ลาทีความเหงาในวันเสาร์สีม่วง
ล. วิลิศมาหรา
ความเหงา เพื่อนสนิทของใครหลายคน มันเกาะติดเราเหมือนไม่มีวันจากเราไปไหน ตามเราไปเป็นเงาในทุกที่ทุกเวลาที่เราเผลออยู่คนเดียว ผมเกลียดมันจัง และหวังว่าสักวันเราจะมีใครสักคนเดินเข้ามาในชีวิต คอยอยู่เคียงข้างกัน คอยกางแขนกั้นเจ้าความเหงาไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้ และกำจัดมันให้หายไปจากหัวใจเสียที...ขอแค่ใครสักคนเท่านั้น คนเดียวก็เกินพอ
คุณก็คงเคยรู้จักไอ้เพื่อนบ้าที่ชื่อความเหงานี้ใช่ไหม มือมันเหนียวเหมือนตุ๊กแก วัน ๆ มันเกาะติดผมแจ สมัยยังเป็นวัยรุ่น ผมไม่เคยรู้จักมันเลยนะ ง่วนอยู่กับตำรับตำรา การบ้านกองพะเนินท่วมหัว เล่นซนเป็นลิง ตกเสาร์อาทิตย์ก็ชวนกันไปห้างฯ ไม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามกันเป็นขบวน จะแว้นหรือไม่แว้นไม่รู้ล่ะ...รู้แต่มันสนุก
พอยี่สิบต้น ๆ เจ้าความเหงามันก็ยังห่าง ๆ เราอยู่นะ มาเยี่ยมเยียนเป็นบางครั้ง เวลาโดนแฟนทิ้ง โชคยังดีที่ไอ้เพื่อนคนอื่นมันก็เป็นเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน เลยพากันตั้งวงก๊งเหล้า เมาหัวซุน กอดคอปลอบใจกันไปตามเรื่อง แต่พอขึ้นเลขสาม ไอ้พวกเพื่อนที่เคยกอดคอกันอ้วก ก็เริ่มหายหน้าไปทีละคน...ทีละคน จนหมดเกลี้ยง สาเหตุคือพวกมันมีเมียคอยโทร.ตาม มันเป็นเหมือนกันทุกคน ท่าทางพวกมันจะพากันเป็นโรคติดต่อ...โรคเกรงใจเมีย
เหลือผมอยู่คนเดียวที่ตอนนี้ยังโสดสนิท จะว่าเรื่องมากก็ใช่ มันยังไม่ถูกใจใคร อีกอย่างผมเข็ด เวลาทุ่มเทใจให้ใครแล้ว ถูกเขาทิ้งไปหาคนอื่น มันเจ็บปวดหัวใจดีพิลึก พอโดนทิ้งไปสองสามหน ผมเลยมีท้อ พาลเลิกคิดจริงจังกับใคร ถ้าหาคนที่ใช่ไม่เจอจริง ๆ ก็ขอเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาแบบนี้แหละ สบายใจดี
ความจริงผมเป็นคนหน้าตาดี ถึงไม่หล่อขั้นเทพเหมือนโดม ปกรณ์ลัม แต่สาว ๆ ก็ชอบเหล่มองผมล่ะ อันนี้พูดจริงไม่ได้โม้ ผมพิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัว ของที่ใช้ต้องมีระดับ เรียกว่าเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้า ผมทำตัวหล่อประชดคนที่ทิ้งผมไป ก็มันเรื่องอะไรต้องมานั่งเศร้า ทำตัวทรุดโทรมให้เขาเวทนา ยิ่งเศร้าผมก็ยิ่งเสริมหล่อ
อย่างที่บอก ผมเข็ดเรื่องความรัก ถ้าจะมีอีกครั้งต้องแน่ใจว่า ‘ใช่’ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่เสียที
ที่บ้านผมฐานะดีด้วย พูดแล้วจะหาว่าคุย บ้านผมค้าขายรายได้เดือนละเป็นแสน ผมรับมะพร้าวจากแถวนครปฐม เอามาเข้าเครื่องไฮดอลิก คั้นออกมาเป็นกะทิ ขายวันละหลายร้อยกิโล ขายขนมจีนคู่กะทิ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ลูกค้าเดินเข้าเดินออกกันให้ขวัก ผมทำกับน้องสองคน ผลัดเวรกันเฝ้าร้าน ผมตื่นแต่ตีหนึ่งเฝ้าครึ่งเช้า พอครึ่งบ่ายน้องสาวถึงมาเปลี่ยนเวร ยายนี่ก็โสดไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
หลังเที่ยงวันไปแล้วผมก็เลยว่าง คราวนี้เจ้าความเหงามันค่อยได้โอกาส เข้ามาเสนอหน้าขอเป็นเพื่อนซี้ ไล่มันก็ไม่ไป....ไอ้สลัด....
“พี่อ๊อดไปดูบอลกัน”
ข้อความถูกส่งมาในเฟซบุก น้องผู้ชายพวกนี้ผมเจอในเฟซฯ พอพวกเพื่อนแต่งงานไปกันหมด ผมเลยหันมาคบกับรุ่นน้อง แต่พวกน้อง ๆ ก็ใช่ว่าจะมาคุยด้วยทุกวัน ถึงยังไงเราก็ต่างวัยกัน นอกจากบางวันเท่านั้นที่น้องมันตั้งใจชวนผมเป็นพิเศษ อย่างเช่นคืนวันศุกร์เมื่อวานนี้
“ที่ไหน”
ผมถามกลับไป น้องคนนี้มันชื่อเสก โลโก้ ไม่รู้มันเป็นอะไรกับเสก โลโซ หน้าตามันคล้ายเขา แต่เสียงร้องไม่คล้าย ร้องเพลงเสียงเหมือนควายโดนเชือด มันบอกชื่อร้านที่มีบริการให้คอบอลพร้อมทั้งคอเหล้า
อ้อ...วันนี้มีศึกวันแดงเดือด มิน่าไอ้หมอนี่มันชวนยิก ๆ ผมตอบตกลงไป เด็กพวกนี้มันบ้าบอล ผมชอบดูพวกมันเชียร์บอลมากกว่าจะดูบอลเตะกัน พอบอลตัวเองเตะชนะ พวกมันถึงกับต้องแก้ผ้า มันแก้ผ้าวิ่งรอบร้านอย่างหน้าชื่นตาบานเป็นที่สุด แต่พอบอลแพ้ก็พากันซึมกะทือ ข้าวปลากินไม่ลง เรียกหาแต่เหล้ามาย้อมใจ บางคนคงไม่แค่เสียใจ ท่าทางจะเสียเงินไปโขอยู่
รับปากน้องมันแล้ว ผมจึงนับเงินในกระเป๋าดู กะใส่ไปเผื่อน้อง ๆ มันด้วย เพราะผมเป็นพี่ใหญ่ จะให้น้องจ่ายก็ดูกระไรอยู่ แต่ไม่บ่อยนักหรอก ของอย่างนี้มันต้องมีลิมิต
ผมอยู่สนุกด้วยที่ร้านไม่เกินตีหนึ่ง เพราะมีงานต้องรับผิดชอบ น้องมันก็รู้ นาน ๆ ถึงมาชวนที เมื่อวานนี้ก็สนุกดี แต่พอวันนี้ผมก็กลับมาเหงาเหมือนเดิม
วันนี้ถ้าน้องมาชวนไปกินเหล้า ผมคงไม่ไป เมื่อคืนเมาเละ อ้วกจนขมปาก ปวดหัวทั้งวัน ผลัดเวรเฝ้าร้านกันกับน้องสาว แล้วเดินเข้าห้องชงกาแฟกิน งัดสมุดบันทึกเล่มเก่าออกมากางอ่าน ในนั้นเคยบันทึกไว้ว่า จะต้องเป็นนักเขียนให้ได้ ฟังดูแล้วโรแมนติกดี และเป็นหนึ่งในความฝันของผมเลยทีเดียว ตอนนี้ผมก็กำลังตะกายไปให้ถึงฝันอยู่
ผมชอบจดบันทึก จดทุกวันเพื่อฆ่าเวลา พอเอามาอ่านดูเห็นว่าเข้าท่า เป็นเรื่องเป็นราวดี ผมเลยผูกเรื่องเป็นนิยาย สมมุติตัวเองเป็นพระเอกมาตามหาเจ้าสาวในอุดมคติที่ร้านขายกะทิ...พอนึกถึงเจ้าสาว ผมรู้สึกสับสนว่าตัวเองต้องการคนแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิตกันแน่ สองคนที่เคยคิดว่าใช่ แต่เพราะมัวลังเลผมก็เลยชวด อีกคนที่เขาดูจริงจังกว่า ผมก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ใจตัวเองดี ในที่สุดเขาก็ทิ้งผมไปหาคนที่ใช่กว่า
ถ้าเบื่อเขียนหนังสือขึ้นมา ผมก็เข้าอินเทอร์เนต ท่องเว็บไซต์หาคู่ อย่าแปลกใจที่คนหล่อแบบผมมาหาคู่ที่นี่ บางทีคนหล่อก็อาภัพรัก หาแฟนตัวเองไม่เจอ คุยกันผ่านโซเชียลก็สนุก หายเหงาดีเหมือนกัน
วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมจดลงในสมุดบันทึกว่าผมเหงาหนักมาก จิ้มเฟซฯ กดไล้ค์ให้เพื่อนไปแกน ๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์โต้ตอบ ไล่วนดูเฟซฯอยู่หน้าโน้ตบุก เบื่อแล้วก็เข้าเว็บไซค์หาคู่ คลิกค้นหาในสิ่งที่ต้องการ หวังว่าไม่นานอาจหาเจอคนที่ใช่จริง ๆ ผมเชื่อว่ายังมีคนนั้นอยู่บนโลกใบนี้อย่างแน่นอน
รับได้ในสิ่งที่ผมเป็น เข้าอกเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ ที่บอกว่าช่างเลือก ผมไม่ได้หมายถึงหน้าตาหรือฐานะ ต่อให้หน้าตาธรรมดาหรือจนแสนจนก็ไม่ใช่ปัญหา สำคัญคือคนแบบนั้นอยู่ที่ไหน ทำไมช่างค้นหาได้ยากเย็นเหลือเกิน
สะดุดใจอยู่ที่ชื่อหนึ่ง ผมคลิกเข้าไปดูภาพโปรไฟล์
พระเจ้า! คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ย ให้ตายเถอะ ผมเห็นใบหน้านั้นแวบแรก รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตอย่างนั้นแหละ มันร้อนวาบ ก่อนซ่าไปทั้งตัว ตอนที่จ้องเข้าไปในตาดำคมขำ หวานใสเหมือนเด็กขี้อ้อน จมูกเล็กโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ๆ ต้องตาต้องใจอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รอช้ารีบค้นหาเฟซฯจนเจอ แล้วทักไปทันที
เหมือนเทพอุ้มสม เพียงครู่เดียวก็ได้รับทักตอบ ผมดีใจมาก เราเริ่มต้นคุยกันด้วยประโยคแนะนำตัวธรรมดา จนเราเริ่มคุ้นกัน จากนั้นเราก็เปลี่ยนมาคุยทางวีดีโอคอล คุยกันนานมาก ตั้งแต่เที่ยงวันจนเกือบเที่ยงคืน มีหยุดพักกินขนมกินน้ำ เข้าห้องน้ำห้องท่าบ้าง เสร็จแล้วเราก็คุยกันต่อ เราหัวเราะขำ ระบายเรื่องราวในใจ ปลอบโยนกันไปมา
บางครั้งก็น้ำตาซึมเมื่อมีคำพูดโดนใจ รู้สึกอบอุ่นใจ เต็มตื้นอยู่ในอก พร่ำบอกไปว่าผมรอมานานเหลือเกิน ไปอยู่ที่ไหนมา ผมต้องการเห็นหน้า อยากสัมผัส อยากใกล้ชิด ปลายสายตอบมาว่า รู้สึกกับผมแบบนั้นเหมือนกัน เท่านั้นแหละน้ำตาของผมก็ไหล จนท้ายที่สุด เราก็สารภาพรักกัน
ครับ! ผมบอกรักคนที่ผมเพิ่งเจอวันแรกทางวีดีโอคอล และผมเชื่อจริง ๆ ว่า ผมบอกรักไม่ผิดคน เรื่องราวต่อจากนั้นค่อนข้างโรแมนติก ความหวานทะลุเพดานจนสุดจะทานทน... แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจขอดูรูปร่างว่าที่เจ้าสาวของผมตามสเต็บ
อย่างไม่อิดออดแม้แต่น้อย เริ่มจากท่อนบนก่อน เสื้อยืดค่อย ๆ ถูกถอดออก ผมจ้องตาเป๋ง ไล่สายตาจากใบหน้าน่ารัก มาที่ลำคอขาวผ่อง และบ่าสองข้าง หน้าอกสมส่วน ลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ จ้องดูลายสักที่แขนขวาจดข้อศอก ด้วยใจอันสั่นสะท้าน ซาบซ่านไปทั้งตัว พอเลื่อนสายตามาถึงท่อนล่าง ใจสั่น ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเต้นแรงโครมคราม จนแทบจะโดดออกมานอกอก เลือดฉีดขึ้นหน้าจนหน้าร้อนผ่าว ผมคอแห้ง กลืนน้ำลายดังเอื้อก ก่อนครางออกมา
“บอกสถานที่มาเลยทูนหัว พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้”
เสียงของผมสั่นพร่า ขณะนี้เป็นเวลาตีหนึ่งของวันใหม่ เสียงรถขนมะพร้าวมาส่ง ดังกระหึ่มอยู่หน้าบ้าน เสียงน้องสาวบ่นพึมว่าผมหายศีรษะไปไหน ผมไม่สนใจ อีกเดี๋ยวผมจะไปตามนัด วันเสาร์เหงา ๆได้ผ่านไปแล้ว ต่อแต่นี้ไป ทุกวันของผมจะมี ‘เขา’ เคียงข้าง.....ผมไม่เหงาอีกแล้ว
จบ
ลาทีความเหงาในวันเสาร์สีม่วง
ล. วิลิศมาหรา
ความเหงา เพื่อนสนิทของใครหลายคน มันเกาะติดเราเหมือนไม่มีวันจากเราไปไหน ตามเราไปเป็นเงาในทุกที่ทุกเวลาที่เราเผลออยู่คนเดียว ผมเกลียดมันจัง และหวังว่าสักวันเราจะมีใครสักคนเดินเข้ามาในชีวิต คอยอยู่เคียงข้างกัน คอยกางแขนกั้นเจ้าความเหงาไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้ และกำจัดมันให้หายไปจากหัวใจเสียที...ขอแค่ใครสักคนเท่านั้น คนเดียวก็เกินพอ
คุณก็คงเคยรู้จักไอ้เพื่อนบ้าที่ชื่อความเหงานี้ใช่ไหม มือมันเหนียวเหมือนตุ๊กแก วัน ๆ มันเกาะติดผมแจ สมัยยังเป็นวัยรุ่น ผมไม่เคยรู้จักมันเลยนะ ง่วนอยู่กับตำรับตำรา การบ้านกองพะเนินท่วมหัว เล่นซนเป็นลิง ตกเสาร์อาทิตย์ก็ชวนกันไปห้างฯ ไม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามกันเป็นขบวน จะแว้นหรือไม่แว้นไม่รู้ล่ะ...รู้แต่มันสนุก
พอยี่สิบต้น ๆ เจ้าความเหงามันก็ยังห่าง ๆ เราอยู่นะ มาเยี่ยมเยียนเป็นบางครั้ง เวลาโดนแฟนทิ้ง โชคยังดีที่ไอ้เพื่อนคนอื่นมันก็เป็นเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน เลยพากันตั้งวงก๊งเหล้า เมาหัวซุน กอดคอปลอบใจกันไปตามเรื่อง แต่พอขึ้นเลขสาม ไอ้พวกเพื่อนที่เคยกอดคอกันอ้วก ก็เริ่มหายหน้าไปทีละคน...ทีละคน จนหมดเกลี้ยง สาเหตุคือพวกมันมีเมียคอยโทร.ตาม มันเป็นเหมือนกันทุกคน ท่าทางพวกมันจะพากันเป็นโรคติดต่อ...โรคเกรงใจเมีย
เหลือผมอยู่คนเดียวที่ตอนนี้ยังโสดสนิท จะว่าเรื่องมากก็ใช่ มันยังไม่ถูกใจใคร อีกอย่างผมเข็ด เวลาทุ่มเทใจให้ใครแล้ว ถูกเขาทิ้งไปหาคนอื่น มันเจ็บปวดหัวใจดีพิลึก พอโดนทิ้งไปสองสามหน ผมเลยมีท้อ พาลเลิกคิดจริงจังกับใคร ถ้าหาคนที่ใช่ไม่เจอจริง ๆ ก็ขอเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาแบบนี้แหละ สบายใจดี
ความจริงผมเป็นคนหน้าตาดี ถึงไม่หล่อขั้นเทพเหมือนโดม ปกรณ์ลัม แต่สาว ๆ ก็ชอบเหล่มองผมล่ะ อันนี้พูดจริงไม่ได้โม้ ผมพิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัว ของที่ใช้ต้องมีระดับ เรียกว่าเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้า ผมทำตัวหล่อประชดคนที่ทิ้งผมไป ก็มันเรื่องอะไรต้องมานั่งเศร้า ทำตัวทรุดโทรมให้เขาเวทนา ยิ่งเศร้าผมก็ยิ่งเสริมหล่อ
อย่างที่บอก ผมเข็ดเรื่องความรัก ถ้าจะมีอีกครั้งต้องแน่ใจว่า ‘ใช่’ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่เสียที
ที่บ้านผมฐานะดีด้วย พูดแล้วจะหาว่าคุย บ้านผมค้าขายรายได้เดือนละเป็นแสน ผมรับมะพร้าวจากแถวนครปฐม เอามาเข้าเครื่องไฮดอลิก คั้นออกมาเป็นกะทิ ขายวันละหลายร้อยกิโล ขายขนมจีนคู่กะทิ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ลูกค้าเดินเข้าเดินออกกันให้ขวัก ผมทำกับน้องสองคน ผลัดเวรกันเฝ้าร้าน ผมตื่นแต่ตีหนึ่งเฝ้าครึ่งเช้า พอครึ่งบ่ายน้องสาวถึงมาเปลี่ยนเวร ยายนี่ก็โสดไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
หลังเที่ยงวันไปแล้วผมก็เลยว่าง คราวนี้เจ้าความเหงามันค่อยได้โอกาส เข้ามาเสนอหน้าขอเป็นเพื่อนซี้ ไล่มันก็ไม่ไป....ไอ้สลัด....
“พี่อ๊อดไปดูบอลกัน”
ข้อความถูกส่งมาในเฟซบุก น้องผู้ชายพวกนี้ผมเจอในเฟซฯ พอพวกเพื่อนแต่งงานไปกันหมด ผมเลยหันมาคบกับรุ่นน้อง แต่พวกน้อง ๆ ก็ใช่ว่าจะมาคุยด้วยทุกวัน ถึงยังไงเราก็ต่างวัยกัน นอกจากบางวันเท่านั้นที่น้องมันตั้งใจชวนผมเป็นพิเศษ อย่างเช่นคืนวันศุกร์เมื่อวานนี้
“ที่ไหน”
ผมถามกลับไป น้องคนนี้มันชื่อเสก โลโก้ ไม่รู้มันเป็นอะไรกับเสก โลโซ หน้าตามันคล้ายเขา แต่เสียงร้องไม่คล้าย ร้องเพลงเสียงเหมือนควายโดนเชือด มันบอกชื่อร้านที่มีบริการให้คอบอลพร้อมทั้งคอเหล้า
อ้อ...วันนี้มีศึกวันแดงเดือด มิน่าไอ้หมอนี่มันชวนยิก ๆ ผมตอบตกลงไป เด็กพวกนี้มันบ้าบอล ผมชอบดูพวกมันเชียร์บอลมากกว่าจะดูบอลเตะกัน พอบอลตัวเองเตะชนะ พวกมันถึงกับต้องแก้ผ้า มันแก้ผ้าวิ่งรอบร้านอย่างหน้าชื่นตาบานเป็นที่สุด แต่พอบอลแพ้ก็พากันซึมกะทือ ข้าวปลากินไม่ลง เรียกหาแต่เหล้ามาย้อมใจ บางคนคงไม่แค่เสียใจ ท่าทางจะเสียเงินไปโขอยู่
รับปากน้องมันแล้ว ผมจึงนับเงินในกระเป๋าดู กะใส่ไปเผื่อน้อง ๆ มันด้วย เพราะผมเป็นพี่ใหญ่ จะให้น้องจ่ายก็ดูกระไรอยู่ แต่ไม่บ่อยนักหรอก ของอย่างนี้มันต้องมีลิมิต
ผมอยู่สนุกด้วยที่ร้านไม่เกินตีหนึ่ง เพราะมีงานต้องรับผิดชอบ น้องมันก็รู้ นาน ๆ ถึงมาชวนที เมื่อวานนี้ก็สนุกดี แต่พอวันนี้ผมก็กลับมาเหงาเหมือนเดิม
วันนี้ถ้าน้องมาชวนไปกินเหล้า ผมคงไม่ไป เมื่อคืนเมาเละ อ้วกจนขมปาก ปวดหัวทั้งวัน ผลัดเวรเฝ้าร้านกันกับน้องสาว แล้วเดินเข้าห้องชงกาแฟกิน งัดสมุดบันทึกเล่มเก่าออกมากางอ่าน ในนั้นเคยบันทึกไว้ว่า จะต้องเป็นนักเขียนให้ได้ ฟังดูแล้วโรแมนติกดี และเป็นหนึ่งในความฝันของผมเลยทีเดียว ตอนนี้ผมก็กำลังตะกายไปให้ถึงฝันอยู่
ผมชอบจดบันทึก จดทุกวันเพื่อฆ่าเวลา พอเอามาอ่านดูเห็นว่าเข้าท่า เป็นเรื่องเป็นราวดี ผมเลยผูกเรื่องเป็นนิยาย สมมุติตัวเองเป็นพระเอกมาตามหาเจ้าสาวในอุดมคติที่ร้านขายกะทิ...พอนึกถึงเจ้าสาว ผมรู้สึกสับสนว่าตัวเองต้องการคนแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิตกันแน่ สองคนที่เคยคิดว่าใช่ แต่เพราะมัวลังเลผมก็เลยชวด อีกคนที่เขาดูจริงจังกว่า ผมก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ใจตัวเองดี ในที่สุดเขาก็ทิ้งผมไปหาคนที่ใช่กว่า
ถ้าเบื่อเขียนหนังสือขึ้นมา ผมก็เข้าอินเทอร์เนต ท่องเว็บไซต์หาคู่ อย่าแปลกใจที่คนหล่อแบบผมมาหาคู่ที่นี่ บางทีคนหล่อก็อาภัพรัก หาแฟนตัวเองไม่เจอ คุยกันผ่านโซเชียลก็สนุก หายเหงาดีเหมือนกัน
วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมจดลงในสมุดบันทึกว่าผมเหงาหนักมาก จิ้มเฟซฯ กดไล้ค์ให้เพื่อนไปแกน ๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์โต้ตอบ ไล่วนดูเฟซฯอยู่หน้าโน้ตบุก เบื่อแล้วก็เข้าเว็บไซค์หาคู่ คลิกค้นหาในสิ่งที่ต้องการ หวังว่าไม่นานอาจหาเจอคนที่ใช่จริง ๆ ผมเชื่อว่ายังมีคนนั้นอยู่บนโลกใบนี้อย่างแน่นอน
รับได้ในสิ่งที่ผมเป็น เข้าอกเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ ที่บอกว่าช่างเลือก ผมไม่ได้หมายถึงหน้าตาหรือฐานะ ต่อให้หน้าตาธรรมดาหรือจนแสนจนก็ไม่ใช่ปัญหา สำคัญคือคนแบบนั้นอยู่ที่ไหน ทำไมช่างค้นหาได้ยากเย็นเหลือเกิน
สะดุดใจอยู่ที่ชื่อหนึ่ง ผมคลิกเข้าไปดูภาพโปรไฟล์
พระเจ้า! คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ย ให้ตายเถอะ ผมเห็นใบหน้านั้นแวบแรก รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตอย่างนั้นแหละ มันร้อนวาบ ก่อนซ่าไปทั้งตัว ตอนที่จ้องเข้าไปในตาดำคมขำ หวานใสเหมือนเด็กขี้อ้อน จมูกเล็กโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ๆ ต้องตาต้องใจอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รอช้ารีบค้นหาเฟซฯจนเจอ แล้วทักไปทันที
เหมือนเทพอุ้มสม เพียงครู่เดียวก็ได้รับทักตอบ ผมดีใจมาก เราเริ่มต้นคุยกันด้วยประโยคแนะนำตัวธรรมดา จนเราเริ่มคุ้นกัน จากนั้นเราก็เปลี่ยนมาคุยทางวีดีโอคอล คุยกันนานมาก ตั้งแต่เที่ยงวันจนเกือบเที่ยงคืน มีหยุดพักกินขนมกินน้ำ เข้าห้องน้ำห้องท่าบ้าง เสร็จแล้วเราก็คุยกันต่อ เราหัวเราะขำ ระบายเรื่องราวในใจ ปลอบโยนกันไปมา
บางครั้งก็น้ำตาซึมเมื่อมีคำพูดโดนใจ รู้สึกอบอุ่นใจ เต็มตื้นอยู่ในอก พร่ำบอกไปว่าผมรอมานานเหลือเกิน ไปอยู่ที่ไหนมา ผมต้องการเห็นหน้า อยากสัมผัส อยากใกล้ชิด ปลายสายตอบมาว่า รู้สึกกับผมแบบนั้นเหมือนกัน เท่านั้นแหละน้ำตาของผมก็ไหล จนท้ายที่สุด เราก็สารภาพรักกัน
ครับ! ผมบอกรักคนที่ผมเพิ่งเจอวันแรกทางวีดีโอคอล และผมเชื่อจริง ๆ ว่า ผมบอกรักไม่ผิดคน เรื่องราวต่อจากนั้นค่อนข้างโรแมนติก ความหวานทะลุเพดานจนสุดจะทานทน... แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจขอดูรูปร่างว่าที่เจ้าสาวของผมตามสเต็บ
อย่างไม่อิดออดแม้แต่น้อย เริ่มจากท่อนบนก่อน เสื้อยืดค่อย ๆ ถูกถอดออก ผมจ้องตาเป๋ง ไล่สายตาจากใบหน้าน่ารัก มาที่ลำคอขาวผ่อง และบ่าสองข้าง หน้าอกสมส่วน ลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ จ้องดูลายสักที่แขนขวาจดข้อศอก ด้วยใจอันสั่นสะท้าน ซาบซ่านไปทั้งตัว พอเลื่อนสายตามาถึงท่อนล่าง ใจสั่น ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเต้นแรงโครมคราม จนแทบจะโดดออกมานอกอก เลือดฉีดขึ้นหน้าจนหน้าร้อนผ่าว ผมคอแห้ง กลืนน้ำลายดังเอื้อก ก่อนครางออกมา
“บอกสถานที่มาเลยทูนหัว พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้”
เสียงของผมสั่นพร่า ขณะนี้เป็นเวลาตีหนึ่งของวันใหม่ เสียงรถขนมะพร้าวมาส่ง ดังกระหึ่มอยู่หน้าบ้าน เสียงน้องสาวบ่นพึมว่าผมหายศีรษะไปไหน ผมไม่สนใจ อีกเดี๋ยวผมจะไปตามนัด วันเสาร์เหงา ๆได้ผ่านไปแล้ว ต่อแต่นี้ไป ทุกวันของผมจะมี ‘เขา’ เคียงข้าง.....ผมไม่เหงาอีกแล้ว