ROAD TRIP 2,546 km. 4 คืน 4 จังหวัด == แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่-เชียงราย-น่าน ==

Intro 
ผมเป็นคนชอบเที่ยว และโชคดีที่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวมาค่อนข้างเยอะ ใครชวนมาผมไปหมด 555+ ขึ้นรถ ลงเรือ ดำน้ำ ปีนเขา trekking ฯลฯ และก็แน่นอนว่าผมอาศัยการข้อมูลเพื่อการวางแผนการเดินทางจากกระทู้ในพันทิพนี่แหละ แต่ทุกครั้งที่ไปมาก็ไม่เคยได้มากลับมารีวิว หรือแบ่งปันอะไรเลย ดังนั้นกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่จะขอมาลองแบ่งปันกับเพื่อนๆชาวพันทิพ 

โดยในทริปนี้จะเป็นการท่องเที่ยวแบบใช้รถยนต์ส่วนตัว ขับคนเดียวชมวิวบนถนนคดเคียวอย่างแท้ทรู ที่พักนอนเต้นท์ เน้นเรียบง่าย ใกล้ที่ดูวิวธรรมชาติสวยๆ และราคาไม่แพง รวมถึงจะให้ข้อมูลที่พัก สภาพถนน จุดท่องเที่ยวชมวิวสวยๆของเส้นทางนี้ ข้อมูล ณ ช่วงเดือนธันวาคม 2564 เผื่อในโอกาสอันใกล้ใครที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวจะได้ใช้เป็นข้อมูลเพื่อวางแผนการท่องเที่ยว หรือใครอยากได้ข้อมูลตรงไหนเพิ่มเติมถามทิ้งไว้ได้เลย ถ้าผมทราบจะกลับมาตอบให้แน่นอนครับ
 
Overview
ทริปนี้ใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 1 – 5 ธ.ค. 2564 โดยมีเส้นทางดังนี้ กรุงเทพฯ => ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ. แม่ฮ่องสอน => ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ. เชียงใหม่ => ภูชี้ดาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย => อ.บ่อเกลือ จ. น่าน => เดินทางกลับกรุงเทพ โดยเส้นทางคร่าวๆ ตามภาพด้านล่างนี้


รายละเอียดการเดินทางผมขอแยกเป็นรายวันตามนี้ครับ
Day 1 : กรุงเทพ – อ. แม่สอด – ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน (826 km)
เช้านี้ผมเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เวลา 03.30 ออกจาก กทมฯ มุ่งหน้าสู่ จ.ตาก เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.แม่สอด ขอชมว่าถนนดีมากๆ แทบจะไม่มีรอยปะผุเลย เป็นถนน 4 เลนเกือบตลอดทาง ทำความเร็วได้ดีมาก ไม่ต้องคอยลุ้นเรื่องการแซงรถใหญ่บนถนน 2  เลนอีกแล้ว 

พอมาถึง อ.แม่สอดก็ขับรถเลาะชายแดนประเทศพม่าขึ้นไปทาง อ.ท่าสองยาง อ.แม่สะเรียง ทางถนนสาย 105 ที่น้อยคนที่จะเคยได้เดินทางผ่านเส้นทางนี้ เพราะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเนื่องจากมีความคดเดียวมาก จะต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าทางหลวงสายหลัก และที่สำคัญคือมันอันตราย และเปลี่ยวมาก....... มากขนาดสมัยเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้วที่มาทางนี้ ขับรถเป็นชั่วโมง เจอรถสวนแค่ไม่ถึง 10 คัน การที่จะมีรถขับตาม หรือขับไปเจอรถข้างหน้านั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าแทบจะไม่เจอใครเลย มีแต่ด่านรักษาความปลอดภัยเป็นระยะๆเท่านั้น (เคยได้ยินว่าสมัยก่อนเป็นถนนที่เค้านิยมใช้ในการแอบลำเลียงไม้เถื่อนจากพม่าที่ขนผ่านแม่น้ำสาละวิน) แต่ตอนนี้ขอบอกว่าคนละเรื่องกับเมื่อก่อนเลย มีรถค่อยข้างเยอะ โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ของคนพื้นที่ที่ขับขี่ให้เห็นกันตลอดเส้นทางไปแม่สะเรียง เป็นถนน 2 เลน ไม่มีการซ่อมบำรุงใดๆตลอดเส้นทางครับ แต่อย่างไรก็ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในตอนกลางคืนนะครับ


ผมมาถึงแม่สะเรียงประมาณ 13.00 น. แวะกินข้าวที่ร้านเก่าแก่ของที่นี่ “ร้านอาหารอินทิรา” รสชาติอร่อยเหมือนเดิม สั่งปลาแม่น้ำมากินก็สด ไม่คาวเลย
จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางต่อจาก อ.แม่สะเรียง ตัดเข้าถนนสาย 108 มุ่งหน้าไป อ. ขุนยวม จ. แม่ฮ่องสอน สู่จุดมุ่งหมายของคืนนี้ที่ ทุ่งดอบัวตอง (ดอกบัวตองจะบานประมาณต้นเดือน พ.ย. – ต้นเดือน ธ.ค. ของทุกปีเท่านั้น) พอถึงสามแยกขุนยวม เราก็เลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 1263 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท มส.4009 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร สภาพถนนดีตลอดทางเช่นกัน มีปะผุบ้างเล็กน้อย แต่เป็นถนน 2 เลน แต่ถนนถือว่าไม่แคบ ขับไม่ยากครับ 

ผมมาถึงที่นี่ 16.30 น. หลังจากที่ได้ติดต่อขอการเต้นท์ กับพื้นที่ของ อบต. เรียบร้อยก็จัดการกางเต้นท์ เก็บสัมภาระ อาบน้ำ (ไม่มีน้ำอุ่น) จากนั้นก็ขับรถขึ้นไปจุดชมวิวทุ่งดอกบัวตองที่ด้านบน เพื่อถ่ายภาพ ดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ รับลมหนาว ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากัน


คืนนี้ผมนอนในเต้นท์ที่ผมเพิ่งจะได้ซื้อมาใช้เป็นของตัวเองหลังแรก (ก่อนหน้านี้เช่า หรือไม่ก็ยืมเพื่อน) โดยเต้นท์หลังนี้ผมซื้อมาจาก Decathlon ในราคา 1,000 บาท แต่คุณภาพถือว่าดีมาก กางง่าย function การใช้งานดี มีที่ให้ห้อยไฟฉาย ช่องใส่ของ และเชือกแขวนอเนกประสงค์ภายในเต้นท์ด้วย หากใครมองหาอุปกรณ์ออกกำลังกายในราคาที่สมเหตุสมผล และมีแทบจะทุกอย่างที่คนชอบออกกำลังกาย หรือกิจกรรม outdoor ต้องการ ลองไปเดินเล่นดูนะครับ ส่วนมากจะตั้งอยู่ในห้าง Lotus ครับ

สนนค่าใช้จ่ายในคืนนี้ ก็จะมีแค่ค่าบำรุงสถานที่สำหรับกางเต้นท์ 50 บาท ค่าอาหารเย็นก็จะมีชาวบ้านมาเปิดร้านอาหารสวัสดิการขายอาหาร ขนม ชา-กาแฟ (อาหารตามสั่ง 50 บาท/จาน) ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเพื่อนๆที่อยากจะมาพักค้างคืนบนนี้ ต้องบอกว่าที่พักส่วนมากจะยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ดีสุดก็จะเป็นบ้านแบบ A-Frame (มีน้ำอุ่น กับไฟฟ้าให้ชาร์จแบตก็บุญแล้ว) และส่วนมากที่พักจะเป็นห้องน้ำรวม เนื่องจากที่นี่จะสามารถท่องเทียวได้จริงๆ ก็แค่ช่วงที่ดอกบัวตองบานเท่านั้น ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ ดังนั้นคงไม่สามารถลงทุนสร้างที่พักแบบอาคารถาวร ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบดอยอื่นๆที่มีระยะเวลาให้เที่ยวหลายๆเดือนได้ 

เพิ่มเติม : สำหรับเพื่อนๆที่ชอบดูทะเลหมอก ผมแนะนำที่พักอีกทีคือที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก เหตุผลคือ ถ้าหากออกเดินทางจาก กทมฯ หรือเขตภาคกลาง ที่นี่ก็จะถือว่าอยู่ในระยะที่ขับรถไม่ไกลมากจนเกินไป และมีบ้านพัก และร้านอาหารของอุทยานให้บริการ นอนพักกันอย่างสะดวกสบาย ห้องน้ำส่วนตัว หรือหากใครอยากกางเต้นท์เค้าก็มีจุดที่จะให้เรากางเต้นท์ หรือสามารถขึ้นมาชมวิวภูเขา ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า และชมทะเลหมอกได้ เช่น ม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส ม่อนกิ่วลม ม่อนกระทิง ที่สำคัญคนไม่เยอะด้วย

อีกทีที่ไม่อยากให้พลาดถ้ามีเวลาเยอะนั่นก็คือ การไปล่องแพแม่น้ำสาละวิน แวะเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นอกจากนี้เพื่อนๆยังมีจุดให้แวะเที่ยวระหว่างทางได้ เช่น ถ้ำแม่อุสุ, ถ้ำแก้วโกมล ทั้งนี้ขอให้โทรเช็คล่วงหน้าก่อน เนื่องจากบางที่แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย อาจจะต้องติดต่อสอบถาม หรือจองไว้ล่วงหน้าก่อนมาเที่ยวครับ 

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ดอยแม่อูคอ ก็จะมีน้ำตกแม่สุรินทร์ ขับรถต่อเข้าไปอีกไม่กี่ กม. และอีกทีคือ ภูชี้เพ้อ แต่จะต้องใช้บริการรถ 4WD เจ้าหน้าที่ขึ้นไป นิยมไปดูทะเลหมอกตอนเช้ากัน หากใครมีเวลาแวะเที่ยวให้ครบเลยนะครับ

==> ส่วนของวันที่ 2 อยู่ในส่วนถัดไปนะครับ (ข้อความเกินแล้ว)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่