแมกดาลีน --
เธอส่งหุ่นผู้ช่วย ที่ชื่อเอมิลี่ ไปเชิญพวกเขาทุกคนมาที่โรงละครแห่งนี้
เธอเรียกพวกเขามาเพื่อเป็นสักขีพยานในจุดจบของโศกนาฏกรรมเรื่องราวความรักระหว่างเธอกับคนรัก --
อดัมกับอีฟ
เธอต้องการให้หุ่นยนต์ทุกตัวในเครือข่ายรับรู้ในการจากไปของอดัม
แต่คืนวันเดียวกันนั้น เธอก็ได้ให้โอกาสผมดำเนินการแผนการของผมเช่นเดียวกัน --
เธอคิดว่าผมต้องการตัวอดัมกลับไปเท่านั้น -- แต่ความจริงแล้ว ผมไม่ได้มาที่นี่แค่เพื่อการนั้น
ถึงตรงนี้แมกดาลีนก็มองหน้าผมนิ่ง
“เป็นคุณที่สอดแนมเครือข่ายเรามาโดยตลอด” เธอกระซิบ
ผมไม่ได้ตอบกลับไป
“เป็นคุณที่พยายามเข้าระบบความปลอดภัยของอดัมมาตลอด” เธอว่า “เป็นคุณที่สอดแนมทุกอย่างจากระบบของเท็ดดี้”
ผมนิ่งไปเล็กน้อย
อันที่จริงแล้ว -- เป็นผมที่ตั้งชื่อเขาใหม่จากลานเศษขยะว่าเท็ดดี้ -- ชื่อของเขาถูกตั้งตามตุ๊กตาหมีที่รักของเวนดี้ เด็กหญิงในความทรงจำของผม
“เป็นคุณนี่เอง ที่เดินประชิดขอบเวทีเข้ามา ก่อนที่ฉันจะลั่นปืน” เธอกระซิบ “เป็นคุณที่ระเบิดโรงละครทิ้ง”
ผมยังคงจ้องมองแมกดาลีนนิ่ง ในตอนที่ตอบกลับไปว่า “ใช่”
สิ่งที่แมกดาลีนทำ ทำให้ในโรงละครแห่งนี้เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ที่มีบทบาทสำคัญในเครือข่ายแห่งนี้
แมกดาลีนได้เชิญพวกเขามาที่นี่แล้ว
พวกเขาเก่งกาจ ระวังตัว และมีความสำคัญต่อเครือข่ายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่มนุษย์พยายามโค่นล้มหุ่นยนต์ลง และมีหุ่นกบฏพร้อมไล่ล่าอะไหล่หุ่นยนต์ส่งตลาดมืดเช่นนี้
“แต่พวกเขายังคงเป็นหุ่นรุ่นเก่า” ผมกระซิบต่อไป “พวกเขาไม่ทนทานต่อน้ำ”
แมกดาลีนจ้องมองผม โดยไม่พูดอะไรออกมา ในตอนที่ผมบอกว่า “ผมพยายามเข้าระบบโรงละครแห่งนี้”
ผมนึกถึงสายตาของเอมิลี่ ที่จับจ้องมายังผม ในตอนที่ผมพยายามเข้ารหัสโรงละคร “
นั่นคุณกำลังทำอะไร” เธอถาม
ผมไม่ได้บอกเอมิลี่ในตอนนั้นว่าผมกำลังดำเนินการตามแผนของผมอยู่
“ผมเปิดระบบดับเพลิง ปล่อยน้ำออกมาทุกห้องฉายสามมิติ ในตอนที่ละครจบลง”
เสียงทุบประตูห้องฉายที่ถูกผมติดตั้งระบบปิดถาวรเอาไว้นั้น ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาคำรามลั่น พยายามถอดรหัส เปิดประตู ให้ตนเองเป็นอิสระจากห้องที่ถูกพ่นน้ำไปทั่วบริเวณ
ผมเดินมายังเวที แล้วยืนนิ่งอยู่กลางเวทีแห่งนั้น --
มองร่างสามมิติตามเก้าอี้ผู้ชม ที่ค่อยๆล้มลงกับพื้น -- สั่นกระตุกอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเสียงโลหะดังลั่นเอียดอาด ก้องกังวานไปทั่วทั้งโถง
แล้วเสียงอันคุ้นเคยเสียงนั้นก็กลับมาอีกครั้ง --
เสียงคล้ายกับกระแสไฟฟ้าที่ใกล้ระเบิดเต็มทีนั่น --
เสียงเดียวกันกับที่ผมได้ยินในลานทิ้งหุ่นเมื่อสิบปีก่อน
ผมก้มลงโอบอุ้มร่างของแมกดาลีนขึ้นมา แล้วก้าวเดินไปหลังม่านสีแดงขนาดยักษ์นั่น
ฉับพลันนั้น เสียงหนึ่งก็ดังลั่น พร้อมกับร่างของหุ่นนับร้อยตนที่ระเบิดเป็นชิ้นๆ!
บรึ้ม!!!
แมกดาลีนมองผมนิ่ง --
นั่นไม่ใช่สีหน้าตื่นตกใจ หากแต่เป็นสีหน้าต้องการคำอธิบาย
ผมต้องการทำลายหุ่นทั้งหมดนั่น -- ไม่ใช่เพียงตัวของอดัม -- และผมยังติดค้างคำอธิบายกับเธอ
“ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่” ผมบอกช้าๆ “แต่ผมมีเหตุผลของผมเอง”
ผมนึกถึงเวนดี้ เด็กหญิงที่ผมทำให้เธอตาบอดตลอดชีวิต เพราะผมให้ความสำคัญเพียงโอกาสความอยู่รอด มากกว่าการได้ใช้ชีวิตอย่างแท้จริง
ผมนึกถึงใบหน้าของแม่ผม ที่จดจำผมไม่ได้แม้สักนิดในลานเศษหุ่นนั่น -- และนึกถึงตนเองแทงแม่ด้วยเหล็กหนาท่อนนั้น เมื่อระบบป้องกันตัวสูงสุดเริ่มทำงาน
จากนั้นผมก็นึกถึงอดัม ที่พยายามยึดครองโลกใบนี้จากมนุษย์
“หุ่นไม่อาจเป็นใหญ่ได้ในโลกใบนี้ --” ผมบอกแมกดาลีน “เพราะเราอาจจะทำให้โลกนี้พังทลายได้ในพริบตา จากการที่เราไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากการป้องกันตัวและความอยู่รอดเท่านั้น”
ผมไม่อาจปล่อยให้อดัม หรือหุ่นตัวไหน ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้อีกต่อไป
“คุณตามสืบเรื่องเขามาตลอดเลยหรือ” แมกดาลีนถาม
ผมพยักหน้า
ตลอดสิบปีนี้ ผมพยายามสืบหาว่าใครคือจุดเริ่มต้นของเครือข่ายหุ่นยนต์
ผมตามล่าหาอดัม ผู้ใช้ชีวิตในคราบของเจมส์ แม็คเกรเกอร์ -- คนที่ใช้ตัวตนของพ่อผมมาโดยตลอด
“พวกเขาต้องถูกทำลายทั้งหมด” ผมกระซิบ
แมกดาลีนส่ายหน้า “คุณคิดการณ์ใหญ่ ไม่ต่างจากเขา” เธอบอก “คุณเองก็คิดว่าความคิดของคุณถูกต้อง -- คุณเองก็คิดว่าแผนการของคุณยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ”
ผมพยักหน้าช้าๆ
“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณคิดแบบนั้น” ผมบอก
“แต่ผมลองให้โอกาสแล้ว”
POSTHUMOUS (35)
ผมเปิดระบบติดตามที่ติดตั้งไว้ในตัวเท็ดดี้ หุ่นเจ้าของบาร์เหล้าชื่อดังคนนั้น -- ผมตามข่าวหน้าหนึ่งของกองหนังสือพิมพ์ตรงหน้า -- มองหาข่าวนักวิทยาศาสตร์ที่พร้อมจะส่งหุ่นยนต์ไปสำรวจพื้นที่ใหม่ในมหาสมุทร ข่าวทางการแพทย์ที่เริ่มให้หุ่นยนต์แพทย์ทดลองปฏิบัติการเชิงสนาม และข่าวต่างประเทศที่ใช้เริ่มใช้ทูตเป็นหุ่นยนต์ในการเจรจาและลงพื้นที่ต่างถิ่น ไปจนถึงข่าวที่พบซากหุ่นถูกชำแหละ แยกชิ้นส่วน ส่งไปขายในตลาดมืด -- ตลาดมืดที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครตามหาพิกัดเจอ
หากแต่ข่าวหนึ่งสะดุดตาผม --
มันคือข่าวละครเวทีเรื่องสุดท้าย ที่กำลังจะแสดงในโรงละครเก่าแก่ของตัวเมืองแห่งนี้
ผมเลื่อนสายตามองไปตามเนื้อหาข่าว ก่อนที่จะพบว่ามันเต็มไปด้วยรายชื่อของแขกคนสำคัญทั้งสิ้น
ทำไมทุกคนถึงมาที่แห่งนี้กัน
ผมมองหาข้อมูลสอดแนมที่ได้จากระบบของเท็ดดี้ -- หากแต่ท่ามกลางผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาในบาร์เท็ดดี้นั้น กลับไม่มีใครหลุดพูดถึงข้อมูลนี้เลยสักคน
ครั้งนี้ผมอาจจะติดตามข่าวลือจากเท็ดดี้ไม่ได้
ผมตัดสินใจตามติดบรรดาแขกคนสำคัญที่ถูกเชิญไปยังโรงแรมแห่งนั้น มองสีหน้าอันนิ่งสนิทของพวกเขาในขณะที่คุยกันอยู่ในโถงโรงแรม ในชุดสูท และชุดราตรีอันสวยงามเหล่านั้นอย่างเงียบๆ
ใครเชิญพวกเขามาในเวลาเดียวกัน และที่เดียวกันแบบนี้ --
แล้วผมก็ได้พบคำตอบ ว่าใครคนนั้นก็คือหญิงร่างเล็กคนหนึ่ง
เธอคือแมกดาลีน --
เธอส่งหุ่นผู้ช่วย ที่ชื่อเอมิลี่ ไปเชิญพวกเขาทุกคนมาที่โรงละครแห่งนี้
เธอเรียกพวกเขามาเพื่อเป็นสักขีพยานในจุดจบของโศกนาฏกรรมเรื่องราวความรักระหว่างเธอกับคนรัก -- อดัมกับอีฟ
เธอต้องการให้หุ่นยนต์ทุกตัวในเครือข่ายรับรู้ในการจากไปของอดัม
แต่คืนวันเดียวกันนั้น เธอก็ได้ให้โอกาสผมดำเนินการแผนการของผมเช่นเดียวกัน --
เธอคิดว่าผมต้องการตัวอดัมกลับไปเท่านั้น -- แต่ความจริงแล้ว ผมไม่ได้มาที่นี่แค่เพื่อการนั้น
ถึงตรงนี้แมกดาลีนก็มองหน้าผมนิ่ง
“เป็นคุณที่สอดแนมเครือข่ายเรามาโดยตลอด” เธอกระซิบ
ผมไม่ได้ตอบกลับไป
“เป็นคุณที่พยายามเข้าระบบความปลอดภัยของอดัมมาตลอด” เธอว่า “เป็นคุณที่สอดแนมทุกอย่างจากระบบของเท็ดดี้”
ผมนิ่งไปเล็กน้อย
อันที่จริงแล้ว -- เป็นผมที่ตั้งชื่อเขาใหม่จากลานเศษขยะว่าเท็ดดี้ -- ชื่อของเขาถูกตั้งตามตุ๊กตาหมีที่รักของเวนดี้ เด็กหญิงในความทรงจำของผม
“เป็นคุณนี่เอง ที่เดินประชิดขอบเวทีเข้ามา ก่อนที่ฉันจะลั่นปืน” เธอกระซิบ “เป็นคุณที่ระเบิดโรงละครทิ้ง”
ผมยังคงจ้องมองแมกดาลีนนิ่ง ในตอนที่ตอบกลับไปว่า “ใช่”
สิ่งที่แมกดาลีนทำ ทำให้ในโรงละครแห่งนี้เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ที่มีบทบาทสำคัญในเครือข่ายแห่งนี้
แมกดาลีนได้เชิญพวกเขามาที่นี่แล้ว
พวกเขาเก่งกาจ ระวังตัว และมีความสำคัญต่อเครือข่ายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่มนุษย์พยายามโค่นล้มหุ่นยนต์ลง และมีหุ่นกบฏพร้อมไล่ล่าอะไหล่หุ่นยนต์ส่งตลาดมืดเช่นนี้
“แต่พวกเขายังคงเป็นหุ่นรุ่นเก่า” ผมกระซิบต่อไป “พวกเขาไม่ทนทานต่อน้ำ”
แมกดาลีนจ้องมองผม โดยไม่พูดอะไรออกมา ในตอนที่ผมบอกว่า “ผมพยายามเข้าระบบโรงละครแห่งนี้”
ผมนึกถึงสายตาของเอมิลี่ ที่จับจ้องมายังผม ในตอนที่ผมพยายามเข้ารหัสโรงละคร “นั่นคุณกำลังทำอะไร” เธอถาม
ผมไม่ได้บอกเอมิลี่ในตอนนั้นว่าผมกำลังดำเนินการตามแผนของผมอยู่
“ผมเปิดระบบดับเพลิง ปล่อยน้ำออกมาทุกห้องฉายสามมิติ ในตอนที่ละครจบลง”
เสียงทุบประตูห้องฉายที่ถูกผมติดตั้งระบบปิดถาวรเอาไว้นั้น ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาคำรามลั่น พยายามถอดรหัส เปิดประตู ให้ตนเองเป็นอิสระจากห้องที่ถูกพ่นน้ำไปทั่วบริเวณ
ผมเดินมายังเวที แล้วยืนนิ่งอยู่กลางเวทีแห่งนั้น --
มองร่างสามมิติตามเก้าอี้ผู้ชม ที่ค่อยๆล้มลงกับพื้น -- สั่นกระตุกอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเสียงโลหะดังลั่นเอียดอาด ก้องกังวานไปทั่วทั้งโถง
แล้วเสียงอันคุ้นเคยเสียงนั้นก็กลับมาอีกครั้ง --
เสียงคล้ายกับกระแสไฟฟ้าที่ใกล้ระเบิดเต็มทีนั่น --
เสียงเดียวกันกับที่ผมได้ยินในลานทิ้งหุ่นเมื่อสิบปีก่อน
ผมก้มลงโอบอุ้มร่างของแมกดาลีนขึ้นมา แล้วก้าวเดินไปหลังม่านสีแดงขนาดยักษ์นั่น
ฉับพลันนั้น เสียงหนึ่งก็ดังลั่น พร้อมกับร่างของหุ่นนับร้อยตนที่ระเบิดเป็นชิ้นๆ!
บรึ้ม!!!
แมกดาลีนมองผมนิ่ง --
นั่นไม่ใช่สีหน้าตื่นตกใจ หากแต่เป็นสีหน้าต้องการคำอธิบาย
ผมต้องการทำลายหุ่นทั้งหมดนั่น -- ไม่ใช่เพียงตัวของอดัม -- และผมยังติดค้างคำอธิบายกับเธอ
“ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่” ผมบอกช้าๆ “แต่ผมมีเหตุผลของผมเอง”
ผมนึกถึงเวนดี้ เด็กหญิงที่ผมทำให้เธอตาบอดตลอดชีวิต เพราะผมให้ความสำคัญเพียงโอกาสความอยู่รอด มากกว่าการได้ใช้ชีวิตอย่างแท้จริง
ผมนึกถึงใบหน้าของแม่ผม ที่จดจำผมไม่ได้แม้สักนิดในลานเศษหุ่นนั่น -- และนึกถึงตนเองแทงแม่ด้วยเหล็กหนาท่อนนั้น เมื่อระบบป้องกันตัวสูงสุดเริ่มทำงาน
จากนั้นผมก็นึกถึงอดัม ที่พยายามยึดครองโลกใบนี้จากมนุษย์
“หุ่นไม่อาจเป็นใหญ่ได้ในโลกใบนี้ --” ผมบอกแมกดาลีน “เพราะเราอาจจะทำให้โลกนี้พังทลายได้ในพริบตา จากการที่เราไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากการป้องกันตัวและความอยู่รอดเท่านั้น”
ผมไม่อาจปล่อยให้อดัม หรือหุ่นตัวไหน ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้อีกต่อไป
“คุณตามสืบเรื่องเขามาตลอดเลยหรือ” แมกดาลีนถาม
ผมพยักหน้า
ตลอดสิบปีนี้ ผมพยายามสืบหาว่าใครคือจุดเริ่มต้นของเครือข่ายหุ่นยนต์
ผมตามล่าหาอดัม ผู้ใช้ชีวิตในคราบของเจมส์ แม็คเกรเกอร์ -- คนที่ใช้ตัวตนของพ่อผมมาโดยตลอด
“พวกเขาต้องถูกทำลายทั้งหมด” ผมกระซิบ
แมกดาลีนส่ายหน้า “คุณคิดการณ์ใหญ่ ไม่ต่างจากเขา” เธอบอก “คุณเองก็คิดว่าความคิดของคุณถูกต้อง -- คุณเองก็คิดว่าแผนการของคุณยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ”
ผมพยักหน้าช้าๆ
“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณคิดแบบนั้น” ผมบอก “แต่ผมลองให้โอกาสแล้ว”